บทที่ 12 ชายหล่อหญิงงาม เหมาะสมกันอย่างยิ่ง

บัลลังก์ชายาหมอเทวดา

บทที่ 12 ชายหล่อหญิงงาม เหมาะสมกันอย่างยิ่ง

เย่จายซิงมองไปที่จวินหยวน ตอนแรกเขามีท่าทางโกรธแค้นเมื่อรู้ว่ารากทิพย์ของนางโดนตัดไป แต่ตอนนี้อารมณ์กลับมาสงบลงอีกครั้ง
ความรู้สึกที่นางรู้สึกได้จากเขาก็คือยิ่งใหญ่และลึกลับ พร้อมให้ความรู้สึกอันตราย
นางหันไปมองลั่วกูหยุน “ขอถามหมอเทวดาลั่ว การสร้างรากทิพย์ขึ้นมาใหม่จะต้องทำอย่างไร”
“ต้องให้เจ้าใช้ยาทิพย์เพื่อสร้างรากทิพย์ขึ้นมาใหม่ที่จุดตันเถียนของเจ้า รากทิพย์ที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเองเช่นนี้ แน่นอนว่าสู้รากทิพย์ที่ติดตัวมาไม่ได้ การฝึกตนก็ทำได้อย่างช้าๆ แต่อย่างไรก็ดีกว่าฝึกตนไม่ได้เช่นเจ้าตอนนี้”
ลั่วกูหยุนกล่าวตามตรง
นี่เป็นโลกที่คนอ่อนแอถูกคนแข็งแกร่งกว่ารังแก การฝึกตนไม่ได้ก็เป็นได้เพียงคนธรรมดาที่ไร้ความสามารถ เมื่อฝึกตนได้แล้ว อย่างน้อยๆ เมื่อเจอเรื่องอะไรก็ยังพอปกป้องตนเองได้
แต่หากเขาได้เห็นว่าวันนี้เย่จายซิงเอาตัวรอดอย่างไรจากสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนั้น เกรงว่าเขาคงจะไม่คิดเช่นนี้
“ต้องการยาทิพย์แบบไหน แล้วต้องใช้เวลาสร้างนานแค่ไหนหรือ”
นางถามขึ้นอีก
“ไม่ต้องใช้เวลานานนัก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องใช้ยาทิพย์ระดับ 8 ที่มีชื่อว่าเถาเซียนก่อฐาน ซึ่งจะพบได้บริเวณรอบๆ เทือกเขาอัสดงเท่านั้น หาค่อนข้างยาก ส่วนส่วนประกอบอื่นๆ ที่เป็นตัวช่วยของยาทิพย์นั้นหาไม่ยากนัก ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด ก่อนที่จะหาเถาเซียนก่อฐานเจอ จะต้องทำการปรับร่างกายก่อน มิเช่นนั้นแล้วมีโอกาสที่จะทำไม่สำเร็จ การปรับร่างกายจะต้องใช้เวลาสามวันก็เสร็จแล้ว”
ในความทรงจำของร่างเดิม ไม่มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเถาเซียนก่อฐาน แสดงว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ร่างเดิมจะมีโอกาสได้พบจบ ร่างเดิมเคยได้ยินเพียงยาทิพย์ธรรมดาระดับ 1 และ 2 เท่านั้น
หลังจากครุ่นคิดมาพักใหญ่ และชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียอยู่ในใจแล้ว เย่จายซิงก็ได้แต่ยิ้มกว้างแล้วมองไปทางจวินหยวน “เสด็จอาเจ้าคะ ตามคำกล่าวที่ว่าหญิงชายหากยังไม่สนิทกัน ข้าเป็นหญิงที่ยังไม่แต่งงาน การเข้ามาอยู่ในจวนอ๋องไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก เอาอย่างนี้ดีหรือไม่ ข้าจำได้ว่าตรงกันข้ามจวนมีโรงเตี๊ยมอยู่ ให้ข้ากับน้องชายไปพักอยู่ที่นั่นดีหรือไม่ ห่างกันไม่ไกลจะทำอะไรย่อมสะดวก”
แน่นอนว่านางอยากมีโอกาสสร้างรากทิพย์ขึ้นมาใหม่เพื่อจะได้ฝึกตน ไม่อย่างนั้นแล้วในโลกที่เต็มไปด้วยผู้ฝึกตนที่เหาะเหินเดินอากาศได้ทั่วไปเช่นนี้ นางเป็นเพียงคนธรรมดาจะมีที่ยืนในสังคมได้อย่างไร
ดังนั้นวิธีการที่ประณีประนอมเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะเห็นด้วยหรือไม่
จวินหยวนขมวดคิ้วแน่น ริมฝีปากบางของเขาเม้มแน่น ในตอนที่เย่จายซิงคิดว่าเขาไม่น่าจะตกลงนั้นเอง เขาก็พยักหน้าตอบรับอย่างเหลือเชื่อ
