ตอนที่ 80 อย่าให้อวี้ชิงลั่วต้องรักษาอย่างเปล่าประโยชน์

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 80 อย่าให้อวี้ชิงลั่วต้องรักษาอย่างเปล่าประโยชน์

ฉีจ้านถึงกับตัวแข็งทื่อ รีบวิ่งไปที่ข้างเตียงด้วยความดีใจ กล่าวเสียงเบา “ไท่…นายท่าน รู้สึกตัวแล้วหรือขอรับ?”

“เตรียมตัวกลับอาณาจักร” เสียงของบุรุษฟังดูอ่อนโยนมาก แม้ลมหายใจยังคงแผ่วเบา ทว่าคำสั่งนั้นกลับไม่มีใครที่จะพูดแทรกได้

แม้เพิ่งฟื้นจากอาการป่วยหนัก สมองของเขาก็ทำงานอย่างรวดเร็ว เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าตนเองอยู่ที่ใดและเกิดอะไรขึ้น

ฉีจ้านแอบไม่เห็นด้วย แต่ก็เข้าใจได้ว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาเมื่อครู่มีมากเกินไป ทั้งยังอยู่ใต้เท้าของโอรสแห่งสวรรค์ของเมืองหลวง คาดว่าเพียงไม่นานคงมีข่าวนี้ไปถึงพระกรรณของจักรพรรดิ ถึงเพลานั้นสถานการณ์คงรุนแรงขึ้นเป็นจนปัญหาระดับอาณาจักร

ครานี้เป็นเพราะพวกเขาต้องการตามหาองค์ชายสิบสามที่ออกมาเที่ยวเล่น คิดไม่ถึงเลยว่าระหว่างทางที่กำลังตามหากลับผ่านเข้ามาในเมืองหลวงของอาณาจักรเฟิงชาง ทั้งยังติดโรคร้ายเช่นนี้อีก ไม่ว่าอย่างไรก็มิอาจอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีกแล้ว

ระหว่างที่คิด เขาก็รีบพยักหน้ากล่าว “ข้าน้อยจะให้คนไปเตรียมตัวขอรับ”

“ช้าก่อน” สีหน้าของบุรุษที่อยู่บนเตียงยังคงดำทะมึน สภาวะจิตใจของเขาก็ยังไม่สู้ดี เขาเปิดปากและถามอย่างลังเลว่า “แม่นางคนนั้น…ช่างเถอะ เจ้าไปเตรียมตัวเถอะ”

ฉีจ้านก้มหน้าลง รีบหมุนกายเดินออกจากห้อง

หลังจากบุรุษเห็นเงาของอีกฝ่ายหายไป จึงหลับตาลงเบา ๆ นึกถึงเสียงที่เย็นชาและเชื่อมั่นในตนเองท่ามกลางสติที่เลอะเลือนเมื่อครู่ แต่น่าเสียดายที่เขาฟื้นขึ้นมาช้าไปหนึ่งก้าว ทำให้เห็นเพียงแผ่นหลังของนางที่เดินจากไป

จึงไม่ทันได้ขอบคุณนางเป็นอย่างดี

เขาส่ายหน้า ก้มหน้ามองเด็กน้อยที่นอนอยู่ข้าง ๆ อย่างจนปัญหา ถอนหายใจพลางกล่าว “สือซาน กลับไปเจ้าคงได้ถูกทำโทษแน่”

เพียงไม่นานฉีจ้านก็เดินเข้ามา คนที่เดินเข้ามาพร้อมกับเขายังมีเจียงอวิ๋นเซิงที่ถือยาที่เตรียมไว้เข้ามาด้วย

ครั้นพบว่าภายในห้องมีแค่คนไข้ผู้ใหญ่และเด็ก แต่กลับไม่เห็นอวี้ชิงลั่วแล้ว ดวงตาของเขาพลันเบิกกว้าง ถามด้วยความประหลาดใจ “แม่นางผู้นั้นเล่า?”

