โอวหยางชิงมุ่งร้าย
ชายชราผมคิ้วขาวโพลนที่ถูกโอวหยางชิงเรียกหาว่าปู่ชานคนนี้ เป็นอาวุโสลำดับ 2 ของตระกูลโอวหยาง โอวหยางชาน
โอวหยางชิงยามยังเล็กนั้น ก็เติบโตขึ้นมาด้วยการประคบประหงมของชายชรานามโอวหยางชานผู้นี้ อีกฝ่ายมองมันเสมือนหลานชายในไส้
ความรักที่โอวหยางชานมอบให้โอวหยางชิงนั้นยังมากมายกว่าผู้เป็นพ่ออย่างโอวหยางป้าเสียอีก
เพราะโอวหยางป้านั้นต้องแบ่งใจไปรักเอ็นดูโอวหยางหลัวด้วยอีกคน
ทว่าโอวหยางชานนั้นทุ่มเทใจให้โอวหยางชิงหมดสิ้น
“ชิงเอ๋อ บิดาเจ้ามิใช่คนสายตาพร่ามัว ไหนเลยมิอาจแยกแยะจริงเท็จ…คนที่เจ้าว่าอาจจะมาจากขุมพลังชั้น 7 จริงๆ”
โอวหยางชานกล่าวออกพร้อมส่ายหัวด้วยรอยยิ้มเอ็นดู
“ท่านปู่ชาน กระทั่งท่านเองยังใช้คำว่า ‘อาจจะ’ บางทีมันอาจมิใช่จริงๆก็ได้นี่นา”
โอวหยางชิงกล่าวต่อ “ท่านพ่อของข้าอุตส่าคิดจัดงานเลี้ยงให้มัน ทว่ามันกลับกล่าวอ้างว่าต้องรีบไปพบปะอาวุโส ข้าคิดว่ามันแค่กำลังปั้นน้ำเป็นตัวเท่านั้น!”
บางทีกระทั่งโอวหยางชิงก็ไม่คิดเลย
ว่าวาจาของมันที่กล่าวบอกชายชราเพื่อหวังให้ไปจัดการต้วนหลิงเทียนนั้น กลับเป็นความจริง!
เพราะนั่นเป็นข้ออ้างของต้วนหลิงเทียนจริงๆ!
“เช่นนั้น คนผู้นั้นจากไปแล้วหรือ?”
โอวหยางชานกล่าวถาม
“ไปแล้วท่านปู่”
โอวหยางชิงพยักหน้า
“หากคนผู้นั้นมีเจตนาใดแอบแฝงกับตระกูลโอวหยางจริง ก็มิน่าจะปฏิเสธบิดาเจ้า…เช่นนั้นคนผู้นั้นสมควรไม่มีใดแอบแฝงแล้ว”
ดังคำขิงแก่ยิ่งเผ็ดนับว่าไม่ใช่วาจาเหลวไหล โอวหยางชานคล้ายมองเรื่องราวได้ทะลุปรุโปร่ง
“ท่านปู่ชานที่ท่านกล่าวก็อาจเป็นได้…แต่หากมันคิดเล่นใหญ่ เพื่อที่จะล่อให้พวกเราตกหลุมพรางที่ลึกกว่าเดิมเล่า?”
ได้ยินคำของโอวหยางชาน ใจโอวหยางชิงก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา
หากเป็นมันเพียงลำพังคงไม่กล้าคิดทำอะไรใหญ่โตแบบนี้
อีกทั้งมันยังได้ยินน้องสาวกล่าวบอกมาอีกด้วย ว่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้น สามารถสังหารอี้เทียนสิงได้ในกระบวนท่าเดียว อีกฝ่ายจึงมิใช่อันใดที่มันจะดูแคลนได้เลย
พลังฝีมือของมันนั้นเหนือกว่าอี้เทียนสิงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“ก็อาจเป็นได้”
โอวชางครุ่นคิด ค่อยๆพยักหน้าลงมาเบาๆ
“ท่านปู่ชาน กันไว้ย่อมดีกว่าแก้ พวกเราเพียงติดตามมันไปยังโรงเตี๊ยมที่พักของมันเพื่อสังเกตการณ์สักครั้งเถอะ แล้วพวกเราจะได้สืบต้นตอของมันอย่างละเอียด ข้าอยากรู้นักว่ามันนัดพบอาวุโสอะไรไว้จริงหรือแค่กล่าวคำลวงกันแน่!”
