บทที่ 92 ทำไมไม่ทิ้ง

Top Star ระบบปั้นเธอให้เป็นดาว

บทที่ 92 ทำไมไม่ทิ้ง

บทที่ 92 ทำไมไม่ทิ้ง

คุณนายเฉินโกรธมาก “เพื่อแค่หลักฐาน เธอถึงกับให้ซีซีดื่มน้ำของเธอเลยเหรอ?”

“ทั้งที่ซีซีรีบวิ่งมาบอกเธอว่าอย่าดื่มมันเนี่ยนะ!”

เฉินป๋อเฉียงดึงภรรยาของเขาและพูดว่า “ใจเย็น ๆ”

“ใจเย็น ๆ งั้นเหรอ ให้ฉันใจเย็นได้ยังไง ซีซีเป็นแบบนี้เลยนะ”

“มีคนทำร้ายเธอภายใต้การดูแลของฉัน”

เธอหรี่ตามองซูโย่วอี๋ “ในเมื่อรู้ว่าน้ำมีความผิดปกติ ทำไมเธอไม่เททิ้ง?”

ถึงซูโย่วอี๋จะไม่ได้ทำร้ายเฉินซีซี แต่ที่เธอเป็นอย่างนี้เพราะซูโย่วอี๋

ใครจะพูดได้ว่าเธอไม่ได้ผิด?

คุณนายเฉินยกมือขึ้นตบหน้าซูโย่วอี๋อย่างแรง

แรงตบทำให้ใบหน้าของเธอสั่น

ลายนิ้วมือทั้งห้าที่ชัดเจนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาว

ก่อนที่ทุกคนจะทันได้ตอบโต้ ลู่เฉินก็ยืนอยู่ข้างหลังเธอและพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “คุณนายเฉินส่งซีซีไปโรงพยาบาลก่อนเถอะครับ แล้วผมจะให้คำอธิบายไม่ช้าก็เร็ว”

ซูโย่วอี๋รู้สึกผิดและเศร้ามาก เธอมองชายที่อยู่ตรงหน้าเธอผ่านไหล่กว้างของเขา

เมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาก็ทานอาหารเย็นกันอย่างมีความสุข

คุณนายเฉินหันไปมองที่ลู่เฉินอย่างมึนงง

น้ำเสียงของเขาหนักแน่นและทรงพลัง

เมื่อเห็นพวกเขาออกไป ซูโย่วอี๋ก็ขอร้องว่า “ฉันไปโรงพยาบาลกับซีซีได้ไหม ฉันช่วยเธอได้”

เพราะเธอมีระบบและมันก็ยังมีประโยชน์

แต่เมื่อได้ยินอย่างนั้น ความโกรธของคุณนายเฉินก็พลุ่งพล่านอีกครั้ง แต่ทันใดนั้นลู่เฉินหันกลับมาและส่งสายตาห้ามปรามเธอ

ซูโย่วอี๋ตระหนักว่าเธอไม่ควรที่จะพูดในขณะนี้

คุณนายเฉินจับแขนของเฉินซีซี กำลังจะเดินออกไป แต่กระต่ายน้อยสะบัดมือเธอออก หยิบปากกากับกระดาษขึ้นมาแล้วเขียนอีกสองสามคำ

‘พี่สาว พี่ไม่ได้ทำอะไรผิด พี่ต้องแสดงให้ดี ฉันจะดูการแสดงของพี่ที่โรงพยาบาลนะ’

‘แม่คะ อย่าพูดกับพี่สาวของหนูแบบนั้น เดี๋ยวแม่จะเสียใจ’

ซูโย่วอี๋สะอื้นและกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นน้ำตา

เธอร้องไห้ไม่ออก แต่เธอสัญญากับตัวเองว่า จะต้องหาคนที่ทำร้ายเฉินซีซีเพื่อล้างแค้นให้เด็กสาวให้ได้!

เมื่อในห้องแต่งตัวเหลือเพียงคนเดียว เธอมองกระติกน้ำอย่างว่างเปล่าและเฝ้าถามตัวเองว่าทำไมเธอไม่เทน้ำทิ้งในตอนนั้นนะ

ทำไมเธอถึงเก็บมันและวางไว้ในตำแหน่งที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนขนาดนี้?

“เจ้าจิ้งจอกเน่า นายตรวจหาโรคในคนไม่ได้เหรอ? ตอนนั้นนายยังพบภาวะมีบุตรยากของฉันได้เลย สถานการณ์ของเฉินซีซีตอนนี้เป็นยังไง”

สุนัขจิ้งจอกปลอบเธอว่า [เส้นเสียงของเธอเสียหาย ต่อให้รักษาด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในโลก เสียงของเธอก็ไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้แล้ว]

ได้ยินแบบนี้ ซูโย่วอี๋ก็รู้สึกผิดจนอยากจะตบหน้าตัวเองสักสองฉาด!

