“จะ….เจ้าเอาอะไรให้ข้ากิน?!”

เกลเบอร์ลนลานมาก. เขากลัวหัวหดจริงๆ. ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาทำตัวไม่น่าไว้ใจเลย.

“อั่ก…”

วินาทีต่อมา, เกลเบอร์เอามือทาบอกทันทีแล้วส่งเสียงออกมาอย่างบ้าคลั่ง, กลิ้งไปมากับพื้น แล้วใช้นิ้วจกไปอย่างแรงราวกับว่าอยากจะควักหัวใจออกมา.

“เอานี่ ยาถอนพิษ…”

เย่เทียนไม่คิดเลยว่าฤทธิ์ของพิษกลืนทรวงจะแรงมากถึงกับทำให้เกลเบอร์เจ็บปวดขนาดนี้. หลังจากเกลเบอร์ได้รับรู้ความเจ็บปวดที่ไม่จบสิ้นนั้น เย่เทียนเลยให้ยาแก้พิษไป.

“กรึ่บบบ.”

พอได้ยินว่าเป็นยาถอนพิษ, เกลเบอร์ไม่คิดอะไรมาก รีบกลืนมันลงไปทันที.

ในที่สุดความเจ็บปวดที่หัวใจของเขาที่ราวกับถูกแมลงทุกสายพันธุ์กัดพร้อมๆกัน ก็ได้หายไป. แต่ทว่าตอนนี้ร่างของเกลเบอร์เหงื่อแตกพลั่ก. น้ำถ้วยนึงที่เขาดื่มไปเมื่อตะกี้ได้ไหลออกมาหมดแล้ว. เขามองมาทางเย่เทียนราวกับว่ามองปีศาจ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความกลัว.

ไม่สิ!

ในตาของเกลเบอร์นั้นเย่เทียนน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจซะอีก.

“เอ่อ…ฤทธิ์ของยาถอนพิษมันช่วยเจ้าได้แค่เดือนเดียวนะ. หลังจากเดือนนึงผ่านไป หากเจ้าไม่ได้รับยาถอนพิษ เจ้าก็จะเจ็บแบบนั้นไป3วันและอาม่าเจ้าก็จะมากวักมือเรียก….”

เย่เทียนยิ้มแล้วอธิบายอย่างช้าๆ.

“ปีศาจ, เจ้ามันปีศาจ..”

พอได้ยินดังนั้น, ด้วยความกลัวและความสิ้นหวังอันไร้ขีดจำกัดของตัวเอง เกลเบอร์เลยตะโกนใส่หน้าเย่เทียนไป.

“ไม่ใช่, ข้าคือซาตาน, เจ้าแห่งปีศาจ!”

เย่เทียนส่ายหัวแล้วยิ้มด้วยอย่างมีความสุข.

“เจ้าต้องการอะไรกันแน่ห้ะ?”

เกลเบอร์ถามเย่เทียนด้วยความสั่นกลัว. เขาไม่รู้ว่าเย่เทียนจะทำอะไร.

“ถ้าเจ้าอยากมีชีวิตต่อ, ก็ต้องมาเป็นหมารับใช้ของข้า! ไม่งั้นหลังจาก1เดือนเจ้าจะได้เจ็บแบบนั้นอีก!”

เย่เทียนพูดอย่างไม่แยแส.

“เจ้า…”

หัวใจของเกลเบอร์นั้นชาไปแล้ว.

“เพี๊ยะ!”

เย่เทียนไม่พูดอะไร แล้วตบเขาไปเต็มๆ มันทำให้หน้าเขาบวมยิ่งไปกว่าเดิม.

“เจ้านาย…..”

รอบนี้ เกลเบอร์ก็ทำตัวดีขึ้น. เขาซ่อนความเกลียดชังในดวงตาไว้และเรียกเย่เทียนว่าเจ้านาย.

