ตอนที่ 130 ขอให้มาเจอกัน

รักครั้งแรกของคุณชายปีศาจ

บทที่ 120 ขอให้มาเจอกัน

“เอ่อ”หนีหย่าจูนมองหลิงเล่ที่ท่าทีเหมือนเดิม สุดท้ายก็พูดขึ้นมา“พี่ มีอีกหนึ่งเรื่อง มันไม่ใช่อย่างที่พี่คิด แต่รายละเอียดของมัน ไม่สามารถบอกได้ตอนนี้”

“ฉันไม่ถาม”

หลิงเล่ตอบมาอย่างเด็ดขาด

จากนั้นก็หันไปพูดกับฉวีซือ“ไปเอาที่วัดมา”

หลังจากที่หลิงเล่และมู่เทียนซิงวัดแหวนแต่งงานเสร็จ หนีหย่าจูนก็ส่งขนาดที่แน่นอนกลับไป

เขาลุก พร้อมกับพูดขึ้น“สาวน้อย พวกเราไปกันเถอะ”

มันสายมากแล้ว ครั้นกลัวว่าเวลานี้จะเป็นเวลาที่รถติดมากที่สุดพอดี ถ้าเกิดรถติดเป็นชั่วโมงๆล่ะก็ คงจะกระวนกระวายใจไม่น้อยเลย

อาจเป็นเพราะว่าใช้ชีวิตอยู่ในครอบครัวของนักธุรกิจตั้งแต่เด็ก หนีหย่าจูนก็เลยไม่ชอบปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์

ขณะที่เขาเพิ่งจะลุกขึ้นยืน หลิงเล่กลับพูดขึ้นกับเขาด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“นั่งลง!”

หนีหย่าจูนนั่งลงไปโดยทันที แต่เอามือลูบๆหัวพร้อมกับถามไปหนึ่งคำ“ครับพี่?”

เสียงนี้ มันให้ความรู้สึกอบอุ่นเข้ามาแทนที่สีหน้าที่นิ่งเฉยของหลิงเล่“นายเพิ่งจะส่งขนาดแหวนไปไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่ไง”

“แล้วรีบอะไรขนาดนั้น?”

“เอ่อ”หนีหย่าจูนชะงักไปเล็กน้อย ส่งไปเสร็จแล้ว ก็ไม่มีเรื่องอะไรแล้วนี่นา“พี่ ช่วยขยายความหน่อย ผมไม่ได้ฉลาดแบบที่พี่คิดขนาดนั้น!”

หนีหย่าจูนจริงๆแล้วเป็นคนที่โดดเด่นมาก ยืนอยู่กับผู้ชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาก็จะเป็นคนที่โดดเด่นเฉิดฉายออกมา

แต่หลิงเล่ดันพยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้น“พี่ของนายรู้ดีว่านายโง่!”

หนีหย่าจูน“……”

หลิงเล่พูดชี้แนะๆเขาแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก“ขนาดของแหวนส่งไปแล้ว แต่ว่าทางนั้นยังไม่ตอบกลับมาเลยนี่!”

หนีหย่าจูน“……”

มู่เทียนซิงมองหลิงเล่ด้วยความรู้สึกปวดหัวไม่น้อย ลูกที่ไม่มีแม่จู่ๆพอมีแม่ขึ้นมา มันเป็นแบบนี้นี่เองเหรอ?

ให้ตายเถอะ!

“พี่ ถ้าจะไม่ให้ออกไปอีก วันนี้ของผมมันก็พังพินาศเลยนะ พ่อของผมให้เวลาผมแค่สามวัน ผมยังต้องคืนเงินทั้งต้นทั้งดอกให้กับเขานะ!พี่ ผมเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่ ลูกพี่ลูกน้องแท้ๆ พี่คงไม่อยากจะเห็นผมจบเห่ใช่ไหม?”

หนีหย่าจูนอยากจะร้องก็ร้องไม่ออก ข้อความของคุณหญิงเยว่หยา ยังไม่รู้ว่าจะส่งกลับมาเมื่อไร หรือว่าต้องนั่งรองกๆอยู่แบบนี้ทั้งวัน?

ทุกคนต่างก็มีเรื่องที่ต้องรีบทำ รอกลับมาพบกันตอนเย็น ถ้าเกิดเขาได้รับข้อความตอบกลับจากคุณหญิงเยว่หยาแล้ว ถึงตอนนั้นก็ค่อยเอาให้หลิงเล่ดู แบบนั้นมันไม่ได้หรือไง?

