ผีแสร้งเทพ
“เจ้า!”
พอได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน โอวหยางชิงถึงกับเดือดดาลจนหายใจไม่ทัน อนิจจามันไม่อาจหาคำใดมาแย้งได้
เพราะสุดท้ายแล้วคำพูดของต้วนหลิงเทียนนั้นก็สมเหตุสมผลจริงๆ
อีกฝ่ายช่วยชีวิตน้องสาวมันเอาไว้
“ฮึ่ม! ชิงเอ๋อ ต้วนหลิงเทียนเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตน้องสาวเจ้า! เจ้าอย่าได้หยาบคายแล้ว!!”
ในช่วงเวลาอึมครึมนี้เอง โอวหยางป้าพลันสบถตำหนิโอวหยางชิงออกมา
“สหายน้อยต้วน เรื่องที่เจ้าช่วยหลัวเอ้อไว้ข้าต้องขอบคุณเจ้าอย่างยิ่ง”
โอวหยางป้าลุกขึ้นมาทั้งประสานมือคารวะกล่าวขอบคุณต้วนหลิงเทียน
“ผู้นำโอวหยางเกรงใจไปแล้ว แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาเบาๆค่อยกล่าว “ตอนนี้ในเมื่อท่านได้กล่าวขอบคุณข้าแล้ว…ก็นับว่าเพียงพอ หากท่านไม่มีอะไรอื่นอีก ข้าจำต้องขอตัวลากลับก่อน…นี่ก็มืดแล้ว ข้านัดพบกับผู้อาวุโสเอาไว้ที่โรงเตี๊ยม”
ผู้อาวุโส?
ได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน โอวหยางป้ากับโอวหยางหลัวหันหน้ามองสบตากันใด ก่อนที่ต่างจะเผยรอยยิ้มออกมา
“คืนนี้ข้าอยากเรียนเชิญสหายน้อยต้วนมากินเลี้ยงที่บ้านข้า เพื่อตอบทานที่ท่านสหายน้อยต้วนช่วยชีวิตลูกสาวข้า…สำหรับผู้อาวุโสของสหายน้อยต้วน แน่นอนว่าข้าย่อมขอเรียนเชิญท่านด้วย…หรือให้ข้าตามสหายน้อยต้วนไปเชิญผู้อาวุโสด้วยตัวเองเลยดีหรือไม่?”
โอวหยางป้ากล่าวต้วนหลิงเทียนด้วยใจจริง
ต้วนหลิงเทียนที่กล่าวอ้างถึง ‘ผู้อาวุโส’ ขึ้นมา แน่นอนว่าย่อมเป็นข้ออ้างในการปลีกตัวกลับไปโดยไว
ผู้ใดจะไปคิดว่าผู้นำตระกูลโอวหยางยังตามตื้อ ถึงขั้นคิดเรียนเชิญอาวุโสของเข้ามากินเลี้ยงด้วย
“ผู้นำโอวหยางน้ำใจนี้ของท่านข้าคงขอรับไว้ด้วยใจแล้ว ทว่าเรื่องนี้คงเป็นไปไม่ได้…อาวุโสของข้ามิชอบพบปะคนนอก”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวกล่าว
“ไม่ชอบพบปะคนนอก?”
โอวหยางชิงพลันหัวเราะเยาะดังลั่น “เป็นผู้ยิ่งใหญ่มาจากที่ใดกัน…แต่ข้ามิรู้ว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่จริงหรือไม่!”
“ผู้นำโอวหยาง ดูเหมือนว่ากระทั่งบุตรชายท่านเองก็ไม่ได้คิดต้อนรับข้าเท่าไหร่…เช่นนั้นข้าขอตัวเลยแล้วกัน”
เมื่อเห็นโอวหยางชิงกล่าวโพล่งเสียดสีออกมา ต้วนหลิงเทียนไม่เพียงไม่รู้สึกไม่พอใจ ยังชมชอบวาจาที่มาได้พอดีนี้ไม่น้อย เป็นข้ออ้างให้เขาจากไปทันที
“สหายน้อยต้วนช้าก่อน!”
