หลังจากที่พวกทนายความเห็นว่าเอาชนะเสี่ยวเฉิงไม่ได้ พวกเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะเดินออกไปจากสถานี ทันใดนั้นเอง หัวหน้าตำรวจก็กล่าวคำพูดขึ้นพร้อมเผยเสียงหัวเราะ “ขอโทษทีนะ ฉันเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยเหมือนกัน”

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งก็เริ่มเชิญพวกทนายออกไปทีละคน “เอาล่ะ หมดเวลาเยี่ยมผู้ต้องหาแล้ว! เชิญออกไปตอนนี้เลยครับ แล้วยังไงค่อยกลับมารับลูกความของพวกคุณใหม่ในอีกสิบห้าวัน เดี๋ยวที่เหลือเราจัดการเอง”

หลังจากทนายความทุกคนออกไปจากสถานีแล้ว พวกเด็กวัยรุ่นหัวรั้นก็พลันร้องไห้และสบถออกมาเสียงดังไม่หยุด “ไอ้พวกบัดซบเอ้ย! เราน่าจะออกไปตั้งแต่ตอนที่ยังมีโอกาส! ตอนนี้ต้องมาทนทุกข์ทรมานอยู่ในกรงเหล็กต่ออีกตั้งสิบห้าวัน! นี่เป็นครั้งแรกของฉันเลยนะที่ถูกจับขัง… แถมยังถูกจับโดยตำรวจลาดตระเวนชั้นผู้น้อยอีก! ไอ้เวรเอ้ย! อยากจะบ้าตาย!”

นายน้อยหยุนได้ยินกลุ่มเพื่อนของตนเองบ่นและสบถด้วยโทสะ เขาเองก็พลันกัดฟันแน่น “ไม่ต้องกังวลไป ถ้าพวกเราออกไปได้เมื่อไหร่ ไอ้บัดซบนั่นไม่ตายดีแน่! แล้วก็พวกทนาย ตอนนี้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากจะต้องยอมเดินออกไป แต่ไม่ว่ายังไง ทนายของพวกเราก็ต้องกลับมาช่วยแน่!”

ทว่า เสี่ยวเฉิงก็แทบจะไม่สนใจเลยว่าเด็กวัยรุ่นพวกนั้นจะไปขอให้คนใหญ่คนโตมาช่วยพาตัวออกไปหรือเปล่า เขาเพียงแค่เดินทางกลับไปที่คอนโด และทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในห้อง เสี่ยวเฉิงก็เห็นหรานจิงกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะและจัดเรียงเอกสารอยู่ ส่วนเซินเหยาก็กำลังนั่งชันเข่าข้างเดียวเพื่อตัดเล็บเท้า

เห็นได้ชัดว่าเธอไม่รู้ตัวเลยว่ากระโปรงของตัวเองนั้นเผยให้เห็นขาอ่อนอยู่นิดนึง และทันทีที่เซินเหยาเห็นเสี่ยวเฉิงมองมา เธอก็พลันตกใจไปชั่วครู่ หลังจากนั้นไม่นาน เธอก็รีบดึงกระโปรงลงทันที

“มองบ้าอะไรของนายกัน?!” เซินเหยาพลันตะคอกออกมา

“ถ้ากลัวว่าจะถูกมองนัก ก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่สิ ก็บอกไปก่อนหน้านี้แล้วไงว่าการแบ่งห้องอยู่กับเพศตรงข้ามมันไม่ค่อยสะดวก” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ

เซินเหยาพลันตอบกลับ “ฉันเองก็ไม่ได้ขออะไรเยอะเลยนะ นายจะเพิ่มค่าเช่าเป็นสองเท่าเลยก็ได้ แต่ขอบอกเอาไว้อย่างหนึ่ง… ฉันเคยชินกับที่นี่เพราะอยู่มาสามปีแล้ว อีกอย่าง ฉันก็ไม่อยากย้ายไปไหนแล้วด้วย ยังไงก็เถอะ ตอนทำงาน ฉันต้องบินไปทั่วโลกแล้วก็แทบจะไม่ได้กลับมาที่เมืองซ่างเฉิงเลย ไม่ต้องเป็นห่วง แต่จะว่าไป… ที่นี่ก็ออกจะใหญ่โต ทำไมไม่คิดจะปล่อยให้ฉันเช่าบ้างล่ะ?”

ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็พยักหน้าและยื่นมือออกไป “แล้วเงินล่ะ?”

เซินเหยาพลันกระพริบตาด้วยความไม่เชื่อ “นายกำลังจะทวงเงินจากฉัน?”

ถ้าเป็นชายอื่นที่เข้ามาจีบ พวกเขาก็คงจะให้เธออยู่ฟรีหรือหาเงินให้เธอใช้ไปแล้ว ทว่า เสี่ยวเฉิงนั้นต่างจากผู้ชายคนอื่นอย่างชัดเจน!

เสี่ยวเฉิงยังคงไม่ขยับตัว เขายังคงยกมือค้างเอาไว้แบบนั้น

เซินเหยาเผยหน้ามุ่ยและชี้ไปยังหรานจิง “แล้วทำไมนายถึงไม่ให้เธอจ่ายค่าเช่าด้วยล่ะ?”

“หรานจิงมีรายได้ไม่มาก อีกอย่าง เธอก็ตกลงกับฉันไว้แล้วด้วยว่าจะช่วยความสะอาดห้องแลกกับค่าเช่า แล้วจะเอายังไงล่ะ? ถ้าจะมาช่วยความสะอาดห้องด้วย เธอก็ไม่ต้องจ่าย” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ

สำหรับเซินเหยาแล้ว เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย แต่การที่ผู้ชายมาขอให้เธอเป็นคนจ่ายเงิน… มันเป็นอะไรที่จะสื่อได้ว่าเขาคนนั้นไม่ได้สนใจในเสน่ห์ของเธอเลยสักนิด เซินเหยาพลันกัดฟันพร้อมหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าประมาณหนึ่งร้อยหยวน หลังจากนั้น เธอก็วางเงินไว้บนโต๊ะ

ทันทีที่เสี่ยวเฉิงนับเงินเสร็จ เขาก็เดินตรงไปที่เตียงเพื่อนอนพัก

ทันทีที่เห็นว่าเสี่ยวเฉิงไปแล้ว เซินเหยาก็แทบอยากจะโยนข้าวของลงพื้น

ทันใดนั้น เสียงของหรานจิงก็ดังขึ้นมาจากมุมห้อง “เสน่ห์ใช้กับหมอนั่นไม่ได้ผลหรอกนะ ฉันเคยลองแล้ว…”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้นจากหรานจิง เธอก็รู้สึกโกรธและกอดอกทันที “ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีผู้ชายคนไหนมองข้ามเสน่ห์ของฉันไปได้! เพราะตั้งแต่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จไปจนถึงคนใหญ่คนโตและขุนนางต่างชาติ ทุกคนก็ล้วนแต่ต้องหลงในความมีเสน่ห์ของฉันไปเสียหมด! แต่วันนี้กลับมีผู้ชายคนหนึ่งมาสั่งให้ฉันจ่ายเงินค่าเช่าห้อง! หมอนั่นต้องโดนสั่งสอนหน่อยแล้ว”

หรานจิงเผยเสียงหัวเราะออกมาและตอบกลับ “ลองแล้วเหมือนกัน ครั้งก่อน เราสองคนทะเลาะกันอยู่หน้าประตู ถึงฉันจะเป็นตำรวจและคิดว่าตัวเองเก่งแค่ไหน แต่ก็แพ้ท่าให้หมอนั่นอยู่ดี…“