เพราะเมื่อครู่นี้เขาเพิ่งจะบอกเองว่าจะไม่ยอมให้นางออกจากจวนอ๋อง แต่ใครจะรู้ว่าจะสามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้
เจรจาง่ายกว่าที่นางคิดเอาไว้เยอะทีเดียว นางคิดว่าเขาจะเป็นคนใจ้ร้ายขี้ระแวงและไม่ฟังใคร
“ออกไปให้หมด ข้าขอคุยกับน้องซิงตามลำพังสักพัก”
จวินหยวนกล่าวเรียบๆ
ตรงนี้มีคนทั้งสิ้นสี่คน คำพูดนี้แน่นอนว่าพูดกับลั่วกูหยุนและเย่ยู่หยางนั่นเอง
เย่ยู่หยางไม่ยอมไป เพราะร่างกายของพี่สาวเขาอ่อนแอมาก หากจวินหยวนรังแกพี่สาวของเขาขึ้นมาจะทำอย่างไร
ลั่วกูหยุนเอามือโอบไหล่เย่ยู่หยางเอาไว้อย่างสนิทสนม “ไปๆๆ หมอเทวดาอย่างข้ามีวิธีรักษาขาของเจ้า เจ้าอยากรักษาไหมล่ะ”
เขาพูดพลางเดินออกไปข้างนอก จากนั้นจึงปิดประตูลงอย่างลับๆ ล่อๆ
จวินหยวนเข้าไปใกล้นาง ความรู้สึกของเย่จายซิงที่รู้สึกว่าไม่สามารถขยับไปไหนได้กลับมาอีกครั้ง นิ้วเรียวยาวของเขาสัมผัสกับคางของนางด้วยน้ำหนักไม่เบาไม่แรงเกินไป ลมหายใจอุ่นๆ รดใบหน้าของนางทำให้นางรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
“อ๋องเซ่อเจิ้งจะทำอะไรเจ้าคะ”
“ไม่เรียกว่าเสด็จอาแล้วหรือ ห๊ะ?”
น้ำเสียงทุ้มลึกของเขาเต็มไปด้วยความอันตราย
นางกลืนน้ำลายและคิดว่าจะเตือนเขาว่าอยู่ใกล้นางเกินไป จนนางเห็นขนตาดำยาวที่อยู้ภายใต้หน้ากากของเขาแล้ว
“เจ้าเป็นเด็กดีเสียเถิด ข้าบอกแล้วว่าจะไม่ทำร้ายเจ้า แต่หากเจ้าไม่เชื่อฟัง ข้าจะมัดเจ้าไว้อยู่กับข้าตลอดเวลา เจ้าจะไปไหนไม่ได้อีก”
คำพูดของเขาแต่ละคำฝังเข้าไปในใจของนาง ทั้งอันตรายและมีเสน่ห์ ทำให้เกิดแรงดึงดูดที่แตกต่างออกไป
แค่กๆ ในช่วงเวลาเคร่งเครียดนั้น เย่จายซิงยอมรับว่าตนเองคิดไปอีกทางหนึ่งแล้ว คำว่า “มัด” ให้ความรู้สึกเป็นอย่างอื่น
แต่นางก็รู้ดีถึงหน้าตาของร่างเดิม ปานใหญ่ขนาดนั้นทำให้ใบหน้าดูไม่ได้ นางรู้สึกว่าการที่จวินหยวนพูดกับนางว่าจะมัดนางเอาไว้ข้างกายออกมาได้นั้น ค่อนข้างที่จะพิสดารไปหน่อย……
นางไม่สามารถมีเรื่องกับผู้ชายคนนี้ได้ นางจึงได้แต่แสร้งทำเป็นแกะน้อยน่ารักกระพริบตาปริบๆ และพยักหน้าอย่างว่าง่าย
ส่วนวัตถุประสงค์ที่เขาเข้าใกล้นางนั้น สุนัขจิ้งจอกวันหนึ่งหางต้องโผล่ ถึงตอนนั้นหากมีอันตรายจริงๆ ก็ต้องรับมือไปทีละก้าวแล้ว
แต่ดูเหมือนว่าตัวนางจะไม่มีอะไรที่เขาอยากได้
ยันต์เสือของท่านพ่อไม่ได้อยู่ที่นาง กุญแจคลังสมบัติจวนแม่ทัพนางก็ไม่มี อีกอย่างเขามีอำนาจล้นฟ้าและร่ำรวย เขาคงไม่สนใจสิ่งของพวกนี้ของนาง
จุดนี้เป็นจุดที่ไม่ว่านางจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
“พ่อบ้าน”
จวินหยวนเอ่ยเรียก
พ่อบ้านวัยกลางคนคนหนึ่งเคาะประตูแล้วเดินเข้ามา
“นายท่าน”
“พาพระชายาเข้าไปในห้องยา”
พ่อบ้านได้ยินดังนั้นก็แทบสำลัก เขาอ้าปากค้างด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
เขามองเจ้านายของตัวเอง จากนั้นหันไปมองเย่จายซิงที่ใบหน้ามีปานแดง ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสัยมากมาย เขาสงสัยว่าหูของตนจะฝาดไปเลยได้ยินอะไรผิดๆ
ปั้ง!
