ตอนที่ 149 สะสาง

“พี่หลินหนาน พี่รู้มั้ยว่าฉันกลัวแทบตาย!”

ทันทีที่ออกมาจากห้องนั้นได้ เฉิงซินเยวก็ถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก และรีบร้องบอกหลินหนานด้วยใบหน้าที่บ่งบอกว่าทั้งมีความสุข แล้วก็โล่งใจมากเพียงใด

“ฉันเป็นห่วงพี่แทบแย่!” เฉิงซินเยวกระซิบเสียงเบา ใบหน้าของเธอแดงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย

เมื่อได้เห็นอาการเป็นห่วงเป็นใยของเฉิงซินเย่ว หลินหนานก็ได้แต่ยกมือขึ้นเกาศรีษะ พร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“แค่เธอปลอดภัยก็ดีแล้ว!”

เฉิงซินเย่วพยักหน้า และรีบอธิบายให้หลินหนานฟังว่า “พี่หลินหนาน ถ้าไม่ใช่เพราะวันนี้เป็นวันเกิดอวี๋ชิง ฉันคงไม่มาสถานที่แบบนี้แน่!”

“ซินเย่ว! เป็นความผิด แล้วก็ความประมาทเลินเล่อของฉันเองล่ะ ฉันน่าจะไหวตัวว่า หวังเฉิงหยวนมันต้องคิดอะไรไม่ดีอยู่แน่ๆ ถึงได้เสนอตัวจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้กับฉันครั้งนี้”

โม่อวี๋ชิงที่วิ่งตามออกมาจากห้อง รีบเอ่ยขอโทษเฉิงซินเย่วด้วยความรู้สึกผิด..

หลินหนานหันไปพูดกับโม่อวี๋ชิงด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก “เธอไม่ได้ประมาท แต่เธอมั่นใจในตัวเองมากจนเกินไปต่างหาก ครั้งนี้ถือว่าเป็นบทเรียนก็แล้วกัน เพราะครั้งหน้า เธออาจจะไม่โชคดีแบบนี้ก็ได้”

“พี่หนาน.. ขอบคุณพี่มากนะคะ! ถ้าไม่มีพี่ คืนนี้ ฉันกับซินเยวคงจะ…”

โม่อวี๋ชิงเอ่ยขอบคุณหลินหนาน พร้อมกับจ้องมองเขาด้วยแววตาสับสน ก่อนหน้านี้เธอเองไม่เคยคิดที่จะมองหน้าหลินหนานเต็มๆเลยสักครั้ง ด้วยอายุและรูปลักษณ์ภายนอกของเขา ทําให้เธอไม่สนใจที่จะมองเขาสักเท่าไหร่

อีกทั้งเมื่อตอนที่เธอมีปากเสียงกับหวังเฉิงหยวน หลินหนานก็ได้แต่นั่งนิ่งเงียบ และไม่คิดที่จะลุกขึ้นมาช่วยเธอเลยด้วยซ้ำไป แต่เมื่ออีกาดําเข้ามา และท่าทีนอบน้อมที่เขามีต่อหลินหนานนั้นก็ได้ทําให้ความรู้สึกที่เธอมีต่อชายหนุ่มเปลี่ยนไปในทันที!

หลินหนานไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน!

หลินหนานโบกมือไปมาพร้อมกับบอกโม่อวี๋ชิงว่า “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง อย่าไปพูดถึงจะดีกว่า! ว่าแต่ เธอต้องระมัดระวังตัวให้มาก เพราะเจ้าเด็กนั่นจะต้องกลับมาแก้แค้นคืนแน่ๆ”

“ฮึ่ม! ถ้าไอ้คนสารเลวหวังเฉิงหยวนมันกล้ามาหาเรื่องฉันอีกล่ะก็ ฉันจะเตะผ่าหมากให้มันเป็นหมันเลยคอยดู!”

โม่อวี๋ชิงตอบกลับหลินหนานเสียงเย็น หลังจากที่หายจากอาการผิดหวังก่อนหน้านี้ โม่อวี๋ชิงก็กลับมาเป็นเด็กสาวที่ดุดันเหมือนเดิม

“อวี๋ชิง อย่ามัวแต่พูดมาก รีบกลับบ้านได้แล้ว ฉันเองก็อยากจะรีบกลับบ้านแล้วเหมือน..”

แต่ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยคดี เฉิงซินเยวก็รู้สึกเวียนหัวจนต้องหยุดพูดกลางคัน แล้วจู่ๆ เธอก็หมดสติล้มลงไปกับพื้นต่อหน้าหลินหนาน

แต่นับว่ายังโชคดีที่หลินหนานอยู่ใกล้ๆ จึงสามารถเอื้อมมือออกไปคว้าเอวของเฉิงซินเยวไว้ได้ทัน ก่อนที่เธอจะล้มลงหัวฟาดพื้น

“ซินเย่ว.. นี่เธอเป็นอะไร?”

