ตอนที่ 16: การตอบโต้

ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งหัวหน้าและผู้กองก็เดินออกมาจากห้องทำงาน ทว่า พวกวัยรุ่นที่ยังคงนั่งอยู่ในห้องขังพลันเผยท่าทีที่เปลี่ยนไป

ทันใดนั้น หัวหน้าก็เผยยิ้มพร้อมกล่าวคำพูดออกมา “มีเรื่องเข้าใจผิดอะไรกันหรือเปล่า?”

ทนายความพลันตอบกลับอย่างรวดเร็ว “หัวหน้าหลิว ยินดีที่ได้พบ ลองมองดูสิครับ ลูกความของผมถูกจับขังเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว มองไปที่ใบหน้าของพวกเขาสิ ทุกคนโดนทำร้ายร่างกายกันหมด ผมหวังว่าคุณคงจะอธิบายเรื่องให้ได้ เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนคนใหม่ของคุณเป็นคนจับพวกเขามา แถมยังใช้ความรุนแรงอีก เจ้าหน้าที่ตำรวจมีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้นงั้นเหรอ?”

ทว่า หัวหน้าก็พลันเผยสีหน้าครุ่นคิด ทันใดนั้น เสี่ยวเฉิงก็รีบตอบกลับทันที “เด็กพวกนี้มีความผิดฐานทำร้ายร่างกายและเพิกเฉยต่อคำพูดของเจ้าหน้าที่ วัยรุ่นพวกนั้นทั้งพูดแดกดันแล้วก็ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังไม่หมดนะ เด็กที่ชื่อนายน้อยหยุนอะไรนั่นก็มาถุยน้ำลายใส่เสื้อผมด้วย ในสถานการณ์แบบนั้น ผมได้รับอนุญาตให้ยิงเพื่อป้องกันตัวและบังคับใช้กฎหมายทันที แล้วหลังจากนั้นไม่นาน เด็กหัวรั้นพวกนั้นก็มาล้อมผมไว้ ก็เพราะแบบนั้นแหละ ผมเลยต้องพาพวกตัวปัญหาทั้งหมดมาขังไว้ที่นี่เป็นการสั่งสอน ทั้งหมดนี้มันก็แค่การจับกุมคนผิด คุณมีปัญหาอะไรหรือเปล่าล่ะ?”

“เจ้าหน้าที่เสี่ยวเฉิงใช่ไหม? ทุกประโยคที่กล่าวหาลูกความผม… คุณมีหลักฐานอะไรบ้างไหม? ผมเองก็เป็นนักกฏหมาย เมื่อต้องขึ้นศาล เราก็ต้องการหลักฐานกันทั้งนั้น”

ทันทีที่เห็นว่าทนายเองก็หยาบคายไม่แพ้กัน ผู้กองก็พลันดึงเสี่ยวเฉิงไปกระซิบข้างหู “ก็แค่ให้ความร่วมมือแล้วก็ขอโทษไปเถอะ ตอนนี้ฉันยังช่วยนายได้อยู่ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ไปมากกว่านี้เลย ครั้งนี้มีหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไปแล้ว ผลลัพธ์ที่ตามมามันอาจจะไม่ดีก็ได้”

เสี่ยวเฉิงแทบจะพูดไม่ออก “จะให้ผมขอโทษเด็กพวกนั้น?”

ทันทีที่นายน้อยหยุนได้ยินเช่นนั้น เขาก็ตะโกนขึ้นมา “ขอโทษไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ถ้าพวกแกอยากจะใช้กฎหมายมากนัก ก็เอาเลยสิ!”

ทนายความของนายน้อยหยุนพยักหน้า จากนั้น เขาก็เผยสีหน้าสุดจริงจัง “ข้อหนึ่ง การจับกุมที่ไม่ยุติธรรมของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ลูกความของผมได้รับความเสียหายและผลกระทบทางด้านจิตใจ ข้อสอง การถูกกุมขังข้ามคืนทำให้ภาพลักษณ์ของพวกเขาเสียหาย และจะต้องมีการจ่ายค่าชดเชยต่ออาการบาดเจ็บทั้งหมด แต่ว่า… ถ้าหัวหน้าไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่หรืออยากจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เราก็จะขอค่าชดเชยห้าแสนหยวน!”