ประตูพังลง จึงเห็นร่างของลั่วกูหยุนกับเย่ยู่หยางที่แอบฟังอยู่ ทั้งสองยืนตัวแข็งเหม่อลอย
เนื่องจากความตกใจถึงขีดสุด ทำให้ลั่วกูหยุนพังประตูลงอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เย่จายซิงอ้าปากค้างจนเกือบหุบปากไม่ได้
“พระ พระชายา?!!”
นางลากเสียงยาว นางเองก็ตกใจมากเช่นกัน
พระชายาอะไรของท่าน!
นางตกลงแล้วหรือ
ที่แท้แล้วท่านต้องการร่างกายของข้านี่เอง!
นอกจากจวินหยวนแล้ว คนสี่คนที่เหลือต่างมีสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าองครักษ์ลับที่แอบซ่อนตัวอยู่ด้านนอก ทุกคนต่างพากันตกตะลึง หากไม่ได้เป็นเพราะฝึกตนในระดับสูงแล้ว พวกเขาคงลื่นตกจากหลังคาลงมาแล้ว
“ทำไมรึ ใครไม่เห็นด้วย”
จวินหยวนกล่าวถามเสียงแข็ง
“ไม่มีๆ พวกเจ้าสองคนรูปหล่อโฉมงาม ช่างเข้ากันมากจริงๆ ฮ่าๆๆ”
ลั่วกูหยุนหัวเราะแห้ง ใบหน้าของเย่จายซิงต่อให้เขามองอีกร้อยรอบ เขาก็คงไม่รู้สึกชื่นชมอยู่ดี กล่าวได้เพียงว่ารสนิยมของจวินหยวนแตกต่างจากคนอื่นนัก หลายปีที่ผ่านมานี้เขาเก็บตัวเองเอาไว้อย่างดี ที่แท้ก็ชอบแบบนี้นี่เอง……”
“ข้าไม่เห็นด้วย!”
เย่ยู่หยางก้าวออกมาแล้วลากพี่สาวของตัวเองออกห่างจากจวินหยวน ก่อนจะกล่าวว่า “เรื่องการแต่งงานข้าไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน พี่สาวของข้าก็ไม่ได้อยากเป็นพระชายาของท่านอ๋องเซ่อเจิ้งเสียหน่อย”
เย่จายซิงพยักหน้าเงียบๆ
จวินหยวนมองไปที่นาง “เจ้าไม่เห็นด้วยงั้นรึ”
คิ้วของนางขมวดเข้าด้วยกัน นางไม่อาจปฏิเสธได้ตามตรง เพราะไม่อยากให้จวินหยวนโกรธจึงได้แต่กล่าวว่า “เรื่องนี้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ว่าข้าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเห็นด้วยแบบขอไปทีได้ เราทั้งสองต่างยังไม่รู้จักอีกฝ่ายหนึ่งดีนัก เรื่องการแต่งงานไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ท่านทำแบบนี้เผด็จการเกินไปหน่อยหรือไม่ ข้ารู้สึกกลัวน่ะเจ้าค่ะ”
นางยังไม่ลืมว่าเมื่อครู่นี้นางเพิ่งจะเล่นบทแกะน้อยในนิทาน
อะไรนะ!
นางปฏิเสธงั้นหรือ!
ลั่วกูหยุนกับพ่อบ้านต่างมีสีหน้าราวกับเห็นผี
บนแผ่นดินนี้ไม่รู้ว่ามีผู้หญิงไม่รู้กี่คนต่อกี่คนที่เฝ้าฝันอยากแต่งงานกับเขา แต่เขากลับไม่เคยสนใจใคร แต่นางกลับพยายามปฏิเสธเขาทางอ้อม!
ดวงตาสีดำเข้มของจวินหยวนจ้องไปที่เย่จายซิงแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “เจ้าปฏิเสธข้า?”