บทที่ 121 ไป๋จิ่นสำนักพิษ

ในห้องครัว อาชิงน้อยกำลังจ้องมองที่หม้อพลางกลืนน้ำลายไปด้วย

งูตัวอ้วน ๆ ซู้ด! ต้องอร่อยมากแน่ ๆ ซู้ด!

เขาเช็ดน้ำลายไปหนึ่งที (ˉ﹃ ˉ)

“อาชิง อย่าแอบกินนะ” จี้จือฮวนเอาซาลาเปาสีขาวลูกใหญ่ใส่ลงในตะกร้า เมื่อครู่นี้มีคนมาหานางและบอกว่ามีเจ้าหน้าที่จากที่ว่าการมารายงานเรื่องโจรขี่ม้า จึงอยากให้นางไปที่ศาลบรรพชนสักครู่

อาชิงพยักหน้ารับคำอย่างเชื่อฟัง “ข้าทราบแล้วขอรับท่านแม่”

จี้จือฮวนขยับจุกผมน้อย ๆ ของเขาไปหนึ่งที และกำลังจะออกไป

เผยยวนตามนางไปเงียบ ๆ สองวันมานี้เขาเรียนรู้งานฝีมือจากเจิ้งต้าเฉียงมาไม่น้อย ตอนนี้การซ่อมแซมโต๊ะเก้าอี้และม้านั่งในบ้านไม่ใช่ปัญหาแล้ว

“ข้าไปกับเจ้าด้วยดีกว่า”

จี้จือฮวนคิดไปคิดมาก่อนจะเอ่ย “ก็ได้ เดินเยอะ ๆ มีประโยชน์ต่อการฟื้นตัวของเจ้าด้วย”

เผยยวนชะงักไปชั่วขณะ ไม่ ข้าไม่อยากฟื้นตัว

ทันทีที่ท่านพ่อกับท่านแม่จากไป อาชิงน้อยก็มองหม้อที่เดือดปุด ๆ ด้วยความกระตือรือร้น

“ไม่ทราบว่าขอน้ำดื่มสักอึกจะได้หรือไม่?” จู่ ๆ ก็มีเสียงที่ไพเราะของผู้ชายดังขึ้นจากนอกประตู

อาชิงหันไปมองผู้ชายคนนั้น คนที่มาสวมชุดสีขาว แต่สายคาดเอวและเชือกรัดผมกลับเป็นสีแดง ท่านป้าบอกว่าคนเช่นนี้มักจะเป็นพวกชอบเก็บตัว ทว่าอาชิงก็ยังไม่เข้าใจว่าอะไรที่เรียกว่าพวกชอบเก็บตัว แต่เขารู้สึกว่านี่ไม่ใช่คำเรียกที่ดีอะไร

เขาวิ่งไปตรงหน้าชายผู้นั้น ก่อนจะพิจารณาเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ดวงตาดำขลับคู่นั้นกลอกไปมา ก่อนจะเอียงคอถาม “เจ้าเป็นคนเร่ร่อนใช่หรือไม่?”

ไป๋จิ่นเกือบสะดุดลมหายใจของตัวเองตาย เขาน่ะหรือ! เขาดูเหมือนคนเร่ร่อนที่ใดกัน! แม้เขาจะนอนในป่ามาเป็นเวลาสามเดือน แต่เขาก็ยังดูแลเสื้อผ้าหน้าผมของตัวเองอยู่ทุกวัน

รอยยิ้มของไป๋จิ่นแข็งค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยตอบ “ไม่ใช่ ข้าเพียงแค่ผ่านมาเท่านั้น น้องชาย เจ้ากำลังต้มอะไรอยู่อย่างนั้นหรือ ช่างหอมยิ่งนัก”

คิดไม่ถึงว่าจะมีอาหารที่หอมฟุ้งชวนลิ้มลองในหมู่บ้านที่ติดป่าเขาเช่นนี้ด้วย เมื่อลมภูเขาพัดโชยมา ทำให้คนที่กินแต่อาหารแห้งมาสามเดือนอย่างเขาน้ำลายสอขึ้นมาทันที

อาชิงพยักหน้า “น้ำแกงบำรุงร่างกาย เจ้าอยากชิมสักหน่อยหรือไม่?”

ไป๋จิ่นคิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะพูดง่ายเช่นนี้ เขาย่อมอยากกินอยู่แล้ว

“ดี เช่นนั้นข้าขอรับน้ำใจเอาไว้ก็แล้วกัน”

อาชิงเปิดฝาหม้อออก ตั้งใจดมหนึ่งที จากนั้นก็ตักน้ำแกงมาให้ไป๋จิ่นหนึ่งชาม

ไป๋จิ่นไม่รอให้อาชิงเอ่ยปาก ก็ดื่มเข้าไปทันที “อืม รสชาติเข้มข้น ไฟกำลังดี แต่ว่าเนื้อนี่…”

เหตุใดมองดูแล้ว…ถึงเหมือนกับ…งู…ราชา…พิษ…ที่เขาเลี้ยงมาเจ็ดแปดปี…งูที่สามารถกลั่นรวมพิษน้อยใหญ่หลายพันชนิดเข้าสู่ร่างกายโดยที่มันไม่ตายกันนะ?