ลูกตาโอวหยางชิงเผยประกายเย็นวาบกล่าวออก
“ชิงเอ๋อ ไฉนดูแล้วคล้ายเจ้ามีเรื่องบาดหมางกับคนผู้นั้นเลยเล่า?”
โอวหยางชานรู้สึกว่าเรื่องนี้มีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล มันเองก็เลี้ยงดูโอวหยางชิงมาแต่เล็กจนโต ไหนเลยยังไม่รู้นิสัยของโอวหยางชิงได้
“สัญชาตญานของข้าร้องเตือนว่ามันมีแผนการบางอย่าง หมายคิดหลอกลวงตระกูลโอวหยางของเรา!”
แน่นอนว่าโอวหยางชิงเองก็รู้ว่ามันคงยากจะปกปิดเจตนาของมันจากโอวหยางชานได้ จึงพยายามกล่าวเพิ่มเติมออกมาทันที “ผู้ที่มีแผนการร้ายคิดหลอกลวงตระกูลโอวหยางเรา ย่อมมิอาจปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่สืบไป หากพวกเราพบว่ามันมิได้โกหกก็แล้วไป แต่ถ้ามันโกหกพวกเราจริงๆ เช่นนั้นหลังจากคืนนี้ไปมันก็มิได้รับให้อยู่ในโลกนี้อีก!!”
วาจาท้ายประโยคของโอวหยางชิง เผยเจตนาฆ่าฟันออกมาชัดเจน ใบหน้ายังเย็นชาปานมีน้ำแข็งฉาบ
“ท่านปู่ชานท่านไปกับข้าเพื่อลอบจับตาดูมันกันเถอะ หากผู้อาวุโสอะไรของมันมิปรากฏตัวขึ้นมา ย่อมหมายความว่ามันกล่าวโป้ปดพวกเรา เช่นนั้นพวกเราก็ได้รู้ว่าที่แท้มันคิดไม่ซื่อกับตระกูลโอวหยางของเราจริงๆ พวกเราจำเป็นต้องกำจัดมันเพื่อมิให้มีปัญหาในภายภาคหน้า”
โอวหยางชิงกล่าวออกด้วยวาจามุ่งร้าย ลูกตายังเผยเจตนาฆ่าฟันชัดเจน!
“ชิงเอ๋อ…ถึงคนผู้นั้นจะโกหก แต่ก็อาจเป็นได้ว่าอีกฝ่ายเพียงกล่าวเพราะคิดหาข้ออ้างจากไป เพราะมิอยากเข้าร่วมงานเลี้ยงของพวกเราเฉยๆ…มิได้หมายความว่าคนผู้นั้นคิดหลอกลวงตระกูลโอวหยางของพวกเรา”
โอวหยางชานขมวดคิ้วกล่าว “ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องนี้ยังมิอาจพิสูจน์ได้ว่าคนผู้นั้นมิใช่คนของขุมพลังชั้น 7…และหากคนผู้นั้นมาจากขุมพลังชั้น 7 จริงๆ บางทีก็เป็นได้ ที่คนผู้นั้นมิคิดแยแสเรื่องเข้าร่วมงานเลี้ยงตระกูลเรา”
“หากพวกเราวู่วามลงมือทำร้ายคนผู้นั้นไป ย่อมเป็นการสร้างความบาดหมางกับขุมพลังที่อยู่เบื้องหลังเขาอย่างมิต้องสงสัย…และหากขุมพลังเบื้องหลังคนที่เจ้ากล่าวเป็นขุมพลังชั้น 7 จริงๆ นั่นจักกลายเป็นหายนะของตระกูลโอวหยางเรา”
วาจาท้ายประโยคของโอวหยางชานเผยให้เห็นความหวั่นกลัว
“ท่านปู่ชาน เรื่องนี้ข้าคิดไว้แล้ว…ยามพวกเราออกจากตระกูลโอวหยาง พวกเราไม่ต้องผ่านประตูหน้า เพื่อมิให้คนในตระกูลล่วงรู้ว่าพวกเราลอบออกไป ถึงแม้มันจะตายก็ไม่มีใครรู้ได้ว่าเป็นฝีมือของตระกูลโอวหยางเรา!”
