ตอนที่ 17: เสน่ห์ที่ใช้ไม่ได้ผล

ในตอนนั้นเอง ทนายความของนายน้อยหยุนก็เผยท่าทีสุดอ้อนวอนราวกับเคยประกอบอาชีพเป็นนักแสดงมาก่อน

“ไม่ได้มีไว้ขาย” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับทันที

“งั้นหนึ่งล้านหยวน! จะเอาหรือไม่เอา?” ทนายรีบพูดขึ้นมา

“ตอนแรกก็บอกไปแล้วไงว่าให้พวกนายพาตัวปัญหาพวกนั้นออกไปเลย แต่สุดท้ายก็ยังปากดีไม่ยอมออกมากัน ยังไงก็เถอะ ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้วล่ะ จะไม่มีใครได้ออกไปจากที่นี่จนกว่าจะครบสิบห้าวัน! แล้วก็อยากไปขึ้นศาลมากใช่ไหม? เอาเลยสิ! เต็มที่เลย ฉันมีหลักฐานอยู่แล้ว”

เหล่าทนายความเผยใบหน้าสุดตึงเครียดราวกับเป็นคนท้องผูกที่พยายามจะกลั้นอุจจาระ

ทว่า ในตอนนั้น นายน้อยหยุนและคนอื่นที่อยู่หลังลูกกรงก็อยากจะออกมาดูว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น และอยากรู้ว่าทำไมพวกทนายความถึงเผยท่าทีเช่นนั้น ทันใดนั้นเอง นายน้อยหยุนก็ตะโกนเรียนทนายของตน “ข้างนอกมีอะไรกัน? ถ้าหมอนั่นยังอวดดีอยู่ ก็ฟ้องมันไปให้หมดตัวเลย!”

ทนายความเผยยิ้มอย่างขมขื่นและเดินไปกระซิบข้างลูกกรง “เอ่อ… นายน้อยหยุนครับ เมื่อเช้าเราไปที่สำนักงานท้องถิ่นเพื่อซื้อและลบวิดีโอพวกนั้นทิ้งไปแล้ว แต่เราไม่ได้คาดหวังว่าหมอนั่นจะทำสำเนาเก็บเอาไว้… ตอนนี้เขามีทั้งหลักฐาน รูปภาพและเสียงอยู่ในครอบครอง ตอนนี้ทางเราเริ่มแย่แล้วครับ แล้วด้วยหลักฐานที่เห็น นายตำรวจคนนั้นจะได้รับความชอบธรรมในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง เพราะแบบนั้น เราจึงไม่มีโอกาสชนะเลยครับ แม้ว่าเขาจะต้องการขังพวกนายน้อยต่อไปก็ตาม”

นายน้อยหยุนเผยสีหน้าที่เปลี่ยนไป อีกทั้ง ดวงตาของเพื่อนข้างกายก็พลันกว้างขึ้น พวกเขาแทบอยากจะออกไปจากห้องขังทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงก็เดินตรงมาและล็อคประตูห้องขังเอาไว้

“ฉันให้โอกาสไปแล้ว แต่พวกนายกลับโยนทิ้ง อีกสิบห้าวันค่อยออกมาก็แล้วกัน แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง ฉันจะออกไปข้างนอกแล้ว ส่วนพวกนายก็อยู่ดูแลกันในห้องขังไปนะ” ทันทีที่พูดจบ เสี่ยวเฉิงก็ล็อกประตูห้องขัง

ทว่า ทุกคนที่อยู่หลังกรงเหล็กต่างก็วิตกกังวล “แกกล้าดียังไงมาขังพวกเราซ้ำอีก?!”

“ทำไมจะทำไม่ได้ล่ะ?” เสี่ยวเฉิงเหลือบมองไปยังตัวปัญหาทั้งสิบสองคน “พวกนายปากดีเองไม่ใช่หรือยังไงกันว่าฉันไม่กล้าที่จะทำอะไรหรอก ก็ลองมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นสิ… แถมยังปากดีอีกว่าฉันไม่กล้าขังพวกนายต่ออีกสิบห้าวันหรอก แล้วตอนนี้เป็นยังไงล่ะ? ไหน… ยังกล้าท้าให้ฉันทำอะไรอีกไหม?”