เห็นเช่นนี้โอวหยางป้าก็อดเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้
พอได้ยินว่าต้วนหลิงเทียนมีผู้อาวุโสมาด้วย ความคิดแรกของมันคือเชื้อเชิญต้วนหลิงเทียนกับผู้อาวุโสไว้เพื่อเชื่อมไมตรีให้จงได้
“โปรดยกโทษให้บุตรชายไม่เอาไหนของข้าด้วยที่มันมิรู้ความ!”
โอวหยางป้าที่หน้าเสียเร่งกล่าวกับต้วนหลิงเทียนที่หันหลังทันที ก่อนที่จะหันกลับไปตะคอกใส่โอวหยางชิงด้วยโทสะ “เจ้าลูกไม่รักดี ยังไม่รีบไสหัวไปอีก! ข้ามิน่าปล่อยเจ้าเข้ามาเลยจริงๆ!!”
เมื่อถูกโอวหยางป้าหันมาตำหนิด้วยโทสะ โอวหยางชิงถึงกับตื่นตระหนก
นับเป็นครั้งแรกเลยตั้งแต่เล็กจนโต ที่มันเห็นบิดามีโมโหถึงขนาดนี้ อีกทั้งบิดามันยังมีโทสะต่อมันเพราะคนนอก!
จังหวะนี้อดไม่ได้ที่ใจมันจะเต็มไปด้วยความโกรธ!
“เฮอะ!!”
แค่นคำด้วยความฮึดฮัดไม่พอใจ โอวหยางชิงก็รีบเดินแซงต้วนหลิงเทียนก่อนที่จะหยุดหันมามองถลึงตาใส่ต้วนหลิงเทียนทิ้งท้ายค่อยเดินออกจากห้องโถงไป
“ข้าขอตัวลาผู้นำโอวหยาง”
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะรอให้โอวหยางป้ากล่าวอธิบายอะไร เขาเร่งหันหลังก้าวเดินออกไปทันที ในเมื่อมีโอกาสอันดีให้จากไปแบบนี้ ยังอยู่ต่อเขาก็นับเป็นตัวโง่งมแล้ว
“ท่านยังมิได้รับอนุญาตให้จากไป!”
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนลืมไปคนหนึ่ง นั่นก็คือโอวหยางหลัว ตอนนี้นางพุ่งร่างมาหยุดต้วนหลิงเทียนไว้ไม่ให้เดินออกจากห้องโถง
“แม่นางโอวหยาง นี่เป็นวิธีปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของเจ้าหรือ?”
หน้าต้วนหลิงเทียนจมลงเล็กน้อย “หากข้ารู้ว่าเรื่องราวจะเป็นแบบนี้ ข้าไม่น่าเลือกออกมาช่วยเจ้าแต่แรก”
“ท่าน!”
หน้าโอวหยางหลัวเต็มไปด้วยความโกรธทันที
ต้วนหลิงเทียนไม่คิดจะสนใจอะไรโอวหยางหลัวสืบไป เขาเดินเบี่ยงไปด้านข้าง ก้าวออกจากห้องโถงใหญ่ทันที
อย่างไรก็ตามพอออกจากห้องโถงใหญ่มาแล้ว เขาก็พบว่ามีร่างหนึ่งขวางเขาไว้อีกครั้ง
คราวนี้เป็นพ่อบ้านอย่างโอวหยางจี้
“หืม? พ่อบ้านจี้ หรือกระทั่งท่านยังคิดหยุดข้าอีกคน?”