“ดีมาก. ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดข้า. ข้าไม่สน. ตราบใดที่เจ้าเชื่อฟัง, ทำงานให้กับข้าและไม่ทำอะไรที่มันต่อต้านข้า, แค่นั้นก็พอแล้ว! แน่นอนว่า เจ้าจะคิดว่าข้าโกหกก็ได้ แต่เดือนนึงผ่านไปแล้วเจ้าไม่ได้ยาถอนพิษเจ้าก็จะรู้เอง. และในเวลาเดียวกัน เจ้าก็ควรภาวนาให้ข้ามีชีวิตที่ยืนยาวกว่าเจ้านะ ไม่งั้นถ้าข้าตาย ข้าจะเอาเจ้าไปด้วย…”

พอรู้สึกได้ถึงความเกลียดชังของเกลเบอร์ที่มีต่อเขา เย่เทียนก็ไม่สนใจเลย. เขาไม่เชื่อว่าหมอนี่จะไม่กลัวตาย.

“เจ้านายครับ, ข้าไม่บังอาจ…”

เกลเบอร์ใกล้จะร้องไห้แล้ว, ร่างกายของเขาสั่นไปหมด. เขาไม่กล้าคิดถึงชีวิตอันมืดมนในอนาคตแล้ว.

“อย่ามองโลกในแง่ร้ายนักสิ. ข้าไม่รังแกเจ้าหรอก. พอข้าปล่อยเจ้ากลับไป เจ้าก็กลับไปใช้ชีวิตลูกคุณหนูเหมือนเดิมซะ. เจ้าจะทำอะไรก็ได้. ทุกๆเดือน ข้าจะส่งคนไปมอบยาถอนพิษให้เจ้าตรงเวลา!”

เย่เทียนตบที่ไหล่และปลอบเขา แต่ไม่นานหน้าของเย่เทียนก็กลับมาเย็นชาอีกครั้ง. เขาพูดว่า “ แต่ก่อนที่ข้าจะปล่อยเจ้ากลับไป, เรามีเรื่องต้องเคลียกันก่อน!”

ใจของเกลเบอร์ที่เพิ่งได้หยุดพักก็สั่นรัวขึ้นมาอีกแล้ว.

“เจ้ากล้าดียังไงมาแตะผู้หญิงของข้า? บอกมา, เจ้าจะชดใช้ยังไง?”

เย่เทียนยิ้มอย่างเยือกเย็น. มีความชั่วร้ายแฝงอยู่ในความเยือกเย็นของเขา, ซึ่งมันทำให้เกลเบอร์มีรู้สึกไม่ดีในหัว.

“ถ้างั้น ใช้อิลลิธายเออร์ของเจ้าแก้ปัญหาของเราเป็นไง!”

เย่เทียนพูดอย่างร่าเริง, ซึ่งมันทำให้ตัวของเกลเบอร์สั่นรัวมาก.

อิลลิธายเออร์เป็นผู้หญิงที่สวย. เธอเกิดมาด้วยเสน่ห์อันเย้ายวนและเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นนายหญิงจริงๆ.

“เจ้านาย, ข้าเข้าใจแล้ว. ข้าจะล้มงานหมั้นกับนางทันทีที่กลับไป…”

เพื่อที่จะรักษาชีวิตเขาไว้ เกลเบอร์ทำได้แค่ข่มความขมขื่นในใจขณะที่พูดกับเย่เทียน.

“ไม่! เจ้าห้ามล้มงานหมั้นกับนางเด็ดขาด แต่เจ้าต้องไม่แตะต้องนาง ไม่แม้แต่ผมเส้นเดียว! ถ้าหากมีโอกาสล่ะก็ พานางมาหาข้า….ห้ามตุกติก. ข้ารู้แน่ถ้าเจ้าปี้นางแล้ว…”

เย่เทียนพูดอย่างสุขุม.

เย่เทียนจำได้ว่าตระกูลอัลบินุสค่อนข้างมีอำนาจ. อิลลิธายเออร์เป็นลูกสาวคนเดียว และพ่อของนางก็อยู่ในสภาด้วย.

ถ้าหากเกลเบอร์และอิลลิธายเออร์ล้มงานหมั้นกัน, นางจะต้องแต่งงานกับลูกขุนนางคนอื่นเป็นแน่. ซึ่งแปลว่าเย่เทียนจะไม่สามารถครองตัวเธอได้.