โอวหยางชิงกล่าวออกมาทันที เห็นชัดว่ามันวางแผนมานานแล้ว
เมื่อเห็นว่าโอวหยางชานยังคงลังเล โอวหยางชิงรีบกล่าวสืบต่อ “ท่านปู่ชาน ท่านรู้ดีว่ายอมฆ่าคนบริสุทธิ์ร้อยคนดีกว่าปล่อยให้คนผิดหนึ่งคนเล็ดรอด…ข้ารู้สึกว่ามันเป็นภัยต่อตระกูลโอวหยางของเราจริงๆ…หากปล่อยมันไป มันต้องนำเภทภัยมาสู่ตระกูลโอวหยางเราแน่!!”
เมื่อโอวหยางชิงเห็นว่าคิ้วที่ขมวดเป็นปมของโอวหยางชานเริ่มคลายลงหลังได้ยินคำของมัน มันก็กัดฟันทั้งคุกเข่าลงไปบนพื้นทันที
“ชิงเอ๋อ นั่นเจ้าจักทำอะไร รีบลุกขึ้นเร็ว!”
โอวหยางชานตกใจไม่น้อย รีบลุกขึ้นไปพยุงร่างโอวหยางชิง
อย่างไรก็ตามโอวหยางชิงไม่ยอมลุกขึ้น
“ท่านปู่ชาน ท่านเชื่อชิงเอ๋อสักครั้งเถอะ…ท่านอยากเห็นตระกูลโอวหยางของเราถูกหลอกลวงจนวอดวายหรือ? ท่านบอกว่าอยากเห็นวันที่ข้าขึ้นเป็นผู้นำมิใช่หรือ…แต่หากพอถึงวันนั้นตระกูลโอวหยางของพวกเรากลับวอดวายไปแล้วเล่า ข้ายังจะเป็นผู้นำได้หรือ?”
โอวหยางชิงกล่าวออกด้วยอารมณ์ ในขณะที่กล่าวมันก็โขกหัวลงไปบนพื้นอย่างแรง พาลให้ศีษะแตกหลั่งโลหิต
ขณะเดียวกันที่หน้ามันฟุบลงไป แววตาของมันก็เผยประกายเย็นเยียบออก
เนื่องจากมันก้มหัวโขกพื้นอยู่ โอวหยางชานจึงมิอาจเห็นแววตานี้ของมัน
แน่นอนว่าถึงแม้โอวหยางชิงจะไม่ก้มหัวลงไป แต่โอวหยางชานก็อาจไม่สังเกตเห็นเลย
“ชิงเอ๋อลุกขึ้นเร็ว ปู่รับปากทำตามเจ้าว่าแล้ว!”
เมื่อเห็นศีรษะของโอวหยางชิงแตกจนโลหิตไหลลงมาเป็นสาย ใจของโอวหยางชานก็เสมือนถูกมีดกรีด
ตลอดชีวิตนั้นมันพากเพียรแต่ฝึกฝนวรยุทธ์บ่มเพาะพลัง
นอกเหนือจากความสัมพันธ์รักที่ล้มเหลวครั้งยังหนุ่มแล้ว มันก็ไม่เคยมีสตรีคนใดอีกเลย จึงไร้ลูกหลานใช้ชีวิตมาเพียงลำพัง
ตอนเด็กน้อยโอวหยางชิงวัยแบบเบาะยิ้มร่าหัวเราะให้มันวันนั้นที่ได้พบกันครั้งแรก มันก็รู้สึกเสมือนมีแสงหนึ่งส่องสว่างในเส้นทางอันมืดมิด
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมามันก็ไม่ได้อยู่ลำพังอีกต่อไป มันมีคนให้รักและห่วงใยในห้วงเวลาสุดท้ายที่เหลืออยู่ของชีวิต
เพื่อโอวหยางชิงแล้วมันทำได้ทุกอย่าง ถึงแม้มันจะต้องตายเพื่อการณ์นั้นก็ตามที
มาตอนนี้เมื่อเห็นศีรษะโอวหยางชิงแตกหลั่งเลือด มันก็ไม่สงสัยคิดแคลงใจใดสืบไปเพียงเห็นด้วยกับอีกฝ่ายทันที
ตอนนี้มันยังเสียใจนัก
แน่นอนว่ามันไม่ได้เสียใจที่รับปากโอวหยางชิง แต่เสียใจที่มันไม่รีบรับปากให้เร็วกว่านี้!
