บทที่ 90 กลอกตา

บทที่ 90 กลอกตา

ซือเฉินมองไปที่เนื้อเพลงและซูโย่วอี๋สลับไปมา สุดท้ายก็ทำได้เพียงตำหนิซูโย่วอี๋เรื่องความรู้สึกลึกซึ้งที่เธอมีต่อเพื่อนเท่านั้น เพราะเนื้อเพลงดูอัดแน่นไปด้วยอารมณ์มากกว่าทักษะ

ส่วนเรื่องการเรียบเรียง ด้วยความสามารถทางด้านดนตรีของซูโย่วอี๋นั้นก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่เธอจะแต่งได้

เพราะยังไงเธอก็ถือว่าเป็นเด็กฝึกที่มีความสามารถ

หลังจากที่ซือเฉินยอมรับความจริงว่าซูโย่วอี๋ได้ทำเพลงนี้ด้วยตัวเอง เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพื่อให้อีกฝ่ายได้ผ่อนคลายมากขึ้น

“ฉันมีข้อเสนอแนะเล็กน้อยสำหรับเพลงนี้ มาคุยกันเถอะ”

ซูโย่วอี๋เปิดใจรับฟังข้อเสนอด้วยใจที่เปิดกว้าง

เมื่อการแสดงใกล้เข้ามา ฉูรั่วฮวนก็กังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าเธอจะจ้างคนมาแสดงด้วยและแต่งเพลงให้ อีกทั้งเธอก็เป็นเด็กฝึกระดับแนวหน้าของรายการ แต่เธอกลับไม่มีความมั่นใจนัก

เพราะเฉินซีซีได้เชิญฟางฮั่วมาช่วย แค่นั้นก็ทำให้ทีมของเธอแข็งแกร่งขึ้นมาก

สำหรับซูโย่วอี๋ ซือเฉินก็ไม่ได้ต่างไปจากเธอมากนัก

ส่วนอวี๋ชิงจ้าวตั้งใจจะไม่เชิญแขกมาร่วมแสดงด้วย แต่เพื่อเวทีที่สมบูรณ์แบบ ทีมงานขอให้อาจารย์แจ็คมาช่วยเธอ

ด้านฉูรั่วฮวนที่หล่นไปอยู่อันดับ 5 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เธอส่ายหน้าแรง ๆ เพื่อปลอบใจตัวเอง

ในตอนนั้นเองฉูรั่วหลินก็โทรมา ฉูรั่วฮวนรับโทรศัพท์และพูดด้วยเสียงเบา

“พี่สาว การแสดงจะเริ่มในวันพรุ่งนี้ พี่เตรียมตัวหรือยัง”

“นั่นสินะ” ฉูรั่วฮวนกล่าวอย่างเศร้าหมอง

เธอสามารถบอกได้ว่าพี่สาวของเธอกำลังอารมณ์ไม่ดี “ทำไมกัน? เพลงที่ซื้อมาไม่ดีเหรอ?”

“ไม่ ก็แค่… ฉันไม่มั่นใจว่าจะสามารถทำให้ความนิยมของตัวเองอยู่ในห้าอันดับแรกได้น่ะ”

ฉูรั่วฮวนวิเคราะห์เด็กฝึกระดับต้น ๆ ทีละคน

ฉูรั่วหลินได้ยินอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่นและพูดว่า “ถ้าพี่ทำไม่ได้จริง ๆ ฉันสามารถขอให้คนอื่นลงคะแนนให้พี่ได้นะ แค่ใช้เงินแค่นิดหน่อย ยังไงก็ต้องเข้าเทียนฉีให้ได้”

“มันไม่ได้ผลหรอก”

เทียนฉีมีทีมงานสำหรับตรวจสอบความโปร่งใสของคะแนนโหวตโดยเฉพาะ ถ้าถูกจับได้ พวกเธอจะถูกไล่ออกจากรายการทันที

ครู่หนึ่งที่ทั้งสองคนไม่พูดอะไร

จู่ ๆ ฉูรั่วหลินก็นึกถึงข่าวที่เธอเคยอ่านมาก่อนหน้านี้ ที่นักร้องชื่อดังดื่มน้ำจากแฟน ๆ ในคอนเสิร์ต ทำให้เสียงของเธออักเสบจนไม่สามารถร้องเพลงได้อีกและออกจากวงการบันเทิงไป

และแล้วแผนการชั่วร้ายก็ผุดขึ้นมาในความคิดของเธอ “ฉันจะให้คนไปซื้อยาให้ พี่กล้าทำมันไหม?”

ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกันและทำเรื่องแย่ ๆ มามาก ฉูรั่วฮวนเข้าใจสิ่งที่ปลายสายหมายถึงเกือบจะในทันที

หญิงสาวลังเลอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “มันผิดกฎหมายนะ”

ฉูรั่วหลินไม่ได้สนใจเรื่องนั้นสักนิด “แล้วไง ตราบใดที่ไม่มีใครรู้ มันก็เป็นแค่อุบัติเหตุ ดูนักร้องเคราะห์ร้ายคนนั้นสิ ตอนนี้เธอจับคนทำได้หรือยัง? ตอนนี้เธอคงได้แต่โทษตัวเองที่โง่ได้อย่างเดียวเท่านั้น”

เมื่อเห็นว่าพี่สาวของเธอไม่พูดอะไร ฉูรั่วหลินจึงพูดต่อว่า “พี่สาว พี่แค่ต้องหาคนที่ใช่”

มันจะดีกว่าถ้าคนคนนั้นไม่มีภูมิหลังและไม่มีใครหนุนหลัง

ซึ่งฉูรั่วฮวนก็คิดถึงซูโย่วอี๋ที่เป็นเด็กกำพร้า

เธอไม่มีพ่อแม่และไม่มีใครให้พึ่งพา สิ่งที่เธอมีตอนนี้เกิดขึ้นได้เพราะรายการนี้

เธอไม่ควรอยู่ในรายการนี้และทำลายโอกาสของฉูรั่วหลินไป

ฉูรั่วฮวนยกยิ้ม “ได้”

เธอต้องการที่จะดึงปีกที่เย่อหยิ่งของซูโย่วอี๋ออกมาและหักมันให้จมดิ่งสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเพื่อดูว่ายัยนั่นยังสามารถแสดงอะไรได้อีก

การแสดงครั้งที่สองยังคงจัดขึ้นที่สนามกีฬา แต่คราวนี้มีเด็กฝึกที่ขึ้นแสดงเพียง 25 คน

ครั้งที่แล้วพวกเธอมาที่นี่ด้วยรถบัสถึงสามคัน แต่คราวนี้กลับเหลือเพียงคันเดียว

ซูโย่วอี๋และอวี๋ชิงจ้าวนั่งด้วยกัน

ดวงตาของอวี๋ชิงจ้าวหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่าเธอนอนหลับไม่สนิท

“อย่าลืมสวมหน้ากากตอนลงจากรถ” ซูโย่วอี๋หยิบหน้ากากออกมา

อวี๋ชิงจ้าวรับมันและเอาไปสวม “ขอบคุณนะ สภาพฉันดูไม่ดีเลยเหรอ?”

“ไม่นะ แต่ฉันแค่ไม่ค่อยเห็นเธอไม่แต่งหน้า เลยไม่ชินน่ะ”

อวี๋ชิงจ้าวละสายตาจากหญิงสาวและฮัมเพลง

ช่วงนี้เธอเหม่ออยู่บ่อย ๆ จริง ๆ นั่นแหละ

เมื่อรถหยุด เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นแฟน ๆ ซึ่งรออยู่ที่ประตูของสถานที่ทำการแสดงมาล้อมรถบัสและตะโกนเสียงดังอยู่พักหนึ่ง

“โย่วโย่ว”

“พี่สาวจ้าว”

“กระต่ายน้อย!”

……

ซูโย่วอี๋เหลือบมองพวกเขา เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าแฟนคลับของเธอยังคงถือรูปที่เธอกลอกตา!

