บทที่ 90 แผนการของซุนซื่อ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 90 แผนการของซุนซื่อ

บทที่ 90 แผนการของซุนซื่อ

“ท่านพ่อ เหตุใดปีใหม่พวกเราต้องกลับมาที่นี่ด้วยเจ้าคะ อยู่ที่อำเภอไม่ดีกว่าหรือ! มาอยู่ที่นี่ยังทำให้น้องไม่ได้อ่านหนังสือด้วย!” กู้ซินเถาเอาเรื่องเรียนของกู้จือเหวินขึ้นมาอ้าง “ดูสิ ที่นี่ผุพังแบบนี้ แม้แต่โต๊ะหนังสือก็ไม่มี แล้วน้องจะอ่านหนังสือได้อย่างไร!” แท้จริงกู้ซินเถาไม่อยากมาในสถานที่ผุ ๆ พัง ๆ นี้เลยสักนิด หมู่บ้านอู๋ซีไม่มีอะไรน่าชมสักนิดเดียว บ้านคนรวยสักบ้านก็เหมือนจะไม่มีเลยกระมัง วันทั้งวันต้องมองชาวบ้านแต่งตัวมอซอเดินไปเดินมา เสียสายตาจะตายอยู่แล้ว

ไหนเลยจะเทียบกับในอำเภอได้ ในโรงเตี๊ยมมักเจอแต่คนมีเงิน เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมล้วนดูดีกว่าคนพวกนี้ตั้งพันตั้งหมื่นเท่า

“ใช่แล้ว พวกเรากลับมาครั้งหนึ่งก็ต้องอยู่สิบวันครึ่งเดือน ในห้องนี้โต๊ะหนังสือสักตัวยังไม่มี เหวินเอ๋อร์จะเขียนหนังสือได้อย่างไร?” ซุนซื่อก็ถามเช่นกัน “ข้าจำได้ว่าปีที่แล้วตอนที่เรามา ในห้องนี้มันยังมีโต๊ะเล็กตัวหนึ่งอยู่เลย ทำไมปีนี้กลับไม่มีแล้ว”

ซุนซื่อเพียงแค่ถามกลับกู้ฉวนลู่ อันที่จริงใครที่ได้ยินก็ต้องรู้อยู่แล้วว่าซุนซื่อหมายความว่าอะไร ห้องทิศตะวันตกก็คือครอบครัวกู้เหมือนกัน ปกติมีแค่ครอบครัวกู้ฉวนโซ่วบ้านเดียวที่อยู่ที่นี่ ในห้องทิศตะวันตกไม่มีโต๊ะ แล้วมันจะไปไหนได้ ก็เฉาซื่อเอาไปแล้วน่ะสิ

พอกู้ฉวนลู่ฟังซุนซื่อกับกู้ซินเถาพูดว่าเป็นห่วงปัญหาการเรียนของลูกชาย เขาก็พลันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เครื่องเรือนในห้องนี้น้อยกว่าปีที่แล้ว อย่าว่าแต่เทียบกับปีที่แล้ว ขนาดเทียบกับเมื่อไม่กี่ชั่วยามที่ผ่านมาก็ยังน้อยยิ่งกว่าน้อย

กู้ฉวนโซ่วไม่ใช่คนใจกล้าเอาของในห้องนี้แน่ เช่นนั้นคนที่นำของในห้องนี้ไปต้องเป็นเฉาซื่ออย่างไม่ต้องสงสัยแล้ว สีหน้าของกู้ฉวนลู่ย่ำแย่ลง เบิกตากว้าง มองห้องโล่ง ๆ ที่เกือบจะไม่มีอะไรเลยอย่างพูดอะไรไม่ออก

ซุนซื่อเห็นกู้ฉวนลู่ไม่พูด ก็คิดว่าในใจเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดสิ่งที่อยู่ในใจเนิ่นนานออกมา “ข้าคิดว่าหลายปีที่ผ่านมา พวกเราก็เก็บเงินหลายตำลึงแล้ว เงินพวกนั้นมีมากพอให้พวกเราซื้อของใหม่ดี ๆ ได้แล้ว หรือว่าถ้าปีใหม่ผ่านไปแล้ว พวกเราไปอยู่บ้านใหม่กันเถอะนะเจ้าคะ”