แบบนี้ คำตอบก็ได้ดู แถมไม่ยืดเยื้อเสียเวลาอีกต่างหาก

แต่หลิงเล่ดันตอบกลับหนีหย่าจูนด้วยสีหน้าจริงจัง“นายวางใจได้ พี่จะไม่ยอมเห็นนายจบเห่หรอก ถ้าเกิดหลังจากสามวันแล้วนายยังไม่มีเงินไปคืน ฉันจะออกให้นายเอง!”

ถึงยังไง ทั้งหมดที่เขามีตอนนี้ล้วนแต่คุณหญิงเยว่หยาให้มาทั้งสิ้น เพียงแค่เอาพูดเอาไว้ ว่าจะทำให้กิจการขยายได้มากกว่าห้าเท่าของตอนแรก

หนีหย่าจูนยกมุมปาก ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี“ตั้งแต่ประถม คุณครูเคยสอนผมว่า เวลาสอบห้ามทุจริตเด็ดขาด!”

หลิงเล่ชายตามามองอย่างดูหมิ่น“แต่ว่าตอนนี้นายเริ่มเข้าสังคมแล้ว สังคมจะบอกนายเอง ไม่ว่าจะประจบประแจง หรือว่าใช้เส้นสาย สุดท้ายก็ล้วนแต่ต้องทำทั้งนั้น!”

มู่เทียนซิงถอนหายใจแล้ว ถอนหายใจอีก!

สุดท้าย เธอก็ใช้สมองอันชาญฉลาดของเธอช่วยทั้งสองคิดหาไอเดียดีๆขึ้นมาได้หนึ่งไอเดีย“ฉันดูๆแล้ว เอาแบบนี้ไหมล่ะ!”

น้ำเสียงใสไพเราะของสาวน้อยพูดขึ้นมา ชายทั้งสองพากันปิดปากสนิท

มู่เทียนซิงพอเห็นท่าทางของทั้งสองดูยินยอมรับฟัง ก็พยักหน้าพร้อมกับยิ้มเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น“มือถือของพี่หย่าจูน วันนี้ก็ฝากไว้กับคุณอาสักวันสิ!ถึงยังไงฉันก็ไม่มีเรื่องอะไรอยู่แล้ว แถมไม่มีใครโทรมาหาฉันด้วย มือถือของฉันก็ให้พี่หย่าจูนยืมไปใช้หนึ่งวัน อีกอย่าง จั๋วหรันไปกับพวกเราด้วย ตลอดทางคงไม่มีมีปัญหาอะไรขึ้นหรอก”

หนีหย่าจูนรู้สึกลังเลไม่น้อย

มือถือนะ ยังไงมันก็เป็นของส่วนตัว

เรื่องส่วนตัวทั้งหมดล้วนแต่อยู่ในมือถือทั้งสิ้น ถ้าเกิดไปอยู่ในมือของหลิงเล่ล่ะก็……

แต่หลิงเล่กลับจับหัวมู่เทียนซิงเข้ามา แล้วหอมไปที่แก้มของเธอหนึ่งที ก่อนจะพูดขึ้น“ตัวเล็ก เธอสุดยอดจริงๆ!ไอเดียยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแบบนี้ เธอคิดออกได้ยังไง ฉลาดสุดๆ!”

มู่เทียนซิงหน้าแดง ล้วงมือถือออกมาให้หนีหย่าจูน“พี่หย่าจูน ตอนนี้ถ้าเกิดคุณจะต้องโทรติดต่อใครล่ะก็ เบอร์ที่จำได้ช่างมัน แต่เบอร์ที่จำไม่ได้ รีบเอาเบอร์และชื่อมาบันทึกไว้ในเครื่องแล้วกัน วันนี้ฉันไม่ใช้ ให้คุณยืมหนึ่งวัน!”

หนีหย่าจูนท่าทางลังเล

ท่าทางของหลิงเล่เริ่มเย็นชาขึ้น พูดกับหนีหย่าจูน“เป็นอะไร ไม่อยากอย่างนั้นเหรอ? กลัวฉันทำพัง?”

มู่เทียนซิงมองหนีหย่าจูน พูดเตือนขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบายใจ“คนที่กินเนื้ออยู่ทุกวัน แน่นอนว่ากินจนไม่รู้รสชาติของเนื้อ แต่สำหรับคนที่ สิบกว่าปีแล้วเพิ่งได้กินเนื้อ แน่นอนว่าก็ต้องตั้งหน้าตั้งตารอคอยที่จะได้ลิ้มรสมัน พี่หย่าจูน สำหรับคุณแล้ว กะอีแค่รอหนึ่งข้อความ บางทีอาจจะไม่จำเป็นต้องรอขนาดนั้น มันจะมาตอนไหน คุณก็ค่อยดูตอนนั้น แต่ว่าสำหรับบางคนแล้ว กลับยอมที่จะปล่อยวางจากทุกสิ่ง แม้ว่าจะต้องรอทั้งชีวิต ก็ต้องรอข้อความนั้นข้อความเดียวให้ได้”

