หัวหน้าพลันตบไหล่เสี่ยวเฉิง หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็เผยยิ้มและเดินไปยังห้องขัง “อ่า ทุกคน! เอาแบบนี้ดีไหม… ฉันจะขอโทษเป็นการส่วนตัวสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน พอดีลูกน้องฉันเพิ่งจะเข้ามาทำงานได้แค่วันเดียวเอง เขายังไม่ค่อยรู้กฎเกณฑ์อะไรมากเท่าไหร่นักหรอก”

ทันใดนั้น นายน้อยหยุนก็ตอบกลับด้วยคำพูดสุดเยาะเย้ย “เด็กใหม่ที่ไม่รู้กฎเกณฑ์ นั่นก็เป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วว่าทำไมพวกเราถึงต้องสั่งสอนบทเรียนให้เขา ไม่อย่างนั้น เขาก็คงจะต้องใช้เวลานานกว่าจะทำความคุ้นเคยกับงานใหม่ได้ หมอนั่นต้องรู้จักชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำผิดไป!”

หัวหน้าตำรวจพลันเผยยิ้มอย่างข่มขื่นและถอนหายใจ “แต่ทางสถานีไม่ได้มีเงินมากพอที่จะเอามาชดเชยให้ทุกคนหมดนะ”

“งั้นก็… ไล่ตัวก่อปัญหาออกไปเลยสิ” ทนายความคนหนึ่งพูดขึ้น

นายน้อยหยุนเผยยิ้มทันที “ทางสถานีแล้วก็หัวหน้าหลิวไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย… ก็แค่ให้เด็กใหม่รับผิดชอบต่อเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เรารู้ดีว่าพวกคุณทุกคนล้วนทำงานหนักเจียนตาย แต่ก็ไม่ได้มีรายได้มากมายนัก แต่ฉันทั้งโดนทำร้ายและถูกขังอยู่ในกรงเหล็กตั้งหนึ่งคืน! มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก ถ้าให้เด็กใหม่มาขอโทษแล้วก็จบ ครอบครัวของพวกเราคงจะไม่ยอมแน่ เพราะภาพลักษณ์มันเสียไปแล้ว!”

หัวหน้าพลันขมวดคิ้ว

เสี่ยวเฉิงพลันกระแอม “ทนายของพวกนายก็มากันแล้วนี่… ทำไมยังทำตัวบัดซบแบบนี้กันอยู่อีก?! ถ้ายังไม่จบ ฉันเองก็จะขังเด็กหัวรั้นอย่างพวกนายต่ออีกสิบห้าวัน!”

“โห… น้ำเสียงดูหนักแน่นดีนะ! คิดว่าจะขังพวกเขาตามที่ใจต้องการได้งั้นเหรอ?” ทนายกล่าวคำพูดพร้อมเผยท่าทีดูถูก

นายน้อยหยุนชี้นิ้วไปยังเสี่ยวเฉิงและหันไปพูดกับหัวหน้าตำรวจ “เป็นยังไงล่ะ? ได้ยินคำพูดพวกนั้นไหมหัวหน้าหลิว?! พวกลูกน้องแบบนี้มีแต่จะทำให้คุณต้องเดือดร้อน!”

“ถ้าฉันกลัวปัญหา ก็คงไม่มาเข้าร่วมกองกำลังตำรวจหรอก!” เสี่ยวเฉิงตอบกลับทันที

“ก็ได้” นายน้อยหยุนพลันกัดฟัน “ดูเหมือนว่าแกอยากจะทำให้เป็นเรื่องใหญ่มากสินะ ดีเลย! งั้นฉันจะสั่งให้ทนายทำเรื่องฟ้องร้องให้หมด! เราเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน เราจะอยู่ที่นี่ต่อ แล้วมาดูกันว่าจะเป็นยังไงต่อไป… ทนายของฉันจะจัดการทุกอย่างเอง พวกเราทั้งสิบสองคนจะขอรออยู่ที่นี่!”