โม่อวี๋ชิงร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ และรีบวิ่งเข้าไปดูเฉิงซินเยวด้วยสีหน้ากระวนกระวายใจ แต่วิ่งไปได้เพียงแค่สองก้าว เธอก็เริ่มรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาอย่างรุนแรงเช่นกัน และรู้สึกว่าร่างทั้งร่างเบาหวิวราวกับปุยนุ่ม เธอรู้สึกคล้ายกับว่าตนเองได้ดื่มเหล้าเข้าไปจนเมามาย

หลินหนานเห็นอาการของโม่อวี๋ชิง จึงรีบเอื้อมมือที่เหลืออีกข้าง ออกไปรองรับร่างบอบบางหมดสตินั้นไว้ได้ทันเวลา

“เฮ้อ.. เด็กสาวหน้าโง่สองคน คงไม่รู้ว่าตัวเองถูกวางยาสินะ!”

หลินหนานโอบร่างเด็กสาวทั้งสองคนไว้ในมือ พร้อมกับพึมพําออกมาด้วยความสงสาร เขารู้ดีว่า เวลานี้ยาที่หวังเฉิงหยวนใช้กับเด็กสาวทั้งสองนั้น คงจะเริ่มออกฤทธิ์แล้วนั่นเอง

เฮ้อ.. ขึ้นฉันพาเด็กสาวหมดสติสองคนออกไปแบบนี้ ไม่รู้ว่าผู้คนจะมองยังไง?

เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลินหนานจึงได้พาร่างไร้สติของเด็กสาวทั้งสอง เข้าไปในห้องว่างห้องหนึ่งที่อยู่ข้างๆ จากนั้นจึงได้ลากเก้าอี้จากด้านนอกเข้าไปด้วยสองตัว

แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำ และลมหายใจที่รุนแรงของเด็กสาวทั้งสอง หลินหนานก็ถึงกับตกใจขึ้นมาทันที!

ที่หน้าประตูทางเข้าจินชาคลับนั้น มีรถฮัมเมอร์คันยาวกําลังวิ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูงแต่ไกล..

เอี๊ยด..

เสียงล้อรถขนาดใหญ่เสียดสีกับพื้นดังขึ้น แล้วรถฮัมเมอร์คันใหญ่นั้น ก็ได้แล่นเข้าไปจอดที่ประตูทางเข้าของจินชาคลับ

เสียงเบรคดังเอี้ยดนั้น ทําให้ทั้งบรรดาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และสาวสวยที่กําลังยืนอยู่ด้านนอก ต่างก็หันมองไปทางรถฮัมเมอร์ราคาแพงนั้นเป็นตาเดียว แล้วพวกเขาก็เห็นคนสองคนก้าวเดินลงมาจากรถ

คนแรกเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างค่อนข้างอ้วนท้วนเจ้าเนื้อ และไม่สูงนัก แต่ดวงตาทั้งสองข้างของเขานั้นคมกริบราวกับตาเหยี่ยว ระหว่างที่เดินลงมานั้น ก็หมุนแหวนหยกในมือเป็นครั้งคราว ท่าทางการเดินเหินของเขา ล้วนเต็มไปด้วยความมั่นอกมั่นใจ

ส่วนชายคนที่สองซึ่งเดินตามลงมานั้น เป็นชายสูงอายุที่มีผมขาวโพลนทั้งศรีษะ สวมเสื้อคลุมยาว ทั้งสีหน้าและท่าทางการเดินนั้น บ่งบอกถึงความสงบนิ่งเป็นอย่างมาก

ที่สําคัญที่สุด.. ฝ่ามือข้างขวาของชายชราผู้นี้ มีนิ้วถึงหกนิ้ว!

“ลมอะไรหอบท่านประธานหวังมาที่นี่ในวันนี้ครับ? ถ้าผมรู้ล่วงหน้าว่าท่านประธานหวังจะมาคงต้องรีบบอกให้เถ้าแก่มาต้อนรับท่านประธานด้วยตัวเอง”

ทันทีที่เห็นชายวัยกลางคนร่างอ้วนสวมแหวนหยกก้าวเท้าเดินเข้ามา ผู้จัดการที่กําลังนั่งจิบชาอยู่ด้านหน้า ก็รีบวิ่งออกมาต้อนรับด้วยสีหน้าตกอกตกใจ

ชายวัยกลางคนหันไปตอบผู้จัดการร้านด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “อ่อ.. ยังจําได้ว่าฉันคือประธานหวังสินะ? ลูกชายของฉันถูกคนรังแกอยู่ในคลับของเธอ แต่เธอกลับทําเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว เรื่องนี้จะอธิบายยังไง?”

หลังจากได้ยินประธานหวังถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นนั้น ผู้จัดการร้านก็ถึงกับหวาดกลัวจนตัวสั่น และไม่สามารถตอบอะไรกลับไปได้

“มัวแต่อึ้งอยู่ได้ ยังไม่รีบพาฉันไปหาลูกชายอีกเหรอ?” หวังเซียนหย่งตวาดผู้จัดการร้านด้วยน้ำเสียง และสีหน้าดุดัน

“ครับๆท่านประธาน!”

