บทที่ 100 ไม่เคยกินหรู (ปลาย)
ในเวลาเดียวกันนั้น บริกรก็นำอาหารมาวางพอดี กลิ่นหอม ที่มาจากอาหารที่แพงที่สุดในโรงอาหารทั้ง 8 อย่าง โชยเตะจมูกจนทำให้ ซูอัน
เกิดความอยากอาหารขึ้นมาทันทีดังนั้นเขาจึงไม่รอช้ารีบตักอาหาร
ใส่ปากอย่างรวดเร็ว
ในทางกลับกัน ฉู่ฮวนเจา ยังคงไม่ยอมลดละง่าย ๆ “นั่นไม่ถูกต้อง
ไม่ว่าข้าจะมองอย่างไร ความสัมพันธ์ของท่านกับพวกนางก็ดูมีอะไร
มากกว่านั้น นอกจากนี้ ข้าไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ ทุก ๆ คน
ต่างก็คิดแบบข้าเหมือนกัน!”
ซูอัน กลืนอาหารลงไปก่อนที่จะตอบคำถามของนาง “พวกคนอื่น ๆ
ก็เห็นเจ้าเป็นหนึ่งในผู้หญิงของข้าเหมือนกัน เจ้าคิดว่ายังไงล่ะ?”
“เหอะ! ทั้งหมดมันเป็นความผิดของท่านนั่นแหละ!” ฉู่ฮวนเจา
กัดฟันกรอด
ซูอัน ระเบิดเสียงหัวเราะ “ข้าเป็นพี่เขยของเจ้าไม่ใช่เหรอไง?
มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ข้าต้องเก็บสิ่งดี ๆ ไว้ภายในครอบครัวไม่ให้
รั่วไหลออกไปไหน”
“นี่ท่านพูดบ้าอะไรของท่าน?” ฉู่ฮวนเจา เลิกคิ้วขึ้น
ซูอัน โบกมืออย่างแก้ตัวทันที “ข้าหมายความว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นเราควรช่วยเหลือกันและกันเมื่อมีโอกาส”
“ท่านแน่ใจนะว่าท่านกับผู้หญิงพวกนั้นไม่มีอะไรเกินเลยกันจริง ๆ ?”
ฉู่ฮวนเจา ยังคงถามต่อไปเพื่อจับผิดเขา
“ไม่มีแน่นอน” ถึงแม้ว่า ซูอัน จะมีอะไรกับผู้หญิงเหล่านั้นจริง ๆ
เขาก็จะไม่ยอมรับอยู่ดี นี่คือสิ่งที่เขาคิดในใจ
ตอนนั้นเองที่ ฉู่ฮวนเจา ถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่เมื่อสายตาของนางกลับมาจองที่อาหารบนโต๊ะอีกครั้ง อาหารกว่าครึ่งก็โดนซูอันกินไป
จนหมดเรียบร้อย เมื่อเห็นเช่นนี้นางรีบเอื้อมมือไปหยิบตะเกียบทันทีด้วยสีหน้าตื่นตระหนกพร้อมกับอุทานว่า “นี่ท่านเป็นหมูเหรอไง? เหลือให้ข้า
ได้ลองชิมบ้างเสะ!”
ซูอัน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เจ้าเป็นถึงคุณหนูรองของตระกูลฉู่
เจ้ายังไม่เคยกินอาหารพวกนี้เหรอไง?”
ฉู่ฮวนเจา ตอบกลับทั้ง ๆ ที่อาหารยังเต็มปาก “แม่ของข้าเข้มงวด
กับข้ามาก นางให้เงินค่าข้านิดหน่อยเท่านั้นเองต่อวัน และอาหารพวกนี้ก็แพงหูฉี่ หากเป็นโอกาสปกติข้าไม่มีทางซื้อของพวกนี้กินหรอก!”
“โธ่ ๆ เจ้านี่ช่างน่าสงสารจริง ๆ มา ๆ พี่เขยจะคีบให้เจ้าก็แล้วกัน” ซูอัน คีบชิ้นเนื้อขึ้นมาแล้ววางลงในชามของ ฉู่ฮวนเจา ด้วยสีหน้าเห็นอกเห็นใจ
“ขอบคุณพี่เขย!” ฉู่ฮวนเจา เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบาน แต่แล้วจู่ ๆ
นางก็คิดได้ว่า อาหารทั้งหมดนี้มันเป็นเงินของข้านี่นา ทำไมข้าต้องไปขอบคุณเขาด้วยล่ะเนี่ย!?
“หยุดคีบอาหารใส่ชามของข้าได้แล้ว ตะเกียบของท่านมันเปื้อนน้ำลายของท่านไปแล้ว นี่มันไม่ต่างอะไรกับเอาน้ำลายของท่านมาปนอยู่ในอาหารของข้า!”
“แต่เจ้าก็ยังกินมันอยู่ดีไม่ใช่เหรอไง แถมข้าไม่เห็นว่าเจ้า
จะกินช้าลงเลย!”