หากมันรับปากว่าจะลองตามโอวหยางชิงไปตรวจสอบแต่เนิ่นๆ อีกฝ่ายคงไม่ต้องเจ็บตัวหลั่งเลือด
“ขอบคุณท่านปู่ชาน ขอบคุณท่านปู่ชาน!”
แม้มันจะรู้แต่แรกว่าอย่างไรปู่ชานก็ต้องเห็นด้วยกับมัน แต่โอวหยางชิงก็เร่งกล่าวขอบคุณออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“ท่านปู่ชานข้าจะไปเตรียมชุดโม่งดำพร้อมหน้ากากเดี๋ยวนี้”
โอวหยางชิงรีบกล่าวบอกโอวหยางชาน ก่อนที่จะหันหลังเตรียมวิ่งกลับไปเตรียมของทันที
“ไม่ต้องหรอก ของที่เจ้ากล่าวปู่มีอยู่แล้ว…เดี๋ยวปู่เข้าไปหามันก่อน”
โอวหยางชานหยุดโอวหยางชิงไว้ ก่อนที่จะเข้าไปค้นของในห้องหับ
“ผู้แซ่ต้วน หากเจ้ามีอาวุโสจริงๆก็รอดตัวไป…แต่หากหาไม่ คืนนี้เจ้าตายแน่!”
ลูกตาโอวหยางชิงเผยประกายเรืองวูบขึ้นมาด้วยอำมหิต
เรื่องของต้วนหลิงเทียนนั้น มันได้ยินจากน้องสาวมาแล้ว
อันที่จริงในใจมันก็ตระหนักได้ว่า 9 ใน 10 ส่วน ต้วนหลิงเทียนสมควรมีเบื้องหลังไม่ธรรมดา
เพราะมีเพียงชนชั้นอัจฉริยะของ 9 พันธมิตรเท่านั้น ที่จะถือศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียน 3 ดาวจารึกแบบนี้ได้!
‘จากที่หลัวเอ๋อกล่าวไว้ ไอ้เด็กเหลือขอแซ่ต้วนนั่นสมควรใช้ศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนระดับ 3 ดาวจารึกเอาไว้…แถมดูเหมือนจะมิได้มีแค่อาคมเดียวด้วย’
พอนึกถึงเรื่องนี้ใจของโอวหยางชิงก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง
เหตุผลที่มันมาหาโอวหยางชานนั้นไม่ใช่เพื่อตระกูลแต่อย่างใด ล้วนเป็นเพราะความต้องการส่วนตัวของมันเอง
จุดประสงค์ของมันคือฆ่าต้วนหลิงเทียนแล้วชิงทรัพย์!
ไม่ว่าจะเป็นศาสตราเซียนที่มีอาคมเซียนนั่น กระทั่งยันต์เต๋าทั้งหลายที่อีกฝ่ายมี!
ในความคิดของมัน สมบัติที่อยู่ในตัวต้วนหลิงเทียนย่อมนับเป็นวาสนาครั้งใหญ่ของมัน!
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นคุณชายใหญ่ของสกุลโอวหยาง แต่อย่างไรก็ตามตระกูลโอวหยางของมันก็แค่ขุมพลังชั้น 8 ถึงพวกมันจะนับเป็นขุมพลังชั้น 8 ระดับแนวหน้าแต่อย่างไรก็ยังอยู่ใต้ขุมพลังชั้น 7
เหมือนตระกูลอื่นๆในเมืองหานเหอ
ตระกูลโอวหยางเองก็อยู่ใต้อำนาจของ 9 พันธมิตร
ทั้งหมดนี้เพราะขุมพลังทั้ง 9 นั่นเป็นขุมพลังชั้น 7!
ขุมพลังชั้น 7 ไม่ว่าเป็นขุมพลังใด ก็มีพลังอำนาจจะทำลายตระกูลโอวหยางมันได้ง่ายดาย
ในเมืองหานเหอนี้ไม่เพียงแต่ตระกูลโอวหยางของมันเท่านั้น แต่ขุมพลังชั้น 8 อื่นๆ ก็เป็นได้แค่บริวารของ 9 พันธมิตร
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะช่วยชีวิตน้องสาวมัน แต่มันก็ไม่ได้ซาบซึ้งใจอะไร
ไม่ต้องกล่าวถึงช่วยชีวิตน้องสาวมันด้วยซ้ำ ต่อให้อีกฝ่ายช่วยชีวิตมันเอาไว้ แต่หากอีกฝ่ายมีสิ่งที่จะยกระดับตัวมันได้ มันก็ยังคงพยายามสรรหาวิธีที่จะเล่นงานต้วนหลิงเทียนแบบนี้
ไม่นานโอวหยางชานก็เดินออกมา
ในมือยังถือชุดโม่งดำพร้อมหน้ากากมาด้วย 2 อัน หน้ากากนั้นเป็นหน้ากากที่ปกปิดทั้งใบหน้า สามารถปิดบังใบหน้าได้อย่างสมบูรณ์ ยากจะระบุได้ว่าเป็นใคร
“ท่านปู่ชาน เราไปกันเถอะ!”