หลังจากพบว่าอิโมจิกลอกตาเป็นที่นิยมไปทั่วประเทศ เธอพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่กลอกตาต่อหน้ากล้อง แต่เธอไม่คาดคิดว่ามันยังคงตามหลอกหลอนเธอไม่เลิก

อวี๋ชิงจ้าวมองซูโย่วอี๋อย่างหยอกล้อ

ครั้งนี้ทีมงานของรายการได้จัดเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเอาไว้เพื่อกันแฟน ๆ ออกจากห้องเด็กฝึกโดยเฉพาะ พรมแดงถูกปูไว้ มีรั้วอยู่ข้าง ๆ และมีตากล้องมากมายรออยู่ข้างนอก

พวกเธอดูเหมือนเหล่าคนดัง

จากนั้นทีมงานก็ตะโกนว่า “อวี๋ชิงจ้าว ซูโย่วอี๋ ลงจากรถก่อน”

ทันทีที่ทั้งสองคนปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน บรรยากาศโดยรอบก็ถึงจุดสูงสุด

เสียงตะโกนดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว

ทีมงานเตือนเธอด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ถอดหน้ากาก มันไม่สุภาพ”

ได้ยินอย่างนั้นซูโย่วอี๋ก็ถอดหน้ากากออก แม้ว่าเธอจะไม่ได้แต่งหน้า แต่ผิวของเธอก็ยังเนียนราวกับเปลือกไข่ ใบหน้าเป็นสีชมพูราวกับทารองพื้น ริมฝีปากที่ไม่แดงมาก และดวงตาสดใส ทำให้เธอนั้นดูบอบบางมาก

แฟน ๆ ของเธอที่เห็นอย่างนั้นต่างกรีดร้อง

ขณะที่ซูโย่วอี๋มองดูแฟน ๆ เธอก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตา

[ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันอยากจะพิมพ์อะไรบางอย่างแต่ก็หยุดไปชั่วขณะ มันตลกมาก!]

[ซูโย่วอี๋: ตอนนี้ฉันสวยมาก แต่ฉันใช้ความสวยนี้ไม่เป็น!]

[ในความคิดของซูโย่วอี๋: มันน่าเกลียดมากที่จะกลอกตา อย่าลืมล่ะ แต่พวกเขามาถึงที่นี่แล้วนะ แต่มันน่าเกลียดจริง ๆ อา ฉันทนไม่ไหวแล้ว!]

[มีภาพถ่ายที่สวยงามมากมาย แต่ฉันชอบภาพที่น่าเกลียดที่สุด]

[เป็นตัวของตัวเอง!]

ด้วยหลักการที่ว่า ‘มองไม่เห็น ไม่สนใจ’ ซูโย่วอี๋มองไปที่ส้มโอกลุ่มแฟนคลับของเธอ และโบกมือให้พวกเขาเป็นครั้งคราว

แฟน ๆ หลายคนเข้ามาพร้อมดอกไม้ ขนมปัง และของขวัญ แต่เธอก็ยิ้มและไม่รับมัน

เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นผู้คนมากมายให้ของขวัญเธอขนาดนี้ หญิงสาวรู้สึกสับสนเล็กน้อย

“ฉันรักคุณ” เสียงของชายคนหนึ่งดังฟังชัดในฝูงชน จนทุกคนหันมามองเขา

จากนั้นอีกสองสามคนถือโอกาสแสดงความรักของพวกเขาเช่นกัน

“โย่วโย่ว ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหม”

ซูโย่วอี๋มองไปที่ทีมงานที่อยู่ข้างหลังเธอและถ่ายรูปกับแฟน ๆ หลังจากได้รับอนุญาต

หลังจากนั้นเธอก็เดินไปที่ทางเข้า

ส่วนฉูรั่วฮวนที่นั่งอยู่ในรถกำลังมองไปที่ฝูงชนอย่างเย็นชา และพยายามมองหาฉูรั่วหลิน

ตามที่ได้นัดหมายกันไว้ จะมีคนสวมหมวกสีส้มเพื่อให้เธอสังเกตเห็นได้ง่าย

หลังจากยืนยันตำแหน่งได้แล้ว ฉูรั่วฮวนก็พร้อมลงจากรถ

หลังจากที่ทีมงานบอกให้เธอลงจากรถ หญิงสาวก็เดินไปทางนั้นอย่างตั้งใจ

“ฮวนฮวน ฉันเป็นแฟนของคุณ นี่คือตุ๊กตาหมีที่ฉันซื้อมาให้คุณ รับมันไปเถอะ”

หลังจากพูดแบบนั้น เขาก็ยื่นกล่องในมือให้ฉูรั่วฮวน

และชายในหมวกสีส้มก็เข้าไปในฝูงชนและหายไป

ฉูรั่วฮวนกอดกล่องแน่น เธอได้มันมาแล้ว!