ตอนที่ 139 ครูยุ่งมาก

นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature )

ตอนที่ 139 – ครูยุ่งมาก

 

  หนานเกิงเฉินมองไปทางหลี่ซูถงอย่างตะลึง แล้วก็มองไปทางท้องฟ้าราตรีที่โดรนพวกนั้นระเบิด

  นี่เดิมเป็นไพ่ตายที่ชาวป่าซ่อนเอาไว้ กลับถูกอีกฝ่ายใช้ไพ่สำรับเดียวตีจนกลายเป็นฝันตื่นหนึ่ง

  ถึงแม้ระยะเวลาที่มาถึงโลกภายในก็ไม่ได้สั้น แต่หนานเกิงเฉินยังเพิ่งจะเคยเห็นบุคคลระดับนี้ลงมือเป็นครั้งแรก

  พูดตามจริง เพราะว่าพบเห็นมาน้อยเกินไป เขาไม่อาจจะตัดสินได้เลยว่านี่สรุปแล้วเป็นบุคคลแรงก์อะไร

  สรุปคือแรงก์สูงมาก!

  คิดถึงตรงนี้ เขามองไปทางชิ่งเฉินอีก

  ไม่กี่วันก่อนเขายังนึกเป็นจริงเป็นจังว่าชิ่งเฉินเป็นชาวป่าที่แร้นแค้นที่ดิ้นรนอยู่ในป่า เขายังพูดว่าให้อีกฝ่ายมาพึ่งตัวเอง

  ผลคือ การพลิกกลับนี้ก็เร็วเกินไปแล้วปะ!

  หลี่อีนั่วมองฉากที่ฝูงโดรนระเบิด หยิบวิทยุสื่อสารมากล่าวว่า “เรียบร้อยแล้ว มุ่งหน้าไปหาตระกูลจินไดต่อ ชาวป่าข้างหลังจะไม่ยอมแพ้ แล้วก็ระวังด้วยว่าข้างหน้ายังจะมีการซุ่มโจมตี”

  เซียวกงที่อยู่ในวิทยุสื่อสารเหมือนจะใบ้กินไปชั่วครู่ “นี่……เป็นสถานการณ์อะไรกันครับ”

  ใครก็คิดไม่ถึงว่า วิกฤตการณ์ที่เดิมทีน่าพรั่นพรึงจะแก้ไขไปอย่างนี้

  หลี่อีนั่วตอบว่า “สิ่งที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม”

  ……

  หนานเกิงเฉินติดตามหลี่อีนั่วมาระยะหนึ่งแล้ว ต้องทราบว่าผู้กล้าสาวสวยที่หยิ่งยะโสคนนี้แม้จะเห็นคนที่อยู่รุ่นลุงบางคนในตระกูลก็ยังเรียกเป็น “คุณ”

  ถ้าไม่ใช่คนที่ทำให้เธอเกิดความเคารพจากเบื้องลึกของจิตใจจะไม่ใช่คำว่า “ท่าน” นี้เลย

  ต้นขาข้างตัวพี่เฉินเห็นได้ชัดว่าหนากว่าต้นขาของเขา

  แน่นอนว่า หนานเกิงเฉินยอมรับผลลัพธ์นี้อย่างรวดเร็ว ถึงอย่างไรเขาเคยเห็นกับตามาแล้วว่านักเรียนเทพคนนี้ทุบตีนักเรียนท็อปต่าง ๆ นานา ทำให้นักเรียนท็อปพวกนั้นกราบกราน ถึงขนาดที่ทำให้ครูมอบสิทธิพิเศษ

  คนอย่างนี้คลุกคลีอยู่ที่โลกภายไนได้ดีกว่าตัวเองก็สมเหตุสมผล!

  หนานเกิงเฉินอิจฉาริษยาหลิวเต๋อจู้เพราะว่าเขารู้สึกเสมอว่าแม้แต่คนประเภทนั้นยังสามารถกราบอาจารย์ดังจนสถานะสูงขึ้นมาก โลกใบนี้มันไม่มีเหตุผลเกินไปแล้ว

  แต่เขากลับไม่อาจเกิดจิตริษยาต่อชิ่งเฉิน ได้แต่พูดว่ายอมรับทั้งปากทั้งใจ

  เพียงแต่ว่า จนกระทั่งถึงตอนนี้หลี่อีนั่วยังไม่ได้แฉศักดิ๋ฐานะของหลี่ซูถงเลย

  ดังนั้นหนานเกิงเฉินกับฉินอี่อี่รู้ได้แค่ว่า ศักดิ์ฐานะของหลี่ซูถงไม่จิ๊บจ๊อยธรรมดา ความแข็งแกร่งสูงยิ่ง แต่เดาไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่

  เวลานี้ ฉินอี่อี่จู่ ๆ คิดถึงเรื่องราวหนึ่ง

  บ่ายวันหนึ่งตนเองเคยถามหลี่ซูถงว่า : ท่านอยู่แรงก์อะไร

  อีกฝ่ายตอบว่าอะไรนะ

  แรงก์ S!!!

