บทที่ 91 มีคนวางยาในกระติกน้ำ

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 91 มีคนวางยาในกระติกน้ำ

บทที่ 91 มีคนวางยาในกระติกน้ำ

อวี๋ชิงจ้าวและซูโย่วอี๋เดินผ่านพรมแดงและมาถึงห้องประชุมก่อน

ด้านจ้าวเว่ยเฉิงกำลังสั่งให้ทีมงานดำเนินการปรับแต่งอุปกรณ์ทุกอย่าง เมื่อเห็นว่าทั้งสองเข้ามาแล้ว เขาก็หยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่ ยกยิ้มและพูดว่า “การแสดงครั้งสุดท้าย พวกคุณประหม่าหรือเปล่า”

อวี๋ชิงจ้าวผู้สงบนิ่งอยู่เสมอแม้ว่าภูเขาไท่ซานจะพังทลายลงตรงหน้า และซูโย่วอี๋ที่ไม่ได้มีความกังวลมากนักทั้งยังพอใจกับการแสดงของตัวเองในครั้งก่อน

จ้าวเว่ยเฉิงพูดให้กำลังใจสองสามคำแล้วทำงานของเขาต่อไป

เมื่อทุกคนมาถึง การซ้อมก็เริ่มขึ้น

มีการแสดงทั้งหมด 8 ทีม มีเพลงร้อง 3 เพลง ที่เหลือเป็นการแสดงทั้งร้องและเต้น ซึ่งทำให้บรรยากาศดีขึ้น

จ้าวเว่ยเฉิงจัดลำดับการแสดงตามผลการซ้อม

ซูโย่วอี๋เป็นคนแรก และอวี๋ชิงจ้าวเป็นคนสุดท้าย

ทันทีที่ทราบลำดับการแสดง เธอและซือเฉินก็รีบไปที่ห้องแต่งตัว ซึ่งครั้งนี้ผู้เข้าแข่งขันและแขกรับเชิญทีมเดียวกันจะถูกจัดให้แต่งหน้าพร้อมกัน

เพลงที่แต่งโดยซูโย่วอี๋ มีชื่อว่า ‘มิตรภาพสูงสุด’

หลังจากสื่อสารกับช่างแต่งหน้าแล้ว ธีมของเสื้อผ้าก็ถูกกำหนดให้เป็นสไตล์มหาวิทยาลัย

เสื้อยืดสีขาวอยู่ข้างใน และเสื้อกั๊กคอวีสีขาวครีมที่มีแถบสีแดงเข้มและสีเทาที่คอเสื้อสวมทับอยู่ด้านนอก และปักโลโก้ที่หน้าอกด้านซ้าย

เน็กไทสีแดงของผู้ชายประดับด้วยแถบสีน้ำเงิน เน็กไทสีแดงเข้มของผู้หญิงถูกไขว้ด้วยแถบสีขาว ท่อนล่างของผู้ชายเป็นกางเกงสีเทา ส่วนของผู้หญิงกระโปรงสีเทา

เสื้อผ้าที่จัดไว้ดูธรรมดา ช่างแต่งหน้าอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจขณะที่กรีดอายไลน์เนอร์ให้ซูโย่วอี๋

มันทำให้ความงามและหุ่นของเธอเสียเปล่า เธอยังเด็กและสวย แถมยังดูน่าทะนุถนอม

เธอต้องแต่งหน้าเบา ๆ และไม่กรีดอายไลน์เนอร์หนาเกินไป นับประสาอะไรกับรองพื้นและบลัชออน ที่ทำแค่แตะ ๆ เท่านั้น

ช่างแต่งหน้ารู้สึกว่าเธอไม่ได้แสดงทักษะของเธอเลย

“มาดูกัน”

ซูโย่วอี๋มองตัวเองในกระจก ดูเหมือนว่าเธอจะไม่แตกต่างไปจากเดิมมากนัก แต่รูปลักษณ์ของเธอนั้นงดงามกว่าตอนที่เธอไม่แต่งหน้า

สอดคล้องกับธีมมหาวิทยาลัย

“คุณแต่งสวยมากเลย ขอบคุณนะคะ”

ช่างแต่งหน้ายืนอยู่ข้าง ๆ และพูดว่า “ดีแล้ว ที่คุณชอบ ถ้าก่อนขึ้นแสดง คุณต้องการเติมหน้า ก็โทรหาฉันได้ทุกเมื่อ”

ส่วนการแต่งหน้าบนใบหน้าของซือเฉินก็เรียบง่าย เมื่อเห็นว่าซูโย่วอี๋แต่งเสร็จแล้ว เขาจึงนั่งด้วยกันและหารือปัญหาที่พบในระหว่างการซ้อมเพื่อหาแนวทางแก้ไข