ซุนซื่อไม่รู้ว่าสุดท้ายแล้วกู้ฉวนลู่จะทำเช่นไร สองสามปีก่อน เพราะเรื่องของเฉาซื่อ กู้ฉวนลู่จึงต้องแยกบ้านออกไปจากตระกูลกู้ เพียงแต่ว่าหลังจากที่ท่านปู่กู้จากไป ไม่รู้เพราะอะไรกู้ฉวนลู่จึงมักมาฉลองปีใหม่ที่บ้านหลังนี้

ซุนซื่อเดิมทีวางแผนจะอยู่กับผู้ใหญ่บ้านของหมู่บ้านอู๋ซี แบบนี้ทุกครั้งที่กลับมาจะได้มีที่พักอาศัยได้ หรือไม่ก็ซื้อบ้านสักหลังในอำเภอ อย่างไรก็ตามในหมู่บ้านอู๋ซี นางก็ไม่มีญาติอยู่แล้ว

นอกจากงูเหลือมที่กินอย่างไรก็ไม่อิ่มอย่างบ้านสามกู้ ก็เหลือแค่เด็กสี่คนของบ้านรองแล้วเท่านั้น

“ใช่เจ้าค่ะท่านพ่อ พวกเราทำห้องเป็นของตัวเองเถอะ ไม่เช่นนั้นก็ซื้อบ้านที่อำเภอน้องชายจะได้สะดวกอ่านหนังสือ” กู้ซินเถาอยากซื้อบ้านในอำเภอมากกว่า นางไม่อยากกลับมายังหมู่บ้านอู๋ซีอันทุรกันดารนี้อีกแล้ว

ถ้ามีบ้านที่อำเภอก็แสดงว่านางจะกลายเป็นสตรีในเมืองแล้ว หลังจากนั้นก็หาสหายรวย ๆ เพราะนางก็ถือว่ามีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว

“ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เงินในมือพวกเรา…” กู้ฉวนลู่มองซุนซื่อกับกู้ซินเถาหลังจากนั้นก็พูดขึ้น

“ท่านพ่อ…แล้วเมื่อใดจึงจะพร้อม?” กู้ซินเถาเริ่มร้อนใจแล้ว รีบเดินไปข้างหน้าคว้าแขนเสื้อกู้ฉวนลู่ถามอย่างรีบร้อน กู้ซินเถาร้อนใจมาก นางอายุสิบปีแล้ว อีกไม่กี่ปีนางก็ต้องแต่งงานแล้ว ถ้ายังอยู่ในโรงเตี๊ยมไม่มีบ้านในเมืองเป็นของตัวเอง ต่อจากนี้เรื่องความรักของนางก็จะยิ่งลำบากแน่

ไม่ถึงเวลา? แล้วเมื่อไรถึงจะพร้อมล่ะ?

“ข้าคิดว่าตอนนี้มันก็ถึงเวลาแล้วนะเจ้าคะ เหวินเอ๋อร์ยังไม่ได้สอบซิ่วไฉ* ซินเถาก็ยังเด็ก ข้าคิดว่าพวกเราซื้อบ้านที่ในอำเภอสักห้อง แบบนี้เหวินเอ๋อร์จะอ่านหนังสือก็สะดวกสบาย บ้านของตัวเองทำความสะอาดเอง ทุกครั้งที่เหวินเอ๋อร์กลับมา สภาพแวดล้อมก็จะดีด้วยเหมือนกัน แม้ว่าที่โรงเตี๊ยมจะดี แต่มันก็ไม่ใช่บ้านของเรา อีกทั้งพริบตาเดียวซินเถาก็โตแล้ว เด็กสาวแบบนี้จะไป ๆ มา ๆ อยู่ในโรงเตี๊ยมได้อย่างไรเจ้าคะ บุรุษเข้าออกมากหน้าหลายตาขนาดนั้น อย่างไรก็ดูไม่ดีเหมือนกัน!” ซุนซื่อพูดได้มีชั้นเชิงมาก อยากมีบ้านในเมือง ก็ต้องใช้ประโยชน์จากลูกทั้งสองคนออกมาพูด

