บทที่ 91 ซุกซ่อนเอาไว้

กล่องถูกยัดซ่อนไว้ใต้กองฟืนของบ้านซูโดยไม่มีใครสังเกต

ซูเหล่าซานกระสับกระส่ายทั้งวัน แม้แต่เขายังสัมผัสได้ว่ากล่องใบนั้นไม่ธรรมดา น้ำหนักมันมากเกินไป

เขาสงสัยว่าด้านในอาจจะเป็นทองคำ หากแต่เรื่องนี้พูดไม่ได้ ไม่มีใครสามารถพูดได้เลย

คนที่กระสับกระส่ายเหมือนกับซูเหล่าซานยังมีคุณย่าซู

ในวันนี้ คุณย่าซูไม่รู้ว่าตัวเองมองออกไปข้างนอกกี่ครั้งแล้ว หญิงชรากังวลตลอดว่าจะมีใครเห็นหรือเปล่า

คุณปู่ซูมองออกไปที่ประตู แล้วเรียกคุณย่าซูด้วยเสียงแผ่วเบา

หญิงชราบอกเรื่องนี้กับผู้เป็นสามีแล้ว

เธอรู้สึกเสียใจจริง ๆ ทำไมเธอถึงต้องเอาของรับมือยากแบบนี้เข้าบ้านมาด้วย

คนเราจะโลภไม่ได้นะ แต่มันสายไปแล้วที่จะเสียใจในตอนนี้

คุณย่าซูพูดถึงสาเหตุจบก็กล่าวต่ออย่างรู้สึกผิด “ตาเฒ่า ถ้าอยากจะด่าฉันก็ด่าเลย ฉันรู้ว่าฉันทำผิดไปแล้ว”

คุณปู่ซูตอบหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “การแสวงหาความมั่งคั่งย่อมมีความเสี่ยง เรื่องนี้เธอไม่ผิดหรอก”

ลูกหลานในครอบครัวเติบโตขึ้นทีละคน ผู้คนล้วนพูดว่าลูกเยอะสุขเยอะ แต่ว่าภาระก็เยอะเช่นกัน ตัวเขารู้เรื่องนี้ดี

หากถ้าไม่ใช่เพราะเด็กพวกนี้ ยายเฒ่าคงไม่กล้าทำเรื่องเสี่ยง ๆ แบบนี้หรอก!

“ช่วงนี้เธอมีความลับเยอะนักนะ หากไม่พูดฉันก็ไม่ถาม แต่เรื่องค่อนข้างใหญ่แบบนี้มันจะต่างออกไป” คุณปู่ซูพูดเสียงต่ำ

ชายชราเดาว่าไม่ใช่แค่ตัวเขาเท่านั้น แต่คนในบ้านก็มองออกเช่นกัน ยายเฒ่าคนนี้ซ่อนอะไรไม่ได้อีกแล้ว!

“เรื่องนี้ให้บ้านเรารู้ก็ดี แล้วก็บอกให้เด็ก ๆ รู้เรื่องด้วยนะ” คุณย่าซูเปรยอย่างลังเล

เรื่องนี้รับมือยากจัง!

ไม่ได้กลัวแค่ว่าจะถูกคนอื่นเห็นแล้วถูกขุดขึ้นมาจนคนในบ้านพลอยซวยไปด้วย แต่ยังต้องกังวลอีกว่าพวกเด็ก ๆ เห็นขึ้นมาจะทำอย่างไร!

“เรื่องนี้ต้องให้รู้ทั้งสามบ้าน” คุณปู่ซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ให้พวกหม่านเถียนรู้ก็พอแล้ว”

เรื่องที่เหล่าซานทำ อีกสองบ้านต้องสังเกตเห็นแน่ ไม่แน่ว่าเรื่องแบบนี้อาจจะทำให้เกิดความไม่สบายใจในบ้าน

คุณย่าซูถอนหายใจด้วยความโล่งอก และนี่คือสิ่งที่เธอกังวลมากที่สุด

ตอนนี้เธอเอาเรื่องต่าง ๆ ให้ลูกชายคนเล็กเป็นฝ่ายทำ ไม่แน่ว่าคู่สามีภรรยาอีกสองบ้านอาจมีความเห็นกันอยู่แล้ว

ไม่ต่างไปจากที่คุณย่าซูคาดเดามากนัก ครอบครัวลูกชายคนโตกับลูกชายคนรองรู้สึกว่าบรรยากาศภายในบ้านแปลกไป แม้แต่ฉีเหลียงอิงก็ยังถามสามี