หลังใส่ชุดโม่งดำกลมกลืนไปกับราตรีกาลพร้อมหน้ากากเรียบร้อยแล้ว โอวหยางชิงก็อดเร่งเร้าโอวหยางชางไม่ไหว
แน่นอนว่าเพราะมีหน้ากากปิดบังใบหน้ามิดชิด โอวหยางชานจึงไม่อาจเห็นใบหน้าตื่นเต้นยินดีของโอวหยางชิงได้
“อืม”
โอวหยางชานกล่าวส่งเสียงตอบรับ สะบัดมือคราหนึ่งปรากฏพลังไร้สภาพปกคลุมร่างโอวหยางชิง ก่อนที่จะหอบหิ้วออกจากตระกูลโอวหยางไปอย่างเงียบงันในความมืด
ในฐานะผู้อาวุโสลำดับที่ 2 ของตระกูลโอวหยาง พลังฝีมือของโอวหยางชานย่อมไม่ใช่ชนชั้นต่ำทราม
ในระหว่างการลอบออกจากตระกูล ผู้ที่เฝ้ารักษาการณ์ของตระกูลโอวหยางไม่อาจจับสัมผัสได้เลย ทั้งสองสามารถข้ามกำแพงมุมหนึ่งของตระกูลออกไปได้อย่างเงียบงัน
หลังจากที่ออกจากเขตตระกูลโอวหยาง ร่างทั้งสองก็พุ่งไปตามทางอันมืดมิด สุดท้ายทั้งคู่ก็ถูกความมืดในยามราตรีกลืนหายไป
ณ ห้องโถงใหญ่ตระกูลโอวหยาง
“ท่านพ่อ…ท่านบอกว่า เป็นเพราะหลังจากที่เขาฆ่าอี้เทียนสิงแล้วข้าท้วงติงเรื่องแหวนพื้นที่ของผู้เฒ่าผิง กระทั่งทวงคืนมางั้นเหรอ?”
โอวหยางหลัวที่เค้นสมองครุ่นคิดเรื่องราวและเล่าออกมา ในที่สุดก็จดจำบางสิ่งที่มีประโยชน์ได้
“เอ๊า แล้วข้าผิดตรงไหนเล่าท่านพ่อ? จะอย่างไรผู้เฒ่าผิงก็เป็นคนของตระกูลโอวหยางเรานะ การที่ข้าขอแหวนของผู้เฒ่าคืน มีอันใดไม่ถูกเล่า…หากเป็นเพราะเรื่องนี้จริงผู้แซ่ต้วนนั่นก็จิตใจคับแคบเกินไปแล้ว!”
โอวหยางหลัวบ่นออกมาอย่างไม่พอใจ
“หลัวเอ๋อเอ้ย…ตอนนี้บิดาไม่รู้จะพูดกับเจ้าอย่างไรเลยจริงๆ…”
โอวหยางป้ายิ่มขื่นขมออกมา ในที่สุดมันก็รู้แล้วว่าเพราะอะไร
“ผู้เฒ่าผิงถูกอี้เทียนสิงฆ่า หากมิได้เขาออกมาช่วยเหลือมิเพียงแต่แหวนพื้นที่ของผู้เฒ่าผิงจะตกเป็นของอี้เทียนสิง กระทั่งแหวนพื้นที่ของเจ้าเองก็ยากรอดพ้น เขาเผยตัวออกมาฆ่าอี้เทียนสิงเพื่อช่วยเจ้า เขาก็สมควรได้รับแหวนพื้นที่ของผู้เฒ่าผิง เจ้าไหนเลยไปทวงของจากเขาเช่นนี้ได้?”
โอวหยางป้าส่ายหัวไปมา ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า