“ไปแล้ว” ฉีจ้านเหลือบมองเขาปราดหนึ่ง ภายในใจแอบหดหู่เล็กน้อย เมื่อครู่เขาถามเจียงอวิ๋นเซิงแล้วว่าสตรีผู้นั้นคือใคร แต่ใครจะไปรู้ว่าหมอเจียงที่ตอนแรกเป็นคนให้คำมั่นสัญญาว่านางมีทักษะทางการแพทย์ชั้นสูงก็ไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนามและที่อยู่ของแม่นางผู้นั้นเช่นกัน

เจียงอวิ๋นเซิงชะงัก เขาวางยาลงบนโต๊ะและรีบวิ่งออกไป แต่ต่อให้เขาค้นหาทั้งด้านในและด้านนอกโรงยา ก็ไม่พบร่องรอยของอวี้ชิงลั่วและจินหลิวหลี เขาตบหน้าขาตัวเองแรง ๆ อย่างฉับพลัน เหตุใดภายในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ กลับไม่เห็นนางเสียแล้ว?

เฮ้อ สติช่างเลอะเลือนเสียจริง เลอะเลือนเกินไปแล้ว เขาไม่ได้ให้คนเฝ้าแม่นางผู้มีทักษะทางการแพทย์ชั้นสูงคนนั้นเลย

เมื่อครู่เขานำเรื่องนี้ไปบอกอาจารย์แล้ว อาจารย์อยากให้เขาพาแม่นางผู้นั้นไปเจอหน้า ใครจะไปคิดว่าเมื่อกลับมา นางจะหายไปแล้ว

เจียงอวิ๋นเซิงรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก เมื่อนึกถึงทักษะทางการแพทย์ชั้นยอดของแม่นางคนนั้น โรคที่ถูกเขาวินิจฉัยว่าเป็นโรคติดต่อและยากที่จะควบคุม นางกลับมีมาตรการรับมือภายในระยะเวลาสั้น ๆ ทั้งยังจ่ายยาได้อย่างถูกต้อง

ใครก็ตามที่มีความกระตือรือร้นต่อทักษะทางการแพทย์อันแรงกล้าต่างก็ไม่ยินดีที่จะปล่อยโอกาสที่จะได้เรียนรู้กับอีกฝ่าย ทว่าโอกาสนี้กลับถูกเขาปล่อยให้หนีไปเสียได้

เจียงอวิ๋นเซิงรู้สึกหดหู่ ทว่าก็จนปัญญาเช่นกัน หลังจากเดินตามหาบนถนนอยู่สองรอบแต่ก็ยังไม่พบ จึงกลับมาที่โรงหมอด้วยความเศร้าสร้อย

ตอนที่เขากลับไป ด้านหลังลานก็มีเงาของหนึ่งบุรุษสองสตรีกระโดดลงมา

อวี้ชิงลั่วยังคงหัวเราะอยู่ตลอดเวลา “ท่านหมอเจียงผู้นี้น่าสนใจมาก ตอนแรกข้าคิดว่าจะช่วยโกหกนางหลี่เพราะได้รับผลประโยชน์จากนางเสียอีก และไม่ใช่คนดีอะไร คิดไม่ถึงเลย เขาจะมีความรักต่อทักษะทางการแพทย์มากขนาดนี้”

โม่เสียนถลึงตามองนาง ทั้งยังลูบหน้าผากอย่างไร้เรี่ยวแรง “แม่นางอวี้ พวกเราไม่ควรไปท้าทายราชวงศ์ของอาณาจักรหลิวอวิ๋นเลยจริง ๆ”

“อ๋อ ตอนนี้กระตุ้นไปแล้ว จะทำอะไรได้?” อวี้ชิงลั่วยักไหล่ด้วยท่าทางไม่แยแส นางยังแอบเก็บของที่ใช้เป็นหลักประกันจากฉีจ้านที่มอบให้นางเมื่อครู่ไว้กับตัว จึงแสดงออกถึงความพึงพอใจ ไม่ได้สนใจว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควร

“…” โม่เสียนแอบหลั่งน้ำตาอย่างเงียบ ๆ หากรู้ตั้งแต่แรก คงให้เสิ่นอิงจัดการเรื่องนี้แทน เขาอึดอัดใจจะแย่อยู่แล้ว

“นี่ก็เย็นแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ” อวี้ชิงลั่วมองท้องฟ้าที่อยู่ด้านนอก ตอนนี้ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดครึ้มลงแล้ว หากผ่านไปอีกสองก้านธูปก็คงมืดลงอย่างสมบูรณ์

อืม ถึงอย่างไรเรื่องที่นางออกมาจัดการก็เสร็จสิ้นแล้ว กลับไปได้เห็นเจ้าเด็กน้อยหนานหนานคนนั้น ก็ถือว่าเป็นที่พอใจแล้ว

โม่เสียนจ้องมองแผ่นหลังของนางที่ดูมั่นคงแน่วแน่ เขาก็แทบจะกระอักเลือดออกมา ผ่านไปครู่หนึ่งจึงซับเหงื่อและเดินตามไปอย่างจนปัญญา

ด้านนอกจวนจุดโคมไฟไว้นานแล้ว และมีคนมาเฝ้าประตูให้นางแล้ว

หลังทราบว่าหนานหนานเป็นบุตรชายของนายท่าน เหล่าสาวใช้ หญิงชราและคนรับใช้ที่อยู่ในจวน ต่างก็ปฏิบัติต่อเด็กน้อยราวกับบรรพบุรุษ โดยเฉพาะเมื่อเห็นหนานหนานเอ่ยคำพูดหลงตัวเองตามประสาเด็กน้อยอันดูน่ารักก็ยิ่งรู้สึกรักมากขึ้น แต่ละคนเข้ามาห้อมล้อมเขาและปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี

ในฐานะของมารดาผู้เป็นที่รักของหนานหนาน การปฏิบัติต่ออวี้ชิงลั่วย่อมสูงขึ้นด้วย ทุกคนต่างก็ต้อนรับนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ยิ่งไปกว่านั้น อวี้ชิงลั่วเดิมทีก็เป็นคนที่นายท่านบอกให้ปรนนิบัติอย่างดีอยู่แล้ว ทุกคนต่างก็เป็นคนที่มีหัวใจราวกับกระจกใส ไม่ว่าจะมากหรือน้อยต่างก็ทราบดีว่าท่าทางของเย่ซิวตู๋ที่มีต่ออวี้ชิงลั่วไม่ธรรมดา ด้วยเหตุนี้ความกระตือรือร้นในการปฏิบัติต่อนางจึงเหนือกว่าเสิ่นอิงและคนอื่น ๆ ที่เป็นผู้พิทักษ์แล้ว

ดังนั้นตอนที่ทั้งสามคนก้าวเท้าเข้ามาด้านในประตูใหญ่ ตอนที่เห็นแผ่นหลังของอวี้ชิงลั่วที่ถูกห้อมล้อมหลังจากเดินเข้าประตู โม่เสียนก็แอบรู้สึกอิจฉาขึ้นมา

เขาให้ความจริงใจกับคนเหล่านี้ สุดท้ายก็เทียบสตรีที่เพิ่งมาถึงจวนแค่สองวันไม่ได้ ไม่สบอารมณ์ ไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย

เสิ่นอิงยืนมองอยู่ข้าง ๆ เขาเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน แต่เดิมทีเขาก็ประจบประแจงอวี้ชิงลั่วอยู่แล้ว จึงไม่ได้แยแสอะไร หลังจากเห็นโม่เสียนเดินเข้ามา เขาจึงตบบ่าอีกฝ่ายแล้วกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “นายท่านเรียกหาเจ้า”

โม่เสียนรีบเก็บความเศร้าบนใบหน้าโดยพลัน หลังจากพยักหน้าให้อีกฝ่าย ก็รีบหมุนตัวเดินเข้าไปในห้องตำรา