หลังจากนั้น ผู้จัดการร้านก็รีบวิ่งนําหน้าหวังเซียนหย่งไปที่ห้องส่วนตัวของหวังเฉิงหยวนทันที

“เสี่ยวหวัง.. ไม่ต้องโมโหโทโสไป คนผิดย่อมต้องได้รับบทลงโทษ! เวลานี้พวกเราต่างก็อยู่ที่นี่แล้ว เดี๋ยวพวกเราจะจัดการเรื่องนี้แทนให้เอง..” ชายชราสวมชุดคลุมยาวเป็นฝ่ายพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก

ทันทีที่หวังเซียนหย่งได้ยินชายชราพูดเช่นนั้น เขาก็รีบหันไปขอบคุณด้วยความเคารพนอบน้อมโดยเร็ซ

“อาวุโสหยาน เป็นเพราะต้องการช่วยเหลือลูกชาย ทําให้อาวุโสต้องยุ่งยากไปด้วย ผมรู้สึกละอายใจมากจริงๆ!”

ชายชราแซ่หยานตอบกลับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เรื่องเล็กน้อยน่า อย่าได้เกรงใจไปเลย เฉิงหยวนเองก็ไม่ต่างจากหลานชายคนหนึ่งของฉัน เกิดเรื่องขึ้นกับเขาแบบนี้ ฉันก็ต้องออกหน้าช่วยอยู่แล้ว อีกอย่าง ฉันเองก็อยากจะรู้นักว่า ใครกันที่กล้าอวดดีได้ขนาดนี้?”

“อีกาดําก็ไม่ได้เรื่อง นับตั้งแต่เหตุการณ์ที่โรงแรมมารีออทครั้งนั้น หมอนั่นก็กลายเป็นคนขี้ขลาดหวาดกลัวไปหมด จิตใต้สํานึกของเขามีแต่เจ้าคนแซ่หลิน!” หวังเซียนหย่งพึมพําออกมาเบาๆ

หลังจากได้ยินคําพูดของหวังเซียนหย่ง สีหน้าของผู้เฒ่าหยานก็เปลี่ยนเป็นหนักใจ จนยากที่จะปิดบังไว้ได้ พร้อมกับกําชับหวังเซียนหย่งด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ต่อไปอยู่ต่อหน้าฉัน อย่าได้พูดถึงท่านปรมาจารย์หลินด้วยน้ำเสียงที่ไม่เคารพยําเกรงเช่นนี้อีก ไม่อย่างนั้นฉันไม่ให้อภัยเธอแน่!”

“ขออภัยอาวุโส! พอดีผมอดโมโหอีกาดําไม่ได้ ที่หวาดกลัวไม่จบไม่สิ้นซะที ก็เลยเผลอพูดจาไร้มารยาทออกมา”

ผู้เฒ่าหยานตอบกลับไปว่า “ชายหนุ่มคนนั้นสามารถเอาชนะเฉินมู่เฉิง ซึ่งมีดีกรีเป็นถึงสุดยอดปรมาจารย์ได้ แสดงว่าวรยุทธและกําลังภายในของเขานั้นต้องไม่ธรรมดาเลย ในวงการผู้ฝึกวรยุทธและกําลังภายในอย่างพวกเรา การจะได้รับยกย่องให้เป็นปรมาจารย์นั้น เป็นเรื่องที่นับว่าห่างไกลมาก..”

“ในโลกของผู้ฝึกวรยุทธอย่างฉัน ผู้ที่ถูกเรียกขานว่าปรมาจารย์นั้น เป็นยิ่งกว่าเทพเสียอีก! เพราะฉะนั้น เธอเองก็ไม่ควรที่จะใช้คําพูดดูถูกเขาแบบนั้นอีก และคนอย่างหลินหนานใช่ว่าจะสามารถพบเจอได้ง่ายๆ หากได้พบเขาอีกครั้งก็นับว่าเป็นความโชคดี!”

ทั่วทั้งประเทศจีน ผู้ที่ฝึกวรยุทธและกําลังภายในจนถึงขั้นปรมาจารย์ได้นั้น มีเพียงไม่กี่สิบคนเท่านั้น อีกทั้งหลินหนานยังหนุ่มยังแน่น แต่กลับสามารถไปถึงจุดนั้นได้ จึงนับเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก!

และสําหรับผู้ที่เก่งกาจถึงเพียงนี้ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ ผู้เฒ่าหยานก็ไม่กล้าที่จะเสียมารยาทหรือแสดงท่าที่ไร้ความเคารพต่อเขาได้!

“ครับ. อาวุโสหยานตักเตือนได้ถูกต้อง! หากวันหน้าผมได้พบกับหลินหนานอีกครั้ง คงไม่กล้ามีเรื่องกับเขาอย่างแน่นอน!” หวังเซียนหย่องพยักหน้าน้อมรับ

แต่ตอนนี้

“พ่อครับ. คุณปูหยาน.. วันนี้พวกท่านทั้งสองต้องจัดการสะสางเรื่องนี้ให้ผมด้วยนะครับ!”