…
หลังจากที่ ซูอัน เริ่มจะอิ่มแล้วเขาก็ถามขึ้นทันทีว่า “ฮวนเจา เจ้าคิดอย่างไรกับข้า?”
ฉู่ฮวนเจา รู้สึกประหลาดใจครู่หนึ่งก่อนจะเผลอตอบโดยไม่รู้ตัวว่า “แม้ว่าท่านจะเป็นคนที่ไร้ยางอาย ลามกและอ่อนแอเล็กน้อย แต่ท่านก็ดูเป็นคนที่พอใช้ได้ไม่ต่างอะไรกับคนปกติทั่วไป”
ซูอันกลอกตา นี่เจ้ากำลังชมเชยหรือกำลังด่าข้าอยู่กันแน่? “ถ้างั้นเจ้าคิดว่าใครในคฤหาสน์ที่ไม่ต้องการให้ข้าเป็นพี่เขยของเจ้า”
ฉู่ฮวนเจา มีบุคลิกที่ตรงไปตรงมา ดังนั้นมันคงจะดีถ้าเขาได้รับคำตอบจากนางตรง ๆ เพื่อที่จะได้พอมีเบาะแสบ้างว่าใครกันแน่ที่ต้องการชีวิตของเขา
ฉู่ฮวนเจา ระเบิดเสียงหัวเราะ ขบขันกับคำถาม “โอยย มีจนนับไม่ถ้วนเลยล่ะพี่เขย!”
ซูอัน ระงับความอยากที่จะหยิกแก้มนาง “ไม่ใช่แบบนั้นข้าหมายถึงคนที่เกลียดชังข้าจนถึงจุดที่อยากเอาชีวิตของข้าต่างหาก!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่ฮวนเจา ขมวดคิ้วทันทีจากนั้นนางนั่งครุ่นคิดอย่างจริงจังอยู่สักพัก “ถ้าเป็นกรณีนั้นมันก็มีไม่น้อย…”
สีหน้าของ ซูอัน เปลี่ยนเป็นโง่งม เขาเชื่อว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ได้โกหกเขาแน่นอน สิ่งนี้มันแสดงให้เห็นว่าเจ้าของร่างเดิมคงเป็นคนที่น่ารังเกียจ
อย่างแท้จริงเพราะไม่งั้นมันคงไม่มีคนในตระกูลฉู่จำนวนมากขนาดนี้
ที่อยากเอาชีวิตเขา!
“แล้วพี่สาวของเจ้าล่ะ?” ซูอัน มองเข้าไปในดวงตาของ ฉู่ฮวนเจา จับจ้องหาอาการพิรุธเพราะคำถามนี้ถือว่าเป็นคำถามสำคัญที่เขาอยากได้รับการยืนยัน
แม้ว่าเขาจะไม่คิดว่า ฉู่ชูเหยียน จะเป็นคนต้องการเอาชีวิตของเขา
แต่มันก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เสวี่ยเอ๋อร์ เป็นสาวใช้ส่วนตัวของนาง
หากไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้านาย สาวใช้อย่างเสวี่ยเอ๋อร์จะกล้าแสดงท่าที
เป็นปรปักษ์กับเขาถึงขนาดนี้ได้ยังไง
“พี่สาวของข้า?” ฉู่ฮวนเจา สับสน “พี่ของข้าจะอยากเอาชีวิตท่าน
ไปเพื่ออะไร?”
“ก็เมื่อครู่เจ้าไม่ได้บอกเหรอไงว่ามีคนจำนวนมากในตระกูล
ที่อยากเอาชีวิตข้า? เจ้าลืมไปแล้วงั้นเหรอว่าพี่สาวของเจ้าก็เป็นคนในตระกูลด้วยเหมือนกัน” ซูอันถามกลับ
ฉู่ฮวนเจา ส่ายหัวและตอบทันที “ท่านเป็นเจ้าบ่าวที่พี่สาวของข้าเลือกมาด้วยตัวของนางเอง ท่านควรรู้เอาไว้ว่าจริง ๆ แล้วพ่อแม่ของข้าได้เขียนรายชื่อชายหนุ่มที่คู่ควรมาให้พี่สาวของข้าเลือกเป็นสิบ ๆ ชื่อ แต่นางกลับไม่เหลียวมองรายชื่อพวกนั้นเลยแม้เพียงอึดใจ ท้ายที่สุดนางกลับเลือกคนเลว… แค่ก ๆ ข้าหมายถึงผู้ชายอย่างท่าน! ท่านรู้ไหมว่ามีคนมากมายขนาดไหน
ที่พยายามจะหยุดนาง ทุกคนต่างพูดเหมือนกันหมดว่านางกำลังทำลายอนาคตของนางเอง แต่ถึงกระนั้น นางกลับบอกว่านางจะไม่แต่งงานกับใครอื่นนอกจากท่านเท่านั้น ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่เลยว่านางเห็นอะไรในตัวท่าน!”