“ตอนนี้คุณก็สงบสติอารมณ์และพักผ่อนให้พอ แล้วรอขึ้นแสดง” ซือเฉินพูด

หลังจากพูดอย่างนั้น ทั้งสองคนก็เดินออกจากห้องแต่งตัวและตรงไปยังห้องอาหาร ซึ่งผู้เข้าแข่งขันที่แต่งหน้าจัดเต็ม ต่างก็ระมัดระวังอย่างมากในระหว่างรับประทานอาหารเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใบหน้าเปื้อนหรือเครื่องสำอางหลุด

เมื่อเห็นพี่สาวกำลังมา เฉินซีซีก็โบกมืออย่างตื่นเต้น “พี่สาว ทางนี้ ๆ”

ซูโย่วอี๋หยิบกล่องอาหารกลางวันและเดินตรงไป ส่วนชุ่ยเชียนต้งก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ลีดเดอร์นั่งตรงนี้”

หลินเจี้ยนที่นั่งอยู่ตรงมุมไม่ได้พูดอะไร ซูโย่วอี๋เห็นอย่างนั้นจึงทักทายเธอก่อน

ซูโย่วอี๋มองการแต่งหน้าของพวกเธอ สไตล์ของพวกเธอชัดเจนมาก แต่งหน้าหนัก ปัดแก้มและทาอายแชโดว์หนา แต่ทุกคนก็ยังดูสวยมาก ๆ

ผมของเธอม้วนขึ้นไปเป็นมวยอย่างในสมัยโบราณ และว่ากันว่าบนเวทีพวกเธอจะมีผ้าคลุมศีรษะด้วย

หลังจากกินอาหารเสร็จ ซูโย่วอี๋ก็กลับไปที่ห้องแต่งตัวเพื่อพักผ่อน เนื่องจากเธอเป็นผู้หญิงและเขาเป็นผู้ชาย เพื่อหลีกเลี่ยงการซุบซิบนินทา ซือเฉินจึงมอบห้องแต่งตัวให้เธอ ส่วนเขาออกไปพักที่อื่น

ทันทีที่เธอผลักประตูเปิดและเดินเข้าไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ก็พูดว่า [ซู่จู่ มีคนมาวุ่นวายกับกระติกน้ำของคุณแล้ว]

วุ่นวาย?

มันหมายถึงอะไร?

ซูโย่วอี๋มักมีอาการท้องไส้ปั่นป่วนอยู่บ่อย ๆ ดังนั้นเธอจึงมีกระติกน้ำร้อนติดตัวเสมอ แม้แต่ในฤดูร้อน เธอก็ต้องดื่มน้ำอุ่น

เธอหยิบกระติกสุญญากาศขึ้นมาและคลายเกลียวออก น้ำข้างในยังคงเป็นสีขาวใส และไม่มีกลิ่นแปลก ๆ ด้วย

“นายแน่ใจเหรอ?”

สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์พูดขึ้นอย่างจริงจัง [แน่นอน อย่าได้สงสัยในความสามารถของฉัน เข้าใจไหม?]

ซูโย่วอี๋ถามด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้งว่า “นายเห็นไหมว่ามีอะไรอยู่ในนี้”

สุนัขจิ้งจอกส่ายหัวและพูดว่า [ไม่ ทำไมคุณไม่ลองจิบดูล่ะ]

เพราะไม่ว่ายังไงต่อให้ใครจะใส่อะไรเข้าไป เธอก็ยังสามารถรักษาให้หายได้

ซูโย่วอี๋พูดไม่ออก คิดว่าเธอโง่เหรอ?

ซูโย่วอี๋ปิดกระติกน้ำ พร้อมคิดในใจ มีคนอยู่ในห้องแต่งตัวตลอดในตอนเช้า ยกเว้นตอนพัก เพราะฉะนั้นคนที่วางยาเธอต้องมาที่นี่ล่วงหน้า

[คุณไม่ทิ้งเหรอ?] สุนัขจิ้งจอกถามด้วยความประหลาดใจ

“นี่คือหลักฐาน”

ซูโย่วอี๋อยากเห็นว่าใครกันที่อยากจะทำร้ายเธอ และหลังจากการแสดงจบลง เธอจะให้หลักฐานนี้กับลู่เฉิน

เมื่อเธอกำลังจะนอนบนโซฟาเพื่อพักผ่อน ท้องของเธอก็ร้องโครกครากขึ้นมา และเธออยากจะเข้าห้องน้ำ

หรือว่ากล่องอาหารกลางวันก็โดนด้วยงั้นเหรอ!