*สอบซิ่วไฉ เป็นขั้นที่หนึ่งระดับหมู่บ้านหรืออำเภอของการสอบจองหงวน

ถ้าซื้อบ้านในเมือง หนึ่งคือลูกชายจะสะดวกอ่านหนังสือ สภาพแวดล้อมดี สะอาดสะอ้าน อีกหนึ่งคือลูกสาว ลูกสาวก็โตเป็นสาวแล้ว ไม่อาจอยู่ในที่คนพลุกพล่านเพราะจะทำให้ลูกสาวเสื่อมเสียได้

ซุนซื่อฉลาดมาก และก็เพราะแผนการของซุนซื่อด้วยเช่นกันที่ทำให้บางครั้งกู้ฉวนลู่ยังเอาแผนของซุนซื่อมาไตร่ตรอง เหมือนกับตอนนี้ที่ซุนซื่อหยิบยกคำพูดมาพูดให้เขาเข้าใจขนาดนี้ แม้กู้ฉวนลู่ยังคงไม่พูดอะไร แต่สีหน้าก็ดูสุขุมขึ้นราวกับกำลังครุ่นคิดถึงคำพูดของซุนซื่ออยู่

เมื่อซุนซื่อเห็นว่าตนเองได้บรรลุวัตถุประสงค์แล้วก็ส่งสายตาให้กู้ซินเถาเงียบ ๆ และให้เอาใจกู้จือเหวินอีกคน สามแม่ลูกใจตรงกัน เหลือเพียงกู้ฉวนลู่เอ่ยปากเท่านั้น

ในใจของกู้ฉวนลู่ยังไม่ได้วางแผนไว้ สองสามปีมานี้ทุกครั้งที่เขากลับมาหมู่บ้าก็ต้องอยู่ในห้องแคบ ๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงห้องฝั่งตะวันตกกับห้องนอนหลักก็เหมือนต่างกันคนละฟ้าแล้ว แม้แต่ห้องธรรมดาในโรงเตี๊ยมเอามาเทียบก็เหมือนฟ้ากับดิน คนที่ชินกับการอยู่บ้านดี ๆ อย่างซุนซื่อไหนเลยจะทนไหว

อีกทั้งในชนบท หัวหน้าตระกูลอยู่ห้องนอนหลักมันเป็นธรรมเนียมในหมู่บ้าน แต่กู้ฉวนลู่ตอนนี้กลับถูกน้องชายคนที่สามให้มาอยู่ในห้องแคบ ๆ ฝั่งตะวันตก กู้ฉวนลู่คิดแล้วคิดอีกก็รู้สึกไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

เมื่อครู่เขาเพิ่งไปหาผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านที่เหมือนปิดบังอะไรไว้ ทำให้ในใจกู้ฉวนลู่เหมือนมีเสี้ยนตำ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนในหมู่บ้านมองบ้านใหญ่ของพวกเขาอย่างไร

แต่เรื่องนี้ ปีนี้เห็นว่ามันคงจะถึงเวลาแล้ว

กู้ฉวนลู่ตัดสินใจได้แล้ว เขามองซุนซื่อกับลูกสองคนที่มองอย่างคาดหวังมาที่เขา กู้ฉวนลู่ก็ลูบคางแล้วพูดว่า “วางใจเถอะ!”

ได้รับคำตอบจากกู้ฉวนลู่ ซุนซื่อกับกู้ซินเถาก็ยิ้มออกอย่างดีใจ กู้ซินเถาเก็บอาการตื่นเต้นไว้ในใจ ในใจคิดว่าอีกไม่นานตัวเองก็จะกลายเป็นสตรีในเมืองแล้ว แค่คิดนางก็ดีใจจนเนื้อเต้นแล้ว

กู้จือเหวินเองก็ดีใจเช่นเดียวกัน ถึงตอนนั้นเขาก็ฉลองปีใหม่ในอำเภอไปเลย ไม่ต้องมาบ้านเก่า ๆ นี้แล้ว

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มีบ้านในเมืองก็ดีเหมือนกัน แยกกันอยู่ไปเลย จะได้ไม่ว่างมากจนมาระรานเสี่ยวหวาน

ไหหม่า(海馬)