“อร่อยใช่หรือไม่ น้ำแกงนี่ต้มจากงูที่ข้าจับได้บนภูเขาเชียวนะ ตัวอ้วนมากเลย เจ้าดูสิ หนังที่ถลกออกมายังยาวมากอีกด้วย” นิ้วมือน้อย ๆ ของอาชิงชี้ไปที่กองเศษซากที่เพิ่งผ่านการจัดการตรงมุมหนึ่งของห้องครัว

ไป๋จิ่นประคองชามเอาไว้ ขณะที่มือก็สั่นเทาไปด้วย หมดกัน ๆ ๆ นี่เขากำลังจะตายหรือ พิษรุนแรงเพียงนั้นเขากลับกินลงไปโดยไม่รู้สึกถึงมันแม้แต่น้อยเลยอย่างนั้นหรือ?

“น้ำแกงเย็นแล้วจะเหม็นคาวนะ รีบดื่มสิ” อาชิงเอ่ยจบก็ก้าวขึ้นไปบนม้านั่งตัวเล็ก พร้อมกับหยิบชามในมือไป๋จิ่นพลางกรอกใส่ปากให้เขาภายในครั้งเดียว

“พรวด” ไป๋จิ่นตาเหลือกขึ้นมาทันที ขณะที่คิดว่าตนเองจะต้องสลบไปเป็นแน่ เขากลับพบว่าร่างกายที่ควรจะตายเพราะพิษกำเริบกลับไม่เป็นอะไรเลย

เป็นไปไม่ได้! หนังงูนั่นคือหนังของงูราชาพิษชัด ๆ! เพราะในตัวของมันมีพิษร้ายแรงจึงทำให้มีสีสันเช่นนั้น บนโลกนี้ไม่มีทางหางูราชาพิษตัวที่สองเจออย่างแน่นอน

เช่นนั้นพิษภายในกายของมันเล่า เจ้าสิ่งนี้สามารถเอามาต้มน้ำแกงได้ด้วยอย่างนั้นหรือ มิหนำซ้ำน้ำแกงยังอร่อยเพียงนี้เชียวหรือ!

“งูนี่ใครเป็นคนทำ?” สีหน้าของไป๋จิ่นจากที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่ก็กลายเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา ก่อนจะเริ่มสอบสวนหาความจริงจากอาชิง

เขาจับอาชิงน้อยไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง แต่ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามือเล็ก ๆ ที่คล้ายกับรากบัวของเด็กคนนี้ จู่ ๆ ก็เหมือนมีบางอย่างมาผลักดันเขาเอาไว้

ไป๋จิ่นชักมือกลับทันที พร้อมกับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

ราชาร้อยกู่อยู่ในร่างของเจ้าเด็กคนนี้จริงหรือ?

นี่คือสมบัติล้ำค่าของสำนักกู่เชียวนะ หากผู้ใดมีราชาร้อยกู่ พิษทั้งใต้หล้าล้วนหลีกทางให้ ที่เขาตั้งใจศึกษางูราชาพิษ ก็เพราะต้องการจะใช้สิ่งนี้สะกดสำนักกู่ แต่คิดไม่ถึงว่าของสิ่งนี้จะอยู่ในมือของเด็กตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง

ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นกับสำนักกู่เป็นแน่ หากเขาฆ่าเด็กคนนี้เสียแล้วเอาราชาร้อยกู่มา มิเท่ากับจะสามารถเหยียบสำนักกู่ไว้ใต้ฝ่าเท้าได้หรอกหรือ!?

“ท่านแม่ข้าเป็นคนทำ” อาชิงกะพริบตาปริบ ๆ

งูราชาพิษจะยอมสยบให้กับราชาพิษ แต่ไม่มีทางยอมสยบให้หญิงชาวบ้านคนหนึ่งอย่างแน่นอน

ไป๋จิ่นไม่อยากจะเชื่อ “แม่เจ้าไม่เป็นอะไรหรือ?”

แค่สัมผัสก็ตายได้แล้วรู้หรือไม่?

“ไม่เป็นอะไรนี่นา ท่านแม่ข้าบอกว่าพิษแค่นี้ไม่เป็นอะไรหรอก”

“…” ไป๋จิ่นรู้สึกว่าในชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่เป็นการดูถูกเขามากเท่านี้อีกแล้ว

“แม่เจ้าอยู่ที่ใด!”

อาชิงเอียงคอมอง “ไปศาลบรรพชนแล้ว เจ้าจะทำอะไร?”

ไป๋จิ่นสะบัดชุดคลุมพลางหรี่ตาลง และเอ่ยอย่างมีลับลมคมใน “ไปหานาง เพื่อตัดสินชี้ขาด!”