“นายมีความคิดดี ๆ ไหม?”

สุนัขจิ้งจอกมองหายาที่เหมาะสมในห้างสรรพสินค้าของระบบ ในนี้มียามากมายที่สามารถรักษาคอของเด็กสาวได้ แต่เมล็ดช็อกโกแลตที่ต้องจ่ายนั้นไม่ถูกเลย แต่เพื่อให้ซู่จู่มั่นใจ มันจงใจพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลาย [คุณกล้าสงสัยในความสามารถของฉันงั้นเหรอ? แน่นอน คุณสามารถรักษามันได้]

ซูโย่วอี๋รู้สึกโล่งใจ ตราบใดที่ยังมีหนทางเธอต้องรักษาเฉินซีซีได้

ในห้องเงียบสงัด

“เจ้าจิ้งจอกเน่า นายคิดว่าซีซีเจ็บมากไหม?”

เฉินซีซีถูกตามใจมาตั้งแต่เธอยังเด็ก เมื่อพิจารณาจากความห่วงใยของคุณนายเฉิน นิ้วของเด็กคนนั้นคงแทบไม่เคยสัมผัสกับความเจ็บปวดเลย

แต่ซูโย่วอี๋กลับทำให้ซีซีเจ็บปวด

แม้ว่าสุดท้ายแล้วเธอจะสามารถรักษาให้หายได้ แต่เด็กสาวก็ต้องทนทุกข์ทรมาน

ขณะที่เธอกำลังหลงไปกับความเพ้อฝันและการคาดเดาต่าง ๆ นานา ประตูห้องแต่งตัวก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง

เป็นกลุ่มคนในชุดตำรวจเดินเข้ามา

“ผู้ไม่เกี่ยวข้องโปรดออกไป สถานที่เกิดเหตุต้องได้รับการคุ้มกันในขณะนี้ และห้ามเคลื่อนย้ายทุกอย่างในห้อง”

ซูโย่วอี๋ยืนขึ้นและเดินออกไปเงียบ ๆ

มีดาวมากมายบนไหล่ของตำรวจซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในระดับที่สูงมาก “คุณซู โปรดไปที่สถานีตำรวจพร้อมกับเราเพื่อลงบันทึกประจำวันหลังการแสดง นี่คือสิทธิพิเศษที่ประธานลู่มอบให้คุณ”

ปกติแล้วเธอคงถูกพาตัวไปทันที เพราะตอนนี้เธอตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในการวางยาเฉินซีซี

“ได้ค่ะ”

หลังจากที่เธอออกไป ตำรวจหญิงก็มองไปยังชายที่เพิ่งพูดก่อนหน้านี้และพูดว่า “หัวหน้า ฉันติดตามรายการมาตลอด เธอไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำร้ายกระต่ายน้อยเลย”

หัวหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจขมวดคิ้วและพูดว่า “คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร หากคุณไม่เป็นมืออาชีพพอ ผมจะเตะคุณออกจากทีมของเราเมื่อกลับไป”

ได้ยินอย่างนั้น ตำรวจหญิงก็หดหัวของเธอด้วยความกลัว เธอไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นไอดอลของเธอเป็นครั้งแรกในสถานการณ์เช่นนี้

เจ้าหน้าที่เปลี่ยนห้องแต่งตัวให้เธอชั่วคราว หลังจากนั้นไม่นานซือเฉินก็มา ในฐานะอาจารย์ เขาจึงได้ยินข่าวลือมาบ้างและเดินไปตบไหล่เธอเบา ๆ

“หน้าคุณบวมต้องเอาน้ำแข็งประคบ”

เขาขอให้ทีมงานเอาน้ำแข็งมาประคบบนใบหน้าของเธอนาน 10 นาทีกว่าที่อาการบวมจะทุเลา

……

ดูเหมือนฉูรั่วฮวนจะเดินผ่านไปโดยไม่ได้ตั้งใจและเห็นว่าห้องแต่งตัวของซูโย่วอี๋ถูกตำรวจล้อมอยู่

เธอมองแล้วรีบวิ่งหนีไป ตำรวจมาก็หมายความว่ามีบางอย่างผิดปกติ!

ด้านนอก ผู้ชมโห่ร้องดังสนั่นบนเวที ทั้งซือเฉินและซูโย่วอี๋ต่างก็อยู่ในบริเวณยืนรอ

เมื่อสังเกตเห็นว่าเธออารมณ์ไม่ดี ซือเฉินถาม “คุณยังคิดถึงเรื่องนั้นอยู่หรือเปล่า”

เธอส่ายหัวและมองไปที่แสงสีบนเวทีด้านนอก

ซูโย่วอี๋เอาแต่คิดว่าใครกันที่อยากจะทำร้ายเธอ?