  ตอนนั้นคำตอบของฉินอี่อี่คือ ไม่อยากพูดความจริงก็ช่างเถอะ

  แต่ตอนนี้ฉินอี่อี่กลับตระหนักอย่างกะทันหันว่า  สิ่งที่อีกฝ่ายพูดอาจจะเป็นความจริงจริง ๆ!

  โลกนี้มีแรงก์ S กี่คน นับนิ้วถ้วน!

  สายตาที่ฉินอี่อี่มองไปทางหลี่ซูถงเปลี่ยนไปแล้ว แต่เธอไม่ได้ดีใจมาก เพราะนี่หมายความว่าระยะห่างของเธอกับชิ่งเฉินจู่ ๆ ก็กลายเป็นห่างไกล

  อีกฝ่ายไม่ใช่เด็กหนุ่มข้ารับใช้ลำเค็ญคนนั้นอีกแล้ว ทว่าเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของคนใหญ่คนโตสักคน

  ส่วนตนเองยังคงเป็นเด็กสาวชาวป่าที่ลำเค็ญคนนั้น

  ตอนนี้ หลี่อีนั่วหันเหสายตาไปที่ชิ่งเฉิน ทั้งสองสำรวจกันและกันเงียบ ๆ

  เด็กหนุ่มคิ้วตากระจ่าง แต่คนที่ดูดีเธอเห็นมาเยอะแล้ว ก็ไม่มีอะไรแปลกประหลาด 

  หลี่อีนั่วเปลี่ยนภาพลักษณ์ชิว ๆ ในอดีต มองไปทางชิ่งเฉินอย่างสงบนิ่ง “นี่เป็นนักเรียนของท่านสินะคะ ตอนนั้นท่านไม่ยอมรับฉันเป็นศิษย์ นักเรียนคนนี้ดีเยี่ยมกว่าฉันเหรอคะ”

  ตอนที่กระโยคคำถามนี้หลุดจากปากนี่เองที่ฉินอี่อี่และหนานเกิงเฉินถึงได้เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายพอขึ้นรถก็หาเรื่องชิ่งเฉิน

  นี่เป็นเพราะว่าตัวผู้กล้าสาวสวยอีกไม่สามารถกลายเป็นนักเรียนของชายกลางคนคนนี้ ทว่านักเรียนของอีกฝ่ายมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าของเธออย่างกะทันหันขนาดนี้

  เธอไม่ยอมรับอยู่บ้าง

  อันที่จริงตอนที่หลี่อีนั่วเห็นหน้าหลี่ซูถงครั้งแรกก็จดจำผู้อาวุโสคนนี้ออกแล้ว

  ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะดึงปกเสื้อแจ็คเก็ตกันลมขึ้นสูง

  ถึงแม้ว่าภายหลังอีกฝ่ายจะทาฝุ่นบนหน้าอีก

  ถัดจากนั้น เธอค้นพบอีกฝ่ายสถานที่เป้าหมายของหลี่ซูถงก็คือสถานที่ต้องห้ามหมายเลข 002 เธอจึงได้เข้าใจว่าเด็กหนุ่มคนนี้ที่อยู่ข้างกายหลี่ซูถงเกรงว่าจะเป็นผู้นำอัศวินรุ่นถัดไป

  เพราะหลี่อีนั่วทราบชัดมากว่าสถานที่ต้องห้ามหมายเลข 002 นั่นมีอะไร……

  เขาเขียวผาชัน

  ถึงแม้ว่าหลี่อีนั่วก็ไม่รู้ว่าด่านเป็นตายแปดด่านของอัศวินสรุปแล้วคืออะไร แต่เธอรู้ว่า

  ที่นั้น

  เป็นสถานที่ที่ความฝันของอัศวินรุ่นแล้วรุ่นเล่าเริ่มต้นขึ้น

  คิดถึงตรงนี้ เธอยิ่งไม่ยอมรับ “ฉันไม่ยอมรับเขา!”