ซูโย่วอี๋เอามือกุมท้องแล้วรีบวิ่งไปห้องน้ำ

ในขณะเดียวกันเฉินซีซีก็โผล่หัวเข้ามาจากข้างนอก

“พี่สาว?”

เฉินซีซีมองไปรอบ ๆ แต่ไม่เห็นพี่สาวเลย เธอหน้ามุ่ยและสงสัยว่าพี่สาวหายไปไหน?

ด้านเฉินป๋อเฉียงและภรรยาของเขาอุตส่าห์มาจากเมืองไท่เพื่อชมการแสดงและนำของขวัญมาให้พี่สาวตั้งเยอะ

เฉินซีซีรออยู่ในนั้นสักพัก แต่ในไม่ช้าเธอก็รู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าไม่มีน้ำแร่ที่ยังไม่เปิดอยู่รอบ ๆ เธอจึงหยิบกระติกสุญญากาศของพี่สาวขึ้นมาดื่มสองอึก

ซึ่งเธอมักจะทำเช่นนี้เมื่ออยู่ที่บ้านพี่สาว

และในไม่ช้า เฉินซีซีก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติที่คอของเธอ

ในตอนแรก เฉินซีซีทนความเจ็บปวดได้ แต่ต่อมาก็เริ่มแสบ เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เธอลูบคอแล้วเดินไปที่ห้องประชุมซึ่งพ่อแม่ของเธอกำลังพักผ่อนอยู่

คุณนายเฉินและเฉินป๋อเฉียงกำลังคุยกัน เมื่อเห็นว่าเฉินซีซีกลับมาคนเดียว นางเฉินยิ้มและถามว่า “ว่าไง? ลูกหาเธอไม่เจอเหรอ?”

เฉินซีซีอ้าปากและต้องการตอบ แต่ไม่สามารถส่งเสียงได้ เธอได้ยินเพียงเสียง “อา”

เฉินซีซีอ้าปากกว้างและพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่มีประโยชน์

เห็นอย่างนั้นใบหน้าของคุณเฉินปลี่ยนไป เขาลุกขึ้นยืนและเดินไปหาลูกสาวของเขา “ซีซี”

เฉินซีซีไม่รู้จะทำอย่างไร เธอชี้ไปที่คอของเธอด้วยความตื่นตระหนกและร้องไห้เพราะความเจ็บปวดในลำคอ

ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความทรมาน

ในที่สุด คุณนายเฉินก็พบกับสิ่งผิดปกติและหัวใจของเธอก็ชาวาบ

“เฉินซีซี ลองนึกถึงสิ่งที่ดื่มไปเมื่อกี้”

ลู่เฉินสงบสติอารมณ์และรีบโทรหาทีมแพทย์ฉุกเฉิน ดวงตาของเขายังคงสงบนิ่ง “เฉินซีซี จำได้ไหม คุณเพิ่งดื่มอะไรไป”

จมูกของเฉินซีซีเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่ลู่เฉินพูดกับเธอเมื่อกี้?

เธอดื่มน้ำของพี่สาว และคอของเธอก็เจ็บมาก นี่มันหมายถึงมีคนต้องการทำร้ายพี่สาว!

เฉินซีซีหันหลังกลับและวิ่งกลับไป ซึ่งประธานลู่ก็ตามไปติด ๆ

เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าซูโย่วอี๋กำลังนั่งอยู่บนโซฟา เธอเข้าห้องน้ำสามครั้ง ใบหน้าของเธอซีดเล็กน้อย

เมื่อเห็นว่าคนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามา และเฉินซีซีก็รีบเข้ามาชี้ไปที่แก้วเก็บความร้อนและทำท่าทางว่าเธอดื่มมันไม่ได้เด็ดขาด

เมื่อเห็นว่าเด็กสาวไม่ได้พูดประโยคที่สมบูรณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ ซูโย่วอี๋จึงรู้สึกสงสัย “ซีซี เธอพูดไม่ได้เหรอ?”

น้ำตาเอ่อคลอในดวงตาของเฉินซีซี เธอหยิบปากกาและกระดาษขึ้นมาแล้วเขียนว่า ‘มีคนต้องการทำร้ายพี่’

เห็นอย่างนั้นหัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ “เธอดื่มน้ำในกระติกน้ำไปหรือเปล่า?”

แต่คุณนายเฉินได้ยินคำพูดของเธอ ก็มองหญิงสาวอย่างเย็นชาและแข็งกร้าว “หมายความว่าคุณรู้แล้วว่ามีอะไรผิดปกติกับน้ำ?”

ซูโย่วอี๋อึกอักและพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า “ฉันขอโทษค่ะ ฉันแค่ต้องการเก็บหลักฐานเพื่อหาคนทำผิด”