“ห้าแสนหยวน?” ทั้งหัวหน้าและผู้กองก็พลันเบิกตากว้าง “สถานีตำรวจจะไปหาเงินชดเชยที่มากขนาดนั้นมาได้ยังไงกัน?”

ทนายพยักหน้าทันที “ใช่แล้ว! สำหรับนายน้อยหยุนแค่คนเดียวก็คือห้าแสนหยวน! ก็รู้หรอกว่าการเป็นตำรวจไม่ใช่เรื่องง่าย เราเลยไม่ได้เรียกร้องจำนวนเงินที่มันสูงมากไปกว่านี้ ส่วนค่าชดเชยพวกนี้ก็ไม่ได้เอาไปใช้ประโยชน์อะไร อีกอย่าง มันก็ไม่ได้มากมายอยู่แล้ว”

ทนายความคนอื่นที่ได้ยินพยักหน้าพร้อมกัน “พวกเราตกลง… ถ้าทางสถานีไม่ต้องการให้เป็นเรื่องใหญ่ ลูกความของเราก็จะต้องได้ค่าชดเชยคนละห้าแสนหยวน!”

‘ทุกคนเลยเหรอ?’ ผู้กองพลันรู้สึกตกตะลึงพร้อมคิดในใจ ‘มีทั้งหมดสิบสองคน… ก็ตีเป็นหกล้านหยวน?!’

“เอ่อ… พวกเราจะไปหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาได้จากที่ไหนกันล่ะ?” หัวหน้าเผยยิ้มอย่างขมขื่น

นายน้อยหยุนรู้ดีว่าทางสถานีไม่สามารถหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาจ่ายได้แน่ มันเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลเกินไป อีกฝ่ายทำเช่นนี้ก็เพื่อที่จะกดดันเจ้าหน้าที่ตำรวจและเสี่ยวเฉิงยอมจำนนและเลือกตัวเลือกที่สอง

“แน่นอน พวกคุณจะไม่จ่ายก็ได้ เพราะทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่เสี่ยวเฉิงต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว!”

เจ้าหน้าที่ทุกคนพลันมองไปยังเสี่ยวเฉิงทันที ใครจะไปหาเงินชดเชยจำนวนมากขนาดนั้นมาจ่ายได้กัน? มันมากเกินไป… ทว่า ดูเหมือนทางออกเดียวที่เป็นไปได้คือแยกตัวเองออกจากปัญหาและผลักดันไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

แน่นอน หัวหน้าตำรวจเองก็ไม่ใช่คนประเภทที่จะปัดความรับผิดชอบและยัดเยียดปัญหาไปให้คนอื่น เขาเดินไปหาเสี่ยวเฉิงพร้อมกระซิบข้างหู “นายเองก็เพิ่งจะมาทำงานที่นี่ อย่างที่พวกทนายพูด เราไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้เลยว่าเด็กพวกนั้นทำอะไรลงไป และใช่ เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเรามีอำนาจในการนำตัวกลุ่มคนกลับมาและขอให้พวกเขาร่วมมือกับการสอบสวนก็จริง แต่เด็กพวกนี้ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ นายน่าจะปล่อยเรื่องนี้ไปตั้งแต่แรก แต่นายก็ดันพาพวกเขากลับมา ยังไงก็เถอะ เด็กพวกนั้นทั้งบาดเจ็บแล้วก็ถูกขังไว้ตั้งหนึ่งคืน แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว… ขอโทษพวกเขาไปเถอะ ทางสถานีไม่มีเงินจำนวนมากขนาดนั้นมาจ่ายหรอก”