บทที่ 101 ข้ามีจุดแข็งอะไร? (ต้น)
“เฮ้อ…ข้าเสียเวลากับพวก หยวนเหวินตง มากเกินไปจนตอนนี้มันใกล้จะถึงคาบเรียนบ่ายแล้ว ข้าคงต้องขอตัวไปก่อนล่ะ” ฉู่ฮวนเจา เอ่ยขึ้น
ณ เวลานี้ในโรงอาหารก็แทบจะไม่เหลือใครแล้วเช่นกัน นางค่อย ๆ เช็ดปากของนางก่อนที่จะลุกขึ้นยืน
“เจ้าเรียนอยู่ชั้นเรียนไหน?” ซูอัน ถามด้วยความอยากรู้
“ข้า…” น่าแปลกที่จู่ ๆ ฉู่ฮวนเจา ก็เริ่มแสดงท่าทีกระวนกระวายแบบแปลก ๆ เสียงของนางอ่อนลงเล็กน้อยในขณะที่ตอบกลับ “ข้าอยู่ชั้นเรียนสีดำ…ฮึ่ม! จะหัวเราะยังไงก็เชิญตามสบาย ใช่สิพี่สาวของข้าเป็นอัจฉริยะอยู่ชั้นเรียนนภา แต่ข้ามันก็ได้แค่นี้ข้าไม่ได้เก่งเท่านางสักข้ารู้ตัวเองดี ข้าเคยถูกเยาะเย้ยมาหลายครั้งแล้ว ดังนั้นต่อให้ท่านเยาะเย้ยข้าอีกรอบข้าก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก!”
ในระหว่างที่ ฉู่ฮวนเจา กำลังเตรียมรอรับการโดนถากถางจู่ ๆ ซูอัน ก็เดินมาลูบหัวนางแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าคงลำบากน่าดูเลยล่ะสิใช่ไหม? เอาล่ะนับจากนี้เจ้าไม่ต้องกังวล ตราบใดที่มีข้าอยู่ เจ้าจะไม่ดูด้อยที่สุดอีกต่อไปแล้ว ข้าเรียนอยู่ชั้นสีเหลือง เจ้าจำได้ใช่ไหม?”
นับตั้งแต่วันแรกที่เขามาที่โลกนี้เขาจำได้ดีว่าทุกคนล้วนปฏิบัติกับเขาเลวร้ายแค่ไหน จะมีก็เพียงคนเดียวที่ยืนหยัดเพื่อเขาซึ่งก็คือสาวน้อยผู้นี้โดยเฉพาะเมื่อตอนที่เขาถูกสอบสวนอยู่ในห้องโถงบรรพบุรุษ ดังนั้นเมื่อเห็นว่านางเศร้าใจเมื่อกล่าวถึงปมด้อยเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะปลอบประโลมสาวน้อยตรงหน้า
ฉู่ฮวนเจา ตกตะลึงกับคำพูดของเขา นางจ้องมองเขาอย่างลึกซึ้งครู่หนึ่งก่อนจะพึมพำเบา ๆ “ขอบคุณพี่เขย..”
ซูอัน ปลอบใจต่อไป “ทุกคนมีจุดแข็งของตัวเอง บางทีความแข็งแกร่งของเจ้าอาจไม่ได้อยู่ที่การบ่มเพาะก็ได้”
ฉู่ฮวนเจา มองไปที่ ซูอัน ด้วยสายตาลึกซึ้งกว่าเดิมเนื่องจากนางประทับใจกับคำพูดของเขาจริง ๆ “แล้วท่านคิดว่าจุดแข็งของข้าคืออะไร”
ซูอัน เริ่มพูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำถามนี้
ข้าแค่ปลอบใจเจ้า เจ้าไม่ต้องถามลึกมากขึ้นเรื่อย ๆ แบบนี้ได้ไหม ข้าคิดไม่ทัน!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญกับสายตาที่คาดหวังของ ฉู่ฮวนเจา เขาก็รู้ตัวว่ามันคงไม่ดีแน่หากเขาจะตอบไปว่าเขาไม่รู้จุดแข็งของนางเลยใช่ไหม?
อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งสองรู้จักกันเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งมันทำให้ ซูอัน คิดยังไงก็คิดไม่ออกจริง ๆ ว่าจุดแข็งอื่น ๆ ของนางคืออะไร เขาใช้เวลาอยู่นานก่อนที่เขาจะบีบคำตอบออกมาในที่สุด “เอ่อ..จุดแข็งของเจ้าก็..คง..คงจะเป็นเรียวขาของเจ้า…ที่ยาว?”
แม้จะฟังดูไร้สาระ แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นความคิดที่ติดอยู่ในหัวของเขาจริง ๆ แม้กระทั่งตอนนี้ เขายังจำขาเรียวยาวคู่นั้นที่แกว่งไปมารอบ ๆ ขณะที่นางนั่งอยู่บนโต๊ะในคืนนั้น นั่นเป็นเรียวขาที่สามารถพิชิตใจชายหนุ่มไม่ว่าจะคนไหนได้อย่างง่ายดายแน่นอน
ไม่น่าแปลกใจเลยที่มีคนเคยบอกว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่หน้าอกเล็กพระเจ้าจะทดแทนจุดด้อยนั้นไปที่ขาของพวกนาง
ในทางกลับกัน ฉู่ฮวนจ้าว ไม่คาดคิดว่าจะได้รับคำตอบเช่นนี้ นางถ่มน้ำลายลงพื้นทันที “ถุย! ไอ้คนโรคจิต!”
เมื่อพูดจบนางก็รีบวิ่งออกไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำทันที
ซูอัน มองตามหลังนางไปด้วยสีหน้างุนงง
แค่ด่าข้าแบบนี้จะมีประโยชน์อะไร? คะแนนความโกรธของเจ้าอยู่ที่ไหน ทำไมข้าถึงไม่ได้รับอะไรเลย? นี่มันไม่ยุติธรรม! ในขณะเดียวกัน เว่ยสั่ว ก็เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าประจบสอพลอและพูดว่า “ลูกพี่ ข้ารู้สึกเทิดทูนท่านมากขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ ข้าคิดว่าท่านน่าจะเป็นคนเดียวในสถาบันที่สามารถทำให้คุณหนูรองตระกูลฉู่แสดงสีหน้าเขินอายได้แบบนั้น!”
“แน่นอนอยู่แล้ว เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังคุยกับใครอยู่กันล่ะ?” ซูอัน ตอบด้วยความยินดี “ว่าแต่ บ่ายนี้เรามีเรียนอะไร?”
ก่อนหน้านี้เขาคิดที่จะหนีออกจากสถานศึกษาเมื่อทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว แต่เนื่องจากเหตุการณ์เมื่อครู่มันทำให้เขาได้รับคะแนนความโกรธอย่างมหาศาลโดยไม่ได้คาดคิด ดังนั้นความคิดของเขาที่มีต่อการรั้งอยู่ในสถาบันจึงเปลี่ยนไป เขาเริ่มรู้สึกว่าการเรียนที่นี่ก็ไม่ได้แย่ไปหมดซะทีเดียว
“ถ้าข้าจำไม่ผิดมันน่าจะเป็นมารยาทและดนตรี” เว่ยสั่ว ตอบกลับ
“มารยาทและดนตรี?” ดวงตาของ ซูอัน เป็นประกาย
ตั้งแต่โรงเรียนอนุบาลจนถึงมหาวิทยาลัย เขาสังเกตเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนไหนแผนกสอนดนตรีมักมีครูผู้หญิงสวยที่สุดเสมอ แล้วยิ่งโลกที่เขาอยู่ตอนนี้เต็มไปด้วยผู้บ่มเพาะมากมาย ครูสอนดนตรีก็ควรจะสวยกว่าโลกปกติอยู่แล้วจริงไหม?