แต่ซูเหล่าเอ้อร์บอกว่าเธอคิดมากไป แล้วยังบอกอีกว่าถ้ามีเรื่องอะไรจริง ๆ พวกเขาจะไม่ซ่อนจากบ้านเราแน่นอน

ฉีเหลียงอิงแอบเกลียดที่สามีเป็นคนโง่ และไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง

แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ดูเหมือนว่าสามีจะเป็นคนที่ยุติธรรมมาก

ถ้าจะพูดอะไรที่ไม่ยุติธรรมก็คงเป็นเสี่ยวเถียนที่เป็นที่รักมากกว่าเด็กคนอื่น ๆ

สำหรับฝั่งซูเหล่าต้า เขารู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากล แต่ไม่ได้พูดอะไร แม้แต่กับภรรยาก็ไม่มีกระจิตกระใจพูดด้วยสักประโยค

หลังอาหารเย็น คุณปู่ซูก็ส่งหลานทุกคนในบ้านไปคอกวัว เหตุผลก็คือไปเรียนตามปกติ

ซูเสี่ยวเถียนรู้ว่าต้องทำอะไร จึงรีบดึงพวกพี่ชายให้เดินไปอย่างเริงร่า

คุณปู่ซูรีบปิดประตให้แน่นสนิท และเรียกผู้ใหญ่ทุกคนให้มารวมกันที่ห้องหลัก

คู่สามีภรรยาทั้งสามเริ่มเกิดความประหม่าเมื่อมองดูท่าทีของบิดามารดา เป็นไปได้ไหมที่จะมีบางอย่างเกิดขึ้นที่บ้านอีกครั้ง?

วันนี้คุณย่าซูท่าทางดูแปลก ๆ จึงยิ่งกังวลมากขึ้นไปอีก

“พ่อ มีคนอื่นรายงานเรื่องบ้านเราอีกแล้วใช่ไหม” ซูเหล่าเอ้อร์เอ่ยถาม

“ไม่ใช่หรอก! ที่เรียกพวกแกมาก็เพราะมีเรื่องอยากจะพูดด้วย” คุณปู่ซูเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ “เหล่าซาน ไปเอาของเข้ามา”

ชายหนุ่มรีบออกไป

แล้วคุณปู่ซูก็พูดกับคนอื่น “เรื่องนี้สำคัญมาก ฉันคุยกับแม่แกแล้วว่าคงปิดบังไว้ไม่ได้ แต่ก็ต้องจำไว้ว่าเรื่องนี้บอกใครไม่ได้เช่นกัน”

คุณปู่ซูเหลือบมองที่ลูกสะใภ้ทั้งสาม “รวมถึงภรรยาของพวกแกด้วย เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายออกไป ไม่งั้นครอบครัวเราจะชะตาขาดได้!”

ลูกสะใภ้ทั้งสามมองดูสีหน้าพ่อสามี จึงรับรู้ได้ว่าเรื่องคงไม่ง่ายจึงพยักหน้ารับ

แต่ก็ยังงง ๆ อยู่ว่ามันสำคัญอย่างไร? ถึงขนาดทำให้ชะตาขาดได้?

ซูเหล่าซานนำกล่องที่ซ่อนอยู่ใต้กองฟืนออกมาแล้วอุ้มไปวางไว้บนโต๊ะของห้องหลักอย่างระมัดระวัง

คนอื่น ๆ ประหลาดใจมากขึ้นเมื่อเห็นกล่องสกปรกบนโต๊ะ

“พ่อ แม่ นี่อะไรเนี่ย?” ซูเหล่าต้าอดถามไม่ได้

“พอเปิดแล้วพวกแกก็จะรู้เอง” คุณปู่ชี้ไปให้ลูกชายคนเล็กเปิดกล่องออก

เดิมทีกล่องมีตัวล็อก แต่เพราะถูกฝังเอาไว้นานจนขึ้นสนิม ซูเหล่าซานมีเรี่ยวแรงมหาศศาล แค่ใช้แรงบิดไม่กี่ครั้งตัวล็อกก็หลุดออกมา!

วินาทีที่กล่องถูกเปิดทุกคนต่างตกตะลึง

แม้แต่คุณปู่ซูและคุณย่าซูที่คาดเดาไว้ก่อนแล้ว พอได้เห็นก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ไม่ส่งเสียงสักแอะ

ทั้งห้องหลักเงียบสงัดราวกับเวลาหยุดนิ่ง!