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหรี่ลง ยังเผยประกายเย็นเยียบออกมา
“คุณชายต้วนอย่าพึ่งมีโทสะเลยขอรับ ท่านใจเย็นก่อนเถิด อย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลย”
โอวหยางจี้ได้แต่เผยยิ้มขื่นขม
หากนายท่านของมันไม่ได้กล่าวอะไร มีหรือมันจะปล่อยให้อีกฝ่ายกลับไปได้
“พ่อบ้านจี้ ให้สหายน้อยต้วนไปเถิด”
ทันใดนั้นโอวหยางป้าพลันกล่าวออกมา
“ท่านพ่อ!”
หน้าโอวหยางหลัวเปลี่ยนสีทันที นางไม่คิดเลยว่าบิดาของนางจะปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนจากไปง่ายๆเช่นนี้ เพราะสุดท้ายก็เป็นนางที่ลำบากวาดรูปอีกฝ่าย
อย่างไรก็ตามโอวหยางป้าไม่สนใจอาการดื้อดึงของโอวหยางหลัว เพียงมองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาขอขมาแฝงความรู้สึกผิด “สหายน้อยต้วน วันนี้ข้าต้องขออภัยท่านจากใจ พรุ่งนี้เช้าข้าจะนำของขวัญไปขอขมาสหายน้อยต้วน ทั้งยังจะลากตัวลูกไม่รักดีไปขอขมาท่านด้วยตัวเอง”
“ไม่จำเป็น”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบเสียงเย็นค่อยเดินจากไป
หลังจากเดินออกมานอกเขตตระกูลโอวหยางแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกโล่งสบายยังเสมือน วิหกน้อยได้โผบินกลับนภา มัจฉาคืนสมุทรสุดไพศาล
ส่วนในห้องโถงใหญ่นั้น ผู้นำตระกูลโอวหยาง โอวหยางป้า ถูกโอวหยางหลัวที่ทำหน้าปั้นปึ่งมองถามด้วยความไม่พอใจ “ท่านพ่อ! ทำไมท่านปล่อยมันไปง่ายๆแบบนั้นเล่า!?”
“เกิดเรื่องเช่นนี้แล้วเจ้าจักให้พ่อทำอันใดได้ มิปล่อยให้เขาไป? หรือจะให้พ่อมัดเขาเอาไว้?”
โอวหยางป้าส่ายหัวยิ้มออกด้วยความขื่นขม “เขาเดินทางมาเยือนตระกูลโอวหยางเรา เรื่องนี้พ่อกลัวว่ามีคนมากมายรู้แล้ว…ไม่ต้องกล่าวถึงขุมพลังเบื้องหลังเขา ที่มิน่าจะแยแสตระกูลโอวหยางของเราเลย กระทั่งผู้อาวุโสที่มากับเขาก็เกรงว่าจะรู้เรื่องที่เขามาตระกูลโอวหยางเรา”
หลังได้ยินคำกล่าวของโอวหยางป้า โอวหยางหลัวก็เลิกฮึดฮัด
“ท่านพ่อความเป็นมาของมันมิธรรมดาแน่…ปล่อยไปเช่นนี้ท่านมิเสียดายหรือ?”