นายน้อยหยุนพลันหายใจเข้าเฮือกใหญ่และพยายามควบคุมน้ำเสียงให้ดูดีขึ้น “บางทีเราน่าจะคุยกันได้นะ”

“คุยอะไรล่ะ?”

“เรื่องปล่อยตัวพวกเราออกไปไง เรามีของขวัญสุดหรูให้นายด้วยนะ!”

ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็เผยยิ้มกว้างออกมา “โทษที ฉันไม่ได้มาเป็นตำรวจเพื่อช่วยผู้กระทำผิด แต่เพื่อนำพวกเขาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่างหาก แล้วก็ไม่ต้องพูดถึงเงินล้านหยวนเลยด้วย ต่อให้มีเงินสิบล้านหยวนมากองตรงหน้า ฉันก็ไม่สนใจ”

จากนั้น เสี่ยวเฉิงก็เก็บกุญแจไว้กับตัวอีกครั้งและเดินจากไป แต่ทว่า วัยรุ่นคนหนึ่งที่อยู่หลังกรงเหล็กพลันตะโกนขึ้นมา “เฮ้ย! อย่าเพิ่งไป! ปล่อยพวกเราออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะโว้ย!”

ทันใดนั้น เหล่าทนายก็เดินตรงมาและเข้าล้อมเสี่ยวเฉิงเอาไว้อีกครั้งพร้อมเผยสีหน้าข่มขู่ “คิดว่าจะไปเจอพวกเราในศาลได้งั้นเหรอ?”

ทว่า เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับอย่างดูถูก “แล้วรู้ใช่ไหมว่าถ้าพวกนายยังยืนอยู่ตรงนี้ต่อไป หรือเข้ามารบกวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พวกนายก็จะถูกจับโยนเข้าไปในกรงขังแบบไอ้เด็กพวกนั้นเหมือนกัน? คนที่พวกนายพยายามจะประกันตัวได้กระทำความผิดจริง และต้องถูกกุมขังต่อที่นี่เป็นเวลาสิบห้าวัน ถ้ายังยืนกรานที่จะประกันตัว ฉันก็คงจะต้องโยนพวกนายเข้าไปด้วยแล้วล่ะ”

ทันทีที่เห็นว่าเสี่ยวเฉิงเผยสีหน้าสุดจริงจังออกมา เหล่าทนายจึงถอยออกมาทีละคน หลังจากสูดหายใจเฮือกใหญ่และมองหน้ากัน พวกเขาก็เดินไปที่ห้องขังเพื่อพูดคุยกับลูกความของตน

ในตอนนั้นเอง เสี่ยวเฉิงเองก็ไม่ได้เข้าไปรบกวนอะไรพวกเขาอีก จากนั้นไม่นาน เขาก็คิดว่าจะออกไปจากสถานี สิ่งที่เสี่ยวเฉิงต้องการมากที่สุดในตอนนี้ก็คือการงีบหลับเพื่อพักผ่อน

แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงของพวกเด็กวัยรุ่นสบถตามหลัง เสี่ยวเฉิงก็หันกลับมาพร้อมกระแอมในลำคอ “มีการเฝ้าระวังอยู่ทุกที่ ระวังคำพูดหน่อยก็แล้วกัน มันอาจจะทำให้พวกนายทุกคนได้อยู่ต่ออีกหลายวัน…“

เด็กวัยรุ่นเหล่านั้นต่างพากันเอามือปิดปากอย่างช่วยไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายน้อยหยุน เขาปิดปากตัวเองเอาไว้แน่น เดิมที ถ้าพวกเขาไม่ได้อวดดีหรือยอมรับความจริงแต่แรก ทุกคนก็คงถูกปล่อยตัวออกมานานแล้ว แต่ตอนนี้ พวกเขากลับถูกกุมขังต่ออีกสิบห้าวันเพราะพยายามอวดดีกับเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยอย่างเสี่ยวเฉิง