พวกเขาเห็นอะไรอยู่

กล่องเล็กขนาดหนึ่งฉื่อมีทองก้อนใหญ่ก้อนเล็กวางเรียงทับซ้อนกันเรียบร้อย

ทอง!

เป็นกล่องทอง!

หวังเซียงฮวาตัวสั่นแล้วดึงสามีไว้ “พ่อ ฉันกำลังฝันแน่!”

ชีวิตนี้จะได้เห็นทองไหม?

ต้องเป็นความฝันแน่เลย

ซูเหล่าต้าก็ไม่เชื่อเช่นกัน “พ่อ จริงหรือ?”

“ต้องจริงสิ!” คุณปู่ซูพูด “เหล่าซาน นับหน่อย”

ทองมากขนาดนี้ มีที่ไหนได้มาโดยไม่คาดคิด อย่างไรเสียก็ควรนับให้ชัดเจน เพื่อช่วยให้ลูกหลานไม่ทะเลาะกันเรื่องเงินในอนาคต

ประเด็นนี้คุณปู่ซูเห็นได้ชัดเจนมาตลอด

ปกติพวกเด็ก ๆ กินไข่หนึ่งฟองครึ่งฟอง พวกลูกสะใภ้ก็ไม่ได้สนใจ แต่ทองเยอะขนาดนี้ไม่สนใจก็แปลก!

ต้องบอกเลยว่าปกติคุณปู่ซูดูเหมือนจะเป็นคนเงียบขรึมคนหนึ่ง แต่เป็นคนที่มีสติสัมปชัญญะจริง ๆ

เพราะมองได้ทะลุปรุโปร่ง และเพื่อเป็นประกันว่าทุกคนในครอบครัวจะมีความสุข

ซูเหล่าซานนับถึงสองครั้งด้วยมือที่สั่นเทาก่อนจะพูดว่า “พ่อครับ อันใหญ่ยี่สิบก้อน อันเล็กยี่สิบก้อน”

มันหนักเท่าไรกันเนี่ย หนักขนาดนี้เขาประเมินราคาไม่ได้เลย ได้แค่คิดคำนวณในใจ ทองมากมายขนาดนี้ราคาต้องไม่น้อยแน่!

เดี๋ยว ๆ ดูเหมือนจะไม่ใช่!

ซูเหล่าซานก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับกล่องนี้ มันดูลึกมาก แต่ทำไมมีแค่ชั้นเดียว?

เขาเคาะที่ด้านล่างของกล่องโดยไม่รู้ตัว และตระหนักในทันทีว่าเสียงกล่องผิดแปลกไป

“มีอีกชั้นซ่อนอยู่!” คุณปู่ซูพ่นควันยาสูบออกมา

ชั้นลอย? ทุกคนกลั้นหายใจ หากมีชั้นที่ซ่อน งั้นแสดงว่าอาจมีสมบัติที่ล้ำค่ากว่านี้ในนั้น!

ตามด้วยซูเหล่าซานที่เคลื่อนไหว แล้วของในชั้นล่างก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคน

มันตระการตายิ่งกว่าชั้นแรกเสียอีก เพราะในชั้นนี้แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยอัญมณีและหยก

พวกเขาล้วนเป็นคนธรรมดา ไม่รู้มูลค่าของอัญมณีและหยกเบื้องหน้า แต่ว่ามันสามารถซ่อนไว้ใต้กล่องได้ ตามความคิดทั่วไปก็ยังมีค่ามากกว่าทองที่อยู่ด้านบน

“แม่…” ฉีเหลียงอิงผู้สงบนิ่งอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

สวรรค์ ตั้งแต่เมื่อไรกันที่บ้านเรามีสมบัติมากมายขนาดนี้?

เป็นตระกูลซูที่เดิมมีอยู่แล้ว หรือจู่ ๆ มันก็ปรากฏออกจากที่ไหนสักแห่งกัน?

“พ่อ แม่ มันมาจากไหน?” ในที่สุดซูเหล่าต้าก็คืนสติกลับมา

ครอบครัวของเราจนมาตลอด การมีของแบบนี้ปรากฏออกมามันแปลกมาก!

“วันนี้เหล่าซานกับเสี่ยวเถียนไปเก็บกล่องใบนี้กลับมาจากบนเขา” คุณปู่ซูกล่าวอย่างใจเย็น

เก็บมา?

หลายคนมองหน้ากัน

พวกเขารู้ว่าเสี่ยวเถียนโชคดี แต่ขึ้นเขาเพื่อไปเก็บเห็ดและผลไม้ป่า แค่จับไก่ป่ากระต่ายป่ามาได้ก็ว่าพอแล้ว แต่นี่ยังเก็บอัญมณีมาได้?