สาธารณะรัฐโรมันนั้นใช้ระบบคู่ครองเดียว. แม้ว่าผู้ชายจะมีเมียหลายคนได้, แต่ผู้หญิงนั้นจะต้องเป็นทาสหรือพวกอีตัวเท่านั้น. ถ้าหากพวกเขาต้องการมีภรรยาที่มีสถานะเป็นชนชั้นสูงอีกคนล่ะก็, พวกเขาก็ต้องหย่ากับภรรยาคนแรกก่อน.

เย่เทียนนั้นมีลูกสาวของตระกูลจูเลียสชื่อเคธี่เป็นคู่หมั้นของเขาแล้ว. ถ้าจะพูดเรื่องสถานการณ์ตอนนี้คือเขาไม่สามารถแต่งกับลูกสาวของชนชั้นสูงผู้อื่นได้.

ไม่มีชนชั้นสูงคนไหนอยากให้ลูกสาวตัวเองไปเป็นเมียน้อยของคนอื่นหรอก.

ดังนั้นในประวัติศาสตร์ของสาธารณะรัฐโรมัน เพื่อประโยชน์สุขของตระกูลพวกเขาแล้ว, มีหลายคนที่ได้ประสบกับการแต่งงานและหย่าร้างมาแล้วมากมาย.

เย่เทียนนั้นสามารถควบคุมเกลเบอร์ได้ ฉะนั้นก็แปลว่าเขาสามารถครอบครองอิลลิธายเออร์ได้เช่นกัน.

นอกจากจะได้สมหวังกับความบ้าก้ามของตัวเองแล้ว เขาก็ยังได้แก้แค้นเรื่องที่เกลเบอร์ทำไว้ด้วย. นอกจากนั้นเมื่อเขาได้พิชิตอิลลิธายเออร์แล้ว เขาก็จะมีอีกตระกูลที่คอยหนุนหลังเขาไว้. เพราะอิลลิธายเออร์เป็นทายาทคนเดียวของตระกูลอัลบินุสนั่นเอง.

นี่มันยิงปืนนัดเดียวได้นก3ตัวนี่หว่า!

“เจ้า….เจ้า….เจ้า…!”

หน้าของเกลเบอร์มืดมนไป, เป็นการดูหมิ่นน้ำใจจริงๆ. เย่เทียนบอกให้เขาส่งตัวคู่หมั้นของเขาให้เย่เทียนมาบู้ยี้บู้ยำเล่นอย่างจริงจัง แถมเขายังแตะเธอไม่ได้แม้แต่ผมเส้นเดียว.

“เหะเหะ… เจ้าจะปฏิเสธก็ได้นะ. แต่พอผ่านไป1เดือน, เจ้าจะไม่เหลืออะไรทั้งนั้น. ไม่มอบอิลลิธายเออร์ให้ ชีวิตเจ้าก็จะไม่เหลือเช่นกัน….”

เย่เทียนลูบหน้าบวมๆของเกลเบอร์เบาๆแล้วพูดด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “นี่แหละคือบทลงโทษที่เจ้าบังอาจมาหยามข้า!”

“ภายใน1เดือน พาอิลลิธายเออร์มาที่นี่. ถ้าเจ้าไม่ทำเจ้าก็คงต้องยอมรับผลที่ตามมาด้วยนะ!”

เย่เทียนลูบหน้าเขาอีกครั้ง แล้วเตือนเขาเบาๆ. จากนั้นเขาตะโกนหาทหารสปาตั้นที่ยืนอยู่ไม่ไกลว่า “ปล่อยพวกมัน แล้วโยนมันออกไป!”

หลังจากนั้นเย่เทียนก็จากไป.

“อ้าก…”

ไม่นานจากนั้น เย่เทียนก็ได้ยินเสียงคำรามจากในประตู.

“ซาตาน….!!!”

ตาของเย่เทียนลุกโชนขึ้นด้วยไฟพิโรธ แต่ไม่นานไฟก็หมอดลงราวกับบอลลูนฟีบ.

เขาไม่อยากจะรู้สึกความเจ็บปวดแบบนี้อีกแล้ว.

ดังนั้นทางเลือกของเขาก็คงจะชัดเจน.

จากผู้แปล: โหดมากครับ นี่แหละที่ผมหมายถึง.

หลังจากตอนนี้ไป ผมจะไม่เปิดให้อ่านฟรีแล้วนะครับ ขอบคุณที่สนับสนุนครับผม