  หลี่ซูถงคิดดู “พูดกันตามความเป็นจริง นิสัยใจคอของเขาแกร่งกว่าเธอจริง ๆ เหมาะสมจะเดินไปบนทางสายนี้ของฉันมากกว่า”

  เรื่องอวดนักเรียนตัวเองต่อหน้าคนอื่นเนี่ย หลี่ซูถงเก่งมาตลอดแหละ

  หลี่อีนั่วจ้องชิ่งเฉินเขม็ง ยังมีจิตใจไม่ยอมรับนิดหน่อย “นิสัยใจคอของฉันมีจุดไหนที่สู้เขาไม่ได้คะ ตอนนั้นฉันอ้อนวอนแทบตายให้ท่านรับฉันเป็นศิษย์ ท่านยังไม่เต็มใจ เขามีที่มายังไงคะ”

  ”ตอนนี้บอกไม่ได้” หลี่ซูถงยิ้ม “ส่วนที่ว่านิสัยใจคอของเขาแกร่งกว่าเธอที่ไหน วันหลังเธอก็จะค้นพบเอง”

  ขณะนี้ ชิ่งเฉินขมวดคิ้วครุ่นคิด

  เขาเคยอ่านแผนผังตระกูลของตระกูลหลี่ ตอนนั้นด้านหนึ่งคืออยากรู้ว่าหลี่ถงอวิ๋นอยู่ในนั้นหรือไม่ อีกด้านหนึ่งก็คือเดาว่าหลี่ซูถงเป็นคนของตระกูลหลี่

  แต่ภายหลังค้นพบว่าในนั้นไม่มีชื่อของหลี่ซูถงเลย

  แน่นอนว่า แผนผังตระกูลเป็นอีกฝ่ายให้มา อีกฝ่ายลบตัวเองออกไปก็ปกติมาก……

  ระหว่างที่คุยเล่น หลี่ซูถงไม่ได้จงใจปิดบังหลี่อีนั่วเลย อย่างเช่นเรื่องที่ชิ่งเฉินกลายเป็นนักเรียนของเขาแล้ว

  ที่นี่ ฉินอี่อี่ที่รู้จักอยู่แล้วเป็นรุ่นหลังของเพื่อนสนิทหลี่ซูถง บุคลิกนิสัยใจคอก็ไม่มีอะไรให้พูด อีกฝ่ายแสดงออกอย่างชัดเจนว่าอยากจะช่วยเด็กสาวคนนี้จัดเตรียมทางออกสายหนึ่ง

  หนานเกิงเฉินเป็นเพื่อนสนิทของชิ่งเฉิน คนที่ชิ่งเฉินอยากช่วยชีวิตบนเขาเหล่าจวินตอนนั้นก็คือเขา

  นี่ล้วนเป็นคนที่เชื่อถือได้

  อันที่จริงหลี่ซูถงก็ส่งสัญญาณบอกชิ่งเฉินเป็นนัย ๆ อยู่ว่า หลี่อีนั่วก็ใช่

  จนถึง ณ ขณะนี้ เงื่อนงำทั้งหมดที่หลี่ซูถงพาเขาออกมาล้วนร้อยเรียงกันแล้ว:

  ทริปนี้อีกฝ่ายมีจุดประสงค์มากมาย ต้องการทำหลายเรื่องให้เสร็จสิ้นในครั้งเดียว

  อย่างที่หนึ่งคือจัดแจงรุ่นหลังสกุลฉิน

  อย่างที่สองคือให้ชิ่งเฉินฆ่าชิ่งไฮว ระบายความโกรธ ล้างแค้น กำจัดหนึ่งในคู่แข่งทรงอิทธิพลของสังเวียนแห่งเงา

  อย่างที่สามคือ ให้ชิ่งเฉินทำความรู้จักหลี่อีนั่ว

  คิดถึงตรงนี้ ชิ่งเฉินคาดเดาร่วมกับการที่จู่ ๆ หลี่อีนั่วเข้าร่วมทีมล่าฤดูใบไม้ร่วงว่า อีกฝ่ายอาจจะได้รับข่าวสารของหลี่ซูถง จึงได้ตัดสินใจอย่างนี้กะทันหัน

  การขุดหลุมพรางใส่ตระกูลจินไดเป็นแค่การให้เหตุผลกับการกระทำของตนเอง แน่นอนว่า ถ้าสามารถขุดหลุมสำเร็จก็ยิ่งดี

  อย่างนั้น ตอนนี้ยังมีเรื่องที่สี่: หลี่ซูถงอยากจะพาชิ่งเฉินไปเขาเขียวสักรอบ ดูให้เห็นกับตาว่าเขาเปิดยีนล็อคชั้นที่หนึ่ง!

  ชิ่งเฉินทอดถอนใจ ครูออกมารอบนี้ดูผ่อนคลาย ที่จริงแล้วยุ่งมากเลย

……………………………

ตอนที่ 140 – เบบี๋