มันไม่ใช่หินบนเขานะ ที่เก็บกลับมาได้ในครั้งเดียวตั้งมากขนาดนี้เชียวหรือ?

“ที่ให้ดูของพวกนี้ก็เพื่อให้คำนวณตัวเลขไว้ในใจด้วย”

“พวกแกทุกคนรู้ถึงสถานการณ์ในตอนนี้ดี เรายังแบ่งกันเดี๋ยวนี้ไม่ได้ เราต้องซ่อนไว้ก่อนเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องขึ้น”

ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจว่า ทำไมคุณปู่ซูจึงบอกก่อนหน้านี้ว่ามันอาจนำหายนะมาสู่ครอบครัวได้!

หากไม่ซ่อนให้ดีก็จะความหายนะได้!

ทุกคนพยักหน้าเห็นพ้องต้องกัน รวมทั้งลูกสะใภ้ทั้งสามที่ไม่มีใครคิดจะแบ่งสิ่งเหล่านี้ด้วยมือตัวเอง

เรื่องคราวก่อนที่โดนรายงาน ยังรู้สึกเหมือนมันเพิ่งเกิด แต่ครั้งเดียวก็หวาดกลัวพอแล้ว

หวังเซียงฮวาตัวสั่น “ทำไมเราไม่ทิ้งมันลงในคูน้ำล่ะ เงินก็ดีนะ แต่มันไม่สำคัญเท่าชีวิตหรอก!”

หลังจากพูดแบบนี้ สีหน้าของหลายคนก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

เราจะไม่โยนมันทิ้งไปอย่างแน่นอน จากนี้ที่บ้านจะมีเงินให้ใช้มากขึ้น ถ้าทิ้งไปเฉย ๆ จะไม่เสียใจทีหลังหรือ?

แต่ซ่อนไว้ที่บ้านมันง่ายเสียที่ไหนกัน?

“พ่อ แล้วจะซ่อนไว้ที่ไหนล่ะ?” ซูเหลาเอ้อร์ถามอย่างเศร้า ๆ

รู้ก่อนก็ไม่ต่างจากไม่รู้ไม่เห็นหรอก ช่างเป็นความสามารถที่ดีจริง ตอนนี้เลยนอนไม่หลับไปตลอดทั้งคืนเลย!

คุณปู่ซูก็คิดเรื่องนี้มาสักพักหนึ่งแล้ว คิดมาตั้งแต่ก่อนกินข้าวเสียอีก และตอนนี้ก็ใกล้จะคลี่คลายแล้วด้วย

“พวกแกสามคนไปห้องเก็บผักบ้านเรา แล้วขุมหลุมลงไปหกฉื่อ เอากล่องฝังลงไป ไม่สิ หกฉื่อไม่พอ ขุดให้ลึกกว่านี้อีก”

ใบหน้าของคุณปู่ซูเรียบนิ่ง แต่ภายในใจแท้จริงแล้วกลับยุ่งเหยิง

“คืนนี้พวกแกอยู่ทำงานกันทั้งคืน พรุ่งนี้เช้าเอาแตงบ้านเราไปไว้ในห้องใต้ดิน ส่วนยายเฒ่าพาสะใภ้ทั้งสามไปทำด้วย อย่าให้เด็ก ๆ เข้าไปยุ่ง” คุณปู่ซูตัดสินใจเพียงประโยคเดียว

คืนนี้แทบไม่มีใครในบ้านนอนหลับเลย

จู่ ๆ มีสมบัติงอกมาตั้งมากขนาดนี้ ใครบ้างจะนอนหลับลงบ้างล่ะ

เหลียงซิ่วนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงเตาพลางคิดตลอดเวลาว่าเรื่องนี้น่ากลัวเกินไป ตอนวันนั้นที่มีคนมาตรวจสอบจึงระวังตัวกันมากขึ้น ถ้าถูกค้นอีกจะทำอย่างไรล่ะ?

ฉีเหลียงอิงรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่ยุติธรรมต่อเหล่าซาน เรื่องความลับแบบนี้กลับให้น้องสามทำทั้งหมด

พอตอนนี้รู้แล้ว ฉีเหลียงอิงก็คิดว่าไม่รู้ดีกว่า เรื่องน่ากลัวแบบนี้กลัวจนนอนไม่หลับเลย กลับกันแล้วหวังเซียงฮวาที่แต่เดิมเป็นคนไม่ได้เรื่อง กลับนอนหลับสนิท