“ไม่ยอมนักใช่ไหม?” เสี่ยวเฉิงพลันกัดฟัน “ก็ดี! งั้นก็ไม่ต้องออกไปไหนทั้งนั้น! ขังไว้แบบนี้ต่อไปนั้นแหละ! ส่วนพวกนายก็ค่อยมารับเด็กพวกนี้ในอีกสิบห้าวันก็แล้วกัน”

ทันใดนั้น ทนายคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมา “เจ้าหน้าที่เสี่ยวเฉิง ทัศนคติของคุณดูจะเป็นปัญหาแล้วแหละ! เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ลูกความของผมถูกคุมตัวมาอย่างไม่ยุติธรรม แล้วยังจะมาขังพวกเขาต่ออีกสิบห้าวันอีกเหรอ? คุณจะแบกรับผลที่ตามมาไหวไหมล่ะ?”

“ใครบอกว่าเด็กพวกนี้ถูกควบคุมตัวมาโดยไม่ยุติธรรมกัน?” เสี่ยวเฉิงกล่าว จากนั้น เขาเดินไปยังโต๊ะทำงานและดึงแผ่นซีดีออกมาพร้อมตะโกนขึ้น “นี่ไง! ดูนี่สิ! นี่คือวิดีโอที่ถูกทำสำเนาไว้ มันถูกถ่ายมาจากกล้องวงจรปิดตามท้องถนน ฉันคิดไว้แล้วว่าพวกนายอาจจะพยายามไปติดสินบน ไม่ก็ยัดเงินหรือไปทำลายหลักฐานที่สถานีกล้องวงจรปิดแน่… และใช่! ขอโทษทีนะที่ฉันทำสำเนาเอาไว้ตั้งแต่คืนที่จับเด็กพวกนั้นมา ฉันจะเปิดมันให้ทุกคนดูเดี๋ยวนี้แหละ อีกอย่าง ฉันเองก็บันทึกเสียงจากโทรศัพท์เอาไว้หมดแล้วด้วย ดูและฟังกันให้เต็มหูเต็มตาไปเลย! มันจะให้ความรู้สึกราวกับพวกนายไปยืนอยู่ในที่เกิดเหตุเลยล่ะ”

เสี่ยวเฉิงเริ่มเล่นวิดีโอการทะเลาะวิวาทบนท้องถนนพร้อมกับเสียงที่บันทึกเอาไว้ในโทรศัพท์ ข้อมูลทั้งหมดนั้นถูกสำรองเอาไว้หมดแล้ว

ทันใดนั้นเอง สีหน้าของเหล่าทนายความก็เปลี่ยนไปทันที

พวกเด็กวัยรุ่นทั้งสิบสองคนก็พลันสงสัยว่าทุกคนด้านนอกกำลังดูอะไรอยู่ ทันใดนั้น พวกเหล่าวัยรุ่นก็เผยสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันทีที่มองไปยังใบหน้าของเหล่าทนายความ

“พวกนายอยากให้เป็นเรื่องใหญ่มากใช่ไหม? ได้เลย! ฉันจะเอาหลักฐานทั้งหมดนี่ไปขึ้นศาล ใครก็ตามที่ยังอยากจะสร้างปัญหาอยู่ ฉันเองก็มีสิทธิ์ที่จะจับขังรวมในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย!” เสี่ยวเฉิงกล่าวพร้อมหัวเราะออกมา

สีหน้าของทนายนับสิบพลันขาวซีดทันที

“นี่มัน…” ทนายของนายน้อยหยุนพลันรีบเดินตรงเข้ามาหาเสี่ยวเฉิง สีหน้าที่เคยก้าวร้าวแปรเปลี่ยนเป็นอ้อนวอน “เอ่อ… คุณเสี่ยวเฉิงครับ ผมคิดว่าเราน่าจะจัดการเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวเสียจะดีกว่า เอาแบบนี้ดีไหม… ทางเราจะขอซื้อหลักฐานนี้ในราคาห้าแสนหยวน!”