ภายในห้องตำรามีเหวินเทียนและเผิงอิงที่เพิ่งหายจะอาการป่วยหนักนั่งรออยู่แล้ว เมื่อเห็นเขาเข้ามา จึงพยักหน้าให้เล็กน้อย ก่อนจะมองไปยังที่นั่งตำแหน่งประธาน

เย่ซิวตู๋นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะตำรา พยัคฆ์ทมิฬที่อยู่ข้างเท้าของเขามาโดยตลอดได้หายไปจนไม่เห็นเงาแล้ว นิ้วมือของเขาเคาะลงบนโต๊ะเบา ๆ น้ำเสียงฟังดูดี ทว่ากลับฟังไม่ออกว่าเขาอารมณ์ดีหรือไม่

โม่เสียนแอบประหม่าเล็กน้อย เขารีบรายงานเรื่องของอวี้ชิงลั่วให้เย่ซิวตู๋ฟังในทันที รวมถึงเรื่องที่นางรักษาให้ผู้ใหญ่และเด็กคู่นั้นของอาณาจักรหลิวอวิ๋นด้วย

เย่ซิวตู๋ได้ฟังจนจบ ก็หัวเราะออกมาเบา ๆ “เอาเถอะ นางรู้จักขีดจำกัดของตนเอง อีกอย่างต่อให้ยั่วยุราชวงศ์อาณาจักรหลิวอวิ๋นจริง ๆ ก็ไม่ได้เป็นเรื่องร้ายสำหรับเรา รักษาไปแล้วก็แล้วกันไป”

โม่เสียนและคนอื่น ๆ เบิกตาโต นายท่าน ทำแบบนี้เป็นการเอาอกเอาใจเกินไปแล้ว เอาอกเอาใจแม่นางอวี้เกินไปแล้วท่านรู้ตัวหรือไม่?

“เหวินเทียน” เย่ซิวตู๋ไม่ได้อยากพัวพันกับเรื่องนี้ให้มากความ เขาเพียงแค่หันไปสั่งคนที่นั่งอยู่ทางซ้ายมือ “เจ้าแอบส่งคนไปติดตามคนพวกนั้น จนกระทั่งคนของอาณาจักรหลิวอวิ๋นออกจากเมืองหลวงโดยสวัสดิภาพ”

“ความหมายของนายท่านคือ พวกเขาจะออกไปจากที่นี่ในคืนนี้หรือขอรับ?”

เย่ซิวตู๋พยักหน้า “พวกเขาเคลื่อนไหวภายในโรงหมอเอิกเกริกถึงเพียงนี้ เมืองหลวงย่อมมีคนจับตามองมากขนาดนั้น พวกเรามองออกถึงสถานะของพวกเขา คนอื่น ๆ ก็ย่อมทำได้เช่นกัน กลัวก็แต่ตอนนี้พวกเขาจะออกไปกันแล้ว เจ้าก็ไปจับตาดูไว้ อย่าให้อวี้ชิงลั่วต้องช่วยเหลืออย่างเปล่าประโยชน์”

เหวินเทียนมุมปากกระตุก เขาพยักหน้าและเดินออกไป ทว่าภายในใจก็อดสบถออกมาไม่ได้ นายท่าน ข้าต่างหากที่เป็นคนเลื่อมใสหมอปีศาจ มิใช่ท่านสักหน่อย

ตอนที่เขาเพิ่งจะเปิดประตูห้องตำรา เสิ่นอิงกลับพุ่งตัวเข้ามาจากด้านนอกจนเกือบจะชนกัน ทั้งสองคนรีบยืนอย่างมั่นคง เหวินเทียนยังไม่ทันได้ปริปากด่า ก็ได้ยินเสิ่นอิงพูดกับเย่ซิวตู๋ที่อยู่ด้านในห้องตำราด้วยความรีบร้อน “นายท่าน คนจากในวังมาขอพบขอรับ”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

นายท่านให้ท้ายว่าที่ฮูหยินออกนอกหน้ามากเลยนะคะ แฟนบอยหมอปีศาจอย่างเหวินเทียนน้อยใจแล้ว

ใครมาขอพบนายท่านกันนะ

ไหหม่า(海馬)