โอวหยางหลัวกล่าวออกเสียงอ่อน ยังเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจ
“แน่นอนว่าพ่อย่อมเสียดายและมิอาจปล่อยให้คลาดกันเช่นนี้ได้ พรุ่งนี้เช้าข้าจักเตรียมของขวัญไปขอขมาเขามากหน่อยเพื่อให้เขาไม่ติดใจเอาความ ทั้งยังจะพาพี่ชายของเจ้าไปขอโทษเขาด้วย…แล้วเจ้าก็เรียกหาเขาดีๆได้แล้ว”
เมื่อกล่าวถึงโอวหยางชิง คิ้วโอวหยางป้าอดไม่ได้ที่จะขมวดเป็นปม “ครั้งนี้ชิงเอ๋อนับว่าทำให้ข้าผิดหวังยิ่งนัก”
“ท่านพ่อก็อย่าได้ไปว่าพี่ใหญ่เลย พี่ใหญ่แค่พยายามทวงความเป็นธรรมให้ท่าน…ท่านกล่าวขนาดนั้นอีกฝ่ายกลับบอกมาเพียงแซ่ ฮึ กับอีแค่นามยังมิเต็มใจบอกพวกเรา…จะอะไรนักหนา”
โอวหยางหลัวพยายามกล่าวช่วยพี่ชายอย่างโอวหยางชิง ก่อนที่จะกล่าวถึงต้วนหลิงเทียนอีกครั้งด้วยความไม่พอใจ
“มิรู้ทำไม แต่ดูเหมือนเขาจักมีอคติกับตระกูลโอวหยางเรานัก”
ในฐานะผู้นำตระกูลใหญ่ โอวหยางป้าย่อมมีวิสัยทัศน์ไม่ใช่ชั่ว ไหนเลยไม่รู้ได้ถึงความไม่พอใจของต้วนหลิงเทียนที่มีต่อสกุลโอวหยาง แต่มันเองก็ไม่รู้ว่าไฉนถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ “หลัวเอ้อ ลูกแน่ใจหรือว่าเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้พ่อฟังหมดแล้ว ไฉนพ่อรู้สึกว่ายามเผชิญหน้ากับเจ้า เขาถึงได้ตั้งแง่มองเจ้าเสมือนศัตรูได้เล่า?”
“ตั้งแง่? มองข้าเป็นศัตรู?”
โอวหยางหลัวตัวแข็งทื่อไปทันที ถึงแม้นางเองก็พอรู้ว่าดูเหมือนต้วนหลิงเทียนจะไม่ชอบนาง แต่นางไม่รู้เลยว่าทำไมต้วหลิงเทียนจึงเห็นนางเป็นศัตรูได้
“อืม”
โอวหยางป้า
“หรือเป็นเพราะข้าให้ท่านพ่อใช้วิธีการรุนแรงไปหน่อยในการพาเขามาที่นี่หรือไม่ หาไม่แล้วไฉนเขาถึงมองข้าเป็นศัตรูได้เล่า?”
โอวหยางหลัวเผยใบหน้าสับสนงุนงงด้วยไม่เข้าใจ
“มิควรง่ายดายเช่นนั้น…ข้ารู้สึกว่าอาการต่อต้านของเขามิได้เกิดขึ้นด้วยเรื่องเท่านี้อย่างเดียว”
โอวหยางป้าส่ายหัว “หลัวเอ้อ…ลูกคิดให้ดี แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พ่อฟังอีกรอบได้หรือไม่ เผื่อเจ้าจะมองข้ามอันใดไป”
ขณะที่โอวหยางหลัวพยายามครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ทั้งหมด เพื่อเรียบเรียงแล้วกล่าวเล่าให้โอวหยางป้าฟัง ด้านโอวหยางชิงก็ได้ลอบจับตามองต้วนหลิงเทียนเดินออกจากสกุลโอวหยางไปด้วยสายตาดุร้าย
“ไอ้หนู…พ่อกับน้องข้าบอกว่าเจ้ามาจากขุมพลังชั้น 7 …แต่ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าใช่คิดปั่นหัวพวกเราหรือไม่!”
เสียงค่อนแคะดูแคลนดังขึ้น โอวหยางชิงรู้สึกขัดหูขัดตาจนหายใจแทบไม่ออก
ขณะเดียวกันมันก็ตัดสินใจเรื่องราวใดได้ จึงรุดเร่งไปยังสวนด้านหลังของคฤหาสน์ทันที
“ท่านปู่ชาน มีคนเล่นผีแสร้งเทพหมายหลอกต้มตุ๋นตระกูลโอวหยางเรา…มันถึงกับกล่าวอ้างว่ามาจากขุมพลังชั้น 7 กระทั่งท่านพ่อกับน้องสาวมันก็ถูกจูงจมูกไปแล้ว!”
โอวหยางชิงที่รีบร้อนบุกมาหาชายชราคนหนึ่ง แสร้งกล่าวออกมาด้วยท่าทีวิตกเป็นกังวล