ในระหว่างที่ตอบกลับนางมอง ซูอัน ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตาดูถูก
“เฮ้ เฮ้ เฮ้ เจ้ากำลังทำร้ายความรู้สึกของข้าอยู่เจ้ารู้รึเปล่า!”
ซูอัน ตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองอีกครั้ง เขาเคยได้ยินเรื่องนี้จาก เฉิงโซวผิง มาก่อนและตอนนี้ ฉู่ฮวนเจา ก็ยืนยันเรื่องนี้อีกครั้ง ดูจากรูปการณ์แล้วดูเหมือนว่าตอนนี้เขาคงสามารถวางใจได้ว่า ฉู่ชูเหยียน ไม่ใช่ตัวการ
อยากได้ชีวิตเขาแน่นอน
แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ สายตาของเขาจับจ้องไปที่สาวน้อยที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา เขาเลือกที่จะเปลี่ยนความคิดของตัวเองทันที ไม่สิ ไม่ถูกต้อง คนที่ไม่มีทางเอาชีวิตข้าแน่นอนอันดับที่หนึ่งก็คือสาวน้อยคนนี้ต่างหาก! ส่วน ฉู่ชูเหยียน ข้าให้เป็นอันดับสองก็แล้วกัน
“ช่วงนี้พี่สาวของเจ้ากำลังทำอะไรอยู่ข้าไม่ค่อยจะเห็นนางอยู่ในคฤหาสน์สักเท่าไหร่เลย” ซูอัน ถาม
“ไม่รู้” ฉู่ฮวนเจา ตอบขณะที่นางยังคงเพลิดเพลินกับอาหารอันโอชะ
ที่อยู่ต่อหน้านาง
ซูอัน ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าหงุดหงิด “เจ้าเป็นน้องสาวของนางแท้ ๆ
ทำไมเจ้าถึงไม่รู้อะไรบ้างเลยแบบนี้!”
ฉู่ฮวนเจา ปฏิเสธคำพูดเหล่านั้นอย่างไม่ลังเล “แล้วท่านล่ะ ท่านเป็นสามีของนางแท้ ๆ ท่านก็ยังไม่รู้อะไรเลย! และอีกอย่างพ่อแม่และพี่สาวของข้า
ก็ไม่เคยเล่าอะไรให้ข้าฟังอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดในตระกูล!”
“กิน กิน กิน สิ่งที่เจ้ารู้ก็คือกิน! เจ้ากินไปตั้งเยอะทำไมหน้าอกของเจ้า
ไม่โตขึ้นเลยสักนิดหะ?” ซูอัน มองดูหน้าอกแบตราบ ของนางในขณะที่เขาสงสัยว่า พวกเจ้าพี่น้องเกิดมาจากแม่คนเดียวกัน ทำไมพวกเจ้าทั้งสองคนถึงได้ต่างกันมากขนาดนี้ได้เนี่ย?
“ซูอัน นี่เจ้าพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงหะ?” อารมณ์ของ ฉู่ฮวนเจา พุ่งปรี้ดขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้โดยเฉพาะเมื่อนางเห็นสายตาของซูอันที่จ้องมองหน้าอกนางด้วยสายตาเวทนามันยิ่งทำให้โมโหมากไปกันใหญ่
ท่านยั่วยุ ฉู่ฮวนเจา สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +666!
ซูอัน รู้สึกขบขัน เขาไม่ได้คาดหวังว่านางจะอ่อนไหวกับเรื่องหน้าอกของนางมากขนาดนี้ เมื่อเห็นเช่นนี้เขาจึงไม่ต้องการทำให้นางโมโหมากขึ้นกว่าเดิม เขาจึงรีบพูดว่า “ข้ากำลังบอกว่าเจ้าควรใส่ใจกับรูปลักษณ์ของเจ้าเองบ้าง อย่างน้อย ๆ เจ้าก็ควรเช็ดปากของเจ้าสักหน่อยหลังกินอาหารเสร็จ”
ในระหว่างที่พูด ซูอัน เอื้อมมือไปหยิบเมล็ดข้าวที่ติดอยู่ที่มุมริมฝีปากของนางออก
การกระทำของเขาทำให้ใบหน้าของ ฉู่ฮวนเจา เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเพราะความโกรธ “นี่เจ้าไม่เคยได้ยินเหรอว่าไม่เหมาะสมที่ชายหญิงจะถูกเนื้อต้องตัวกันแบบนี้? ตอนนี้เจ้ากำลังมีความคิดน่ารังเกียจกับข้าใช่ไหม!?”
ซูอัน เดาะลิ้นด้วยความรำคาญ “ทีตอนนี้เจ้ากลับมาคิดได้ว่าเจ้าเป็นผู้หญิงเนี่ยนะ?”
ฉู่ฮวนเจา ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าอย่างสับสน
“นั่นก็จริงแหะ” จากน้ำเสียงของนาง ดูเหมือนว่านางจะเลิกคิดโทษซูอันแล้ว