ถึงกับทำลายชีวิตคนด้วยแผนร้ายกาจเช่นนี้

ถ้าเธอไม่มีระบบและสุนัขจิ้งจอกไม่พบสิ่งผิดปกติในน้ำ เธอจะทำอย่างไรถ้าดื่มมันเข้าไป?

คงต้องออกจากวงการไปถาวรแน่

นักร้องที่ร้องเพลงไม่ได้ มันไม่ตลกหรือไง?

มนุษย์คนไหนจะชั่วร้ายและน่าเกลียดได้ขนาดนี้

ซูโย่วอี๋คิดถึงเฉินซีซีมาก

“ไปบนเวทีกันเถอะ”

ซือเฉินรอเธออย่างอดทนเหมือนรุ่นพี่และพี่ชายที่อบอุ่น

เห็นอย่างนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอ

“โย่วโย่ว”

ด้านล่างเวที ป้ายเชียร์ถูกชูขึ้นสูง และทะเลสีเหลืองสว่างขึ้นบนอัฒจันทร์ที่มืดมิด

สีเหลืองคือสีของเธอ

คราวนี้ไอดอลของพวกเขาไม่ตอบสนองต่อความกระตือรือร้นของแฟน ๆ

จู่ ๆ เสียงโหมโรงดังขึ้น และแฟน ๆ ก็เงียบลงโดยอัตโนมัติ

แม้แต่ฉูรั่วฮวนที่ดูอยู่ในห้องแต่งตัวยังรู้สึกประหลาดใจ ตั้งแต่มีตำรวจมา ทำไมซูโย่วอี๋ถึงยังสบายดี

นี่เธอซื้อยาปลอมมาหรือเปล่า

“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ฉันคงไม่เชื่อ”

“เพื่อนที่ซื่อสัตย์กว่าคนรัก”

“ถึงฉันจะยุ่งกับความรัก ฉันก็จะแช่แข็งเธอให้เป็นน้ำแข็ง”

“คุณไม่ได้เกลียดฉัน แค่ด่าฉันไม่กี่คำ”

นั่นคือความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซูหยิน

ไม่ใช่ครอบครัวแต่ดีกว่าครอบครัว

ทันใดนั้นเสียงน่ารักของหญิงสาวก็ร้องร่วมอยู่ในเพลง

ซูโย่วอี๋หันกลับมามองทันทีและลิฟต์ก็ลอยขึ้นอย่างช้า ๆ ซูหยินยืนอยู่ตรงนั้นในชุดนักเรียน

รูปลักษณ์ที่น่าหลงใหลและการแต่งตัวที่ดูอ่อนเยาว์ของเธอ ทำให้ซูหยินดูแปลกตาไปมาก

ด้วยความงุนงง ทำให้ซูโย่วอี๋ลืมร้องเพลงและมองซูหยินเดินเข้ามาหาเธอ

“ฉันไม่ได้ชอบคุณตั้งแต่แรกพบ”

“แต่ใครจะรู้ว่าพวกเราจะสนิทกันหลังจากนั้น”

“พวกเราเหมือนฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง”

เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าซูหยินจะร้องเพลงนี้ได้!

ไม่ว่าซูโย่วอี๋จะฉลาดน้อยแค่ไหน เธอก็ตระหนักได้ว่านี่คือเซอร์ไพรส์ของทีมงาน

เธอถือไมโครโฟนและตะโกนว่า “หยินหยิน”

รอยยิ้มบนใบหน้าของหญิงสาวกว้างขึ้น บ่งบอกว่าเธอทั้งสองจะร้องเพลงด้วยกัน

แม้ว่าซูหยิน จะไม่ได้ซ้อมด้วยกัน แต่เธอก็ให้ความร่วมมือกับซูโย่วอี๋เป็นอย่างดี

แค่มองแวบเดียวก็เข้าใจได้ว่าเธอหมายถึงอะไร

เมื่อเพลงจบลง รอยยิ้มสดใสก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซูหยิน “ที่รัก เซอร์ไพรส์!”

ซูโย่วอี๋กระโดดกอดเพื่อนรักของเธอและได้กลิ่นน้ำหอมที่คุ้นเคยจากตัวหญิงสาว ความตื่นตระหนกและความรู้สึกผิดของเธอที่มีมาก่อนหน้านี้หายไปจนหมด

“ขอโทษนะที่มาสาย” ซูหยินพูดพลางลูบหลังเธอเบา ๆ

และในขณะนั้น ซือเฉินก็เปลี่ยนบทบาทมาทำหน้าที่เป็นพิธีกรทันที