พิษของเขาทั้งใต้หล้านี้ นอกจากสำนักกู่แล้วเขาไม่ยอมให้ใครทั้งสิ้น

ศาลบรรพชน

จี้จือฮวนมองไปที่ฉีเทียนชางและเฉินเย่าจงที่ถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวมา จากนั้นก็มองไปทางเจ้าหน้าที่

“แม่นางจี้ คืออย่างนี้ขอรับ ที่โจรขี่ม้าโจมตีหมู่บ้านตระกูลเฉิน ตามที่หัวหน้าโจรขี่ม้าบอก ฉีเทียนชางได้รู้จักกับโจรขี่ม้าคนหนึ่งที่บ่อน จึงได้มีการติดต่อกัน พอดีกับเฉินเย่าจงมีแผนปล่อยข่าวลือ ฉีเทียนชางจึงใช้ประโยชน์ในฐานะที่ตัวเองเป็นลูกเขยของครอบครัวอวี๋ซิ่วเหลียน เป็นตัวแทนคนของหมู่บ้านตระกูลอวี๋ไปเจรจากับโจรขี่ม้า”

หลังจากที่เจ้าหน้าที่พูดจาวกไปวนมาจบ สรุปใจความได้ก็คือ เจ้าสองคนนี้เป็นคนคอยใส่ไฟอยู่เบื้องหลัง

เฉินเย่าจงคุกเข่าอยู่บนพื้น ชีวิตในคุกทำให้เขาทรมานเป็นอย่างมาก บวกกับมือทั้งสองข้างถูกตีจนหัก หมอของโรงยาก็บอกว่ารักษาไม่ได้แล้ว

หัวใจของเขาจึงแหลกสลาย อีกทั้งทางการยังได้เพิกถอนฐานะถงเซิงของเขาอีกด้วย ชีวิตเขาที่เหลืออยู่ก็เป็นได้แค่คนไร้ค่าแล้ว

ฉีเทียนชางเอ่ยพร้อมกับร้องไห้คร่ำครวญ “ฮวนฮวน ฮวนฮวนเจ้าปล่อยข้าเถอะ ข้าสำนึกผิดแล้ว”

เผยยวนขมวดคิ้วและจ้องหน้าฉีเทียนชาง คนเช่นนี้คิดจะสวมเขาให้ข้าอย่างนั้นหรือ?

จี้จือฮวนมองเจ้าหน้าที่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แล้วเอ่ยขึ้นมา “จัดการตามกฎหมายก็พอเจ้าค่ะ”

“ได้ขอรับ แม่นางจี้วางใจได้” เจ้าหน้าที่ได้รับคำตอบจากจี้จือฮวนแล้ว จึงตั้งใจจะรีบกลับไปรายงานให้ที่ว่าการทราบ

แต่ทันทีที่หันหน้าไป ก็พบว่ามีชายหนุ่มรูปงามสวมชุดสีขาวคนหนึ่งกำลังหิ้วลูกชายคนเล็กของแม่นางจี้เดินเข้ามาพอดี

“ท่านแม่!” อาชิงดิ้นจนหลุดจากไป๋จิ่น ก่อนจะวิ่งเข้ามาหาจี้จือฮวน

“อาชิง?” จี้จือฮวนอุ้มอาชิงขึ้นมา และมองไปยังคนที่เดินเข้ามา

ไป๋จิ่นหน้าตาไม่เลว ยิ่งสวมชุดคลุมแขนกว้างสีขาว ยิ่งทำให้เขาดูเป็นคนจิตใจดีเป็นอย่างมาก

น่าเสียดายที่ความประทับใจแรกยังทันไม่เกิดขึ้น นกเหยี่ยวล่าเหยื่อที่อ้วนเป็นหมูและฮวาฮวาที่ตามมาทางด้านหลัง ก็ทำลายบรรยากาศนี้ลงทันที

เมื่อครู่ตอนที่ไป๋จิ่นหิ้วอาชิงลงมาจากเนินเขา ก็คิดไม่ถึงว่าจะทำให้บรรดาสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในลานบ้านพากันแตกตื่นตกใจ นอกจากพวกที่ค่อนข้างเดินช้าที่ตามมาไม่ทัน พญาครุฑต้าเผิงก็ถือเป็นตัวแรกที่พุ่งเข้ามาจิกเขาทันที

ไป๋จิ่นยังไม่ทันกางพัดก็ถูกทั้งนกทั้งหมาไล่จิกไล่กัดจนต้องวิ่งไปรอบ ๆ

เฉินฉือตบโต๊ะและเอ่ยขึ้นมา “เจ้าเป็นใครกัน!”

ไป๋จิ่นใช้มือข้างหนึ่งกุมใบหน้าของตัวเองพลางเอ่ยขึ้นมา “ไป๋จิ่น มาเพื่อขอคำอธิบาย!”

เฉินฉือเกาหัว หมู่บ้านตระกูลไป๋ยังมีคนอยู่อีกหรือ?

“คำอธิบายอะไร? หมู่บ้านตระกูลไป๋ของพวกเจ้าอยู่ห่างจากหมู่บ้านตระกูลเฉินของเราตั้งไกล ต้องข้ามภูเขาถึงสองลูก ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้ก่อนเลยนะ หากคิดจะมาขออาศัยอยู่ในหมู่บ้านของเรา ต้องให้หมู่บ้านตระกูลไป๋ส่งสำมะโนครัวของเจ้ามาก่อน”