ซูอัน ไม่เคยตั้งหน้าตั้งตารอเข้าเรียนมากขนาดนี้มาก่อน เขารีบกลับไปที่ห้องเรียนทันทีแต่แล้วเมื่อเขากลับไปถึง เขาก็ได้เห็นไอ้อ้วน ม่านอวี้ กำลังพูดคุยเสียงดังกับบรรดาลิ่วล้อของมัน เมื่อเห็นว่า ซูอัน เข้ามาในห้องกลุ่มของ ม่านอวี้ก็เงียบลงทันที
กลุ่มของ ม่านอวี้ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมถอยเพราะ ซูอัน แข็งแกร่งกว่าพวกเขาไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายหรือคนหนุนหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ในทางกลับกัน ซูอัน ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรสักเท่าไหร่กับฝั่งตรงข้าม เขามองไปที่ประตูห้องเรียนด้วยสายตาคาดหวังว่าอาจารย์สาวแสนสวยจะเดินเข้ามาในไม่ช้า
เมื่อเวลาผ่านไปสักพักท้ายที่สุดคนที่เดินเข้ามากลับเป็นชายชราตัวสั่นที่เดินแทบจะไม่ไหวต้องใช้ไม้เท้าช่วยเดิน!
เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอัน แทบจะร้องไห้ออกมาดัง ๆ ! ความหวังที่เขาวาดไว้พังทลายลงแบบไม่มีชิ้นดี!
“แค่ก ๆ เปิดตำราของพวกเจ้าได้แล้ว วันนี้เราจะเริ่มต้นบทใหม่ กฎแห่งความเหมาะสม
“ค่านิยมและศีลธรรมนั้นไร้ความหมายหากไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความเหมาะสม การปฏิรูปสังคมและปรับปรุงวัฒนธรรมจะสูญเปล่าหากไม่มีความเหมาะสม การแยกแยะระหว่างถูกและผิดจะเป็นไปไม่ได้หากไม่มีความเหมาะสม…
…
สวรรค์ช่วยข้าที!
ซูอัน หมดหวังอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่จะไม่มีอาจารย์สอนดนตรีคนสวยที่คาดหวังไว้เท่านั้น แต่เขายังต้องทนทุกข์ทรมานจากการฟังบทสวดของตาแก่ที่ไหนก็ไม่รู้ นี่มันแย่ยิ่งกว่าอยู่ในคุกซะอีก!
ชายหนุ่มมองออกไปนอกหน้าต่างในขณะที่เขากำลังชั่งใจว่าจะใช้ทักษะของจ้าววายุ พุ่งออกจากห้องเรียนนี้ไปดีหรือเปล่า? อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาว่า เว่ยสั่ว กล่าวว่าครูในสถาบันเป็นผู้บ่มเพาะทั้งหมด เขาก็รู้สึกว่าโอกาสที่เขาจะหนีรอดออกไปได้นั้นต่ำมาก แถมไอ้อาจารย์เจ้าระเบียบอย่าง ลู่เต๋อ ก็ยังคงอยู่ในสนามในขณะนี้ หากเขาหลบหนีในตอนนี้ เขาคงตกไปอยู่ในเงื้อมมือของไอ้อาจารย์โรคจิตนั่นแน่ ๆ
นอกจากนี้ มันไม่คุ้มที่จะเปิดเผยไพ่เด็ดของเขาในที่สาธารณะด้วยเหตุผลเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้
ดังนั้น ซูอัน จึงทำได้เพียงพับความคิดที่จะหนีลงไป
เขาไม่มีทางที่จะตั้งใจฟังบทเรียนที่กำลังสอนอยู่อย่างแน่นอน เพราะไอ้บทเรียนเหล่านี้มันไม่ได้ทำให้ชีวิตของเขาดีขึ้นเลยสักนิด ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจแอบทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเท่าที่เขาพอจะทำได้ในตอนนี้ซึ่งก็คือการสุ่มรางวัลจากคะแนนที่ได้มาเป็นจำนวนมากก่อนหน้านี้!