จู่ๆหนีหย่าจูนก็เริ่มใจอ่อนลง

ก้มหัวลง พร้อมกับพูดขึ้น“รอผมสักประเดี๋ยว”

นิ้วมือขยับอย่างรวดเร็ว เขาลบพวกนิตยสารประจำสัปดาห์สำหรับผู้ชาย ที่มันอาจจะทำให้คนที่ใสบริสุทธิ์แบบหลิงเล่ต้องใจแตกทิ้งไป แล้วยังมีสื่อเพื่อการศึกษาสำหรับเยาวชนของประเทศเกาะแบบคลาสสิก ก็ต้องลบทิ้งไปด้วย

ตรวจสอบแล้วตรวจสอบอีกอยู่หลายรอบ สุดท้ายก็ปลดล็อคสแกนลายนิ้วมือของมือถือ แล้วหนีหย่าจูนจึงจำใจ เอามือถือยื่นให้กับหลิงเล่

นิตยสารสำหรับผู้ชายลบไปมันก็ไม่เป็นไร เขาค่อยดาวน์โหลดมาใหม่ได้

แต่สื่อเพื่อการศึกษาสำหรับเยาวชนของประเทศเกาะเหล่านั้น มันหยุดการตีพิมพ์ไปแล้วเนี่ยน่ะสิ เพื่อนมหาลัยที่ส่งมาให้เขาในตอนแรก ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหนแล้ว ถ้าขืนลบทิ้งล่ะก็ ก็เตรียมซาโยนาระไปได้เลย

“นี่ครับ”

เขายื่นมือออกไป ข้อมือยังไม่ทันนิ่ง หลิงเล่เหมือนกับกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจ เลยรีบชิงมือถือมาอย่างรวดเร็ว

หลังจากชิงมาได้แล้ว แววตาที่เปล่งประกายของเขาก็แฝงไปด้วยความรู้สึกอึดอัดขึ้นมา“พวกนายรีบไปเถอะ จั๋วหรัน ไปเตรียมรถ!”

มู่เทียนซิงมองเขา เธอเดินเข้ามา จับหน้าของเขาแล้ว จูบลงไปที่หน้าผากของเขาหนึ่งที“คุณอา แล้วเจอกันนะคะ!”

หลิงเล่พยักหน้า เขานั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารอยู่เพียงลำพัง บนโต๊ะอาหารที่ว่างเปล่า นอกจากมือถือเครื่องนั้นของหนีหย่าจูนแล้ว ก็ไม่มีสิ่งของอะไรอย่างอื่นอีก

เขาคิดๆดู สาวน้อยช่างเข้าใจหัวอกเขาจริงๆ

เขายอมละทิ้งทุกอย่าง เพื่อรออยู่ตรงนี้ ใช้ช่วงเวลาวัยรุ่น ใช้ช่วงเวลาของทั้งชีวิต เพียงเพราะรอคอยข้อความที่มาจากแม่แค่ข้อความเดียวเท่านั้น

หลังจากที่พวกมู่เทียนซิงออกไปได้ครึ่งชั่วโมง มือถือบนโต๊ะก็สว่างขึ้น

เขายื่นหน้าไปดู จากนั้น ลูกชายก็ยิ้มหน้าบานขึ้นมา แค่เพียงเพราะว่าที่เห็นคือข้อความที่คุณหญิงเยว่หย่าส่งมา เธอส่งตอบกลับมาแค่หนึ่งประโยค“เร็วมาก ฉันนึกว่าจะต้องใช้เวลาเสียอีก”

หลิงเล่ก็รู้สึกกดดันขึ้นมาทันที

เขากำลังคิดว่า เขาควรจะแกล้งสวมรอยเป็นหนีหย่าจูนเพื่อตอบกลับไปดีไหม?

หลังจากที่ความคิดตีกันอย่างหนักหน่วงในหัว ในที่สุดเขาก็ขยับนิ้วมือ ตอบกลับคุณหญิงเยว่หย่าในกลุ่มแชทของครอบครัว“เขาบอกว่าเขาไม่เกลียดคุณป้า ไม่เกลียดเลยสักนิด เขาเพียงแค่อยากเจอคุณป้าเท่านั้น เพราะว่าแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยเจอกันมาก่อน เขาบอกว่า คุณป้าไม่ต้องรู้จักเขาก็ได้ ต่อให้เจอกันแบบคนแปลกหน้าที่เดินชนไหล่กันไปมาบนถนนก็ยังได้ เขาอยากเจอคุณป้าจริงๆโดยบริสุทธิ์ใจ”