ตอนที่ 132 สั่น
มองดูสภาพของหลิงเล่ ฉวีซือก็พูดออกโดยไม่ตั้งใจว่า:”จบแล้ว หลังจากที่ซือซ่าวตกน้ำตอนหกขวบ ก็เป็นแบบนี้แล้ว จากนั้นนอกจากฝันร้ายตอนกลางคืน ตลอดยี่สิบปีนี้ไม่ได้พูดอีกเลยสักคำ!”
“คุณ คุณลุง?”
ในใจของมู่เทียนซิงยิ่งรู้สึกกลัว เธอย่อตัวลงกอดเขา แต่ร่างกายของเขาสั่นรุนแรงมาก ไม่ว่าเธอจะเรียกเขายังไงเขาก็ไม่ตอบสนอง!
“อือ~ทำไงดี?ทำไงดีอะ?อือ~!”
มู่เทียนซิงกลัวจนร้องไห้ออกมา มองดูสภาพเช่นนี้ของชายหนุ่มที่รัก เธอรู้สึกเจ็บใจมากๆ!
“คุณลุง คุณลุง!”
“ทำไงดี พี่หย่าจูน จะทำไงดี?”
มู่เทียนซิงพยายามกอดร่างของหลิงเล่ ส่วนหนีหย่าจูนก็เดินไปที่ที่ไม่ไกลกว่านี้มาก เอาซิมมือถือของตนออกจากซากมือถือที่แตกหักแล้ว แล้วเอาซิมมือถือของมู่เทียนซิงออก เปลี่ยนเป็นของเขา
แล้วมายืนที่ใกล้ๆกับหลิงเล่ หนีหน่าจูนก็บอกกับหลิงเล่ว่า:”พี่ชายครับ มันจะไปมีอะไรมาก ก็แค่อยากฟังเสียงของคุณแม่เองนะ ผมช่วยคุณ!”
แค่ประโยคน้อยๆหนึ่งประโยค ก็มีความอบอุ่นอย่างมหาศาล ซึมเข้าไปในร่างอันเย็นช้าของหลิงเล่ช้าๆ
มู่เทียนซิงกอดเขาสุดแรง รู้สึกได้ว่าพอเขาได้ยินประโยคนี้ของหนีหย่าจูนแล้ว สงบลงไม่น้อย
หนีหย่าจูนพูดต่อว่า:”ตอนนี้ผมจะโทรหาน้า คุณจะฟังมั้ย?”
มหัศจรรย์ร่างของหลิงเล่ไม่สั่นแล้ว เขาปล่อยหัวของตัวเองออกช้าๆ เงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของมู่เทียนซิงช้าๆ
เขามองหนีหย่าจูนแบบเงยหน้าไว้ ในตาที่ดำคลับนั้นมีแสงของความสับสนกับความหวัง
ถึงจะเป็นแค่เปลวไฟเล็กๆ แต่ก็ไม่ยอมที่จะดับภายในตาเขา!
หนีหย่าจูนยิ้มอีกรอบ เหมือนกับปลอบเด็กน้อย พูดเสียงอ่อนโยนว่า:”พี่ครับ แค่คุณสัญญากับผมว่า ตอนผมโทรไปคุณจะไม่ปริปากพูด หลังจากนี้ ผมจะโทรหาน้าบ่อยๆ ผมเอาไอดีวีแชทของผมให้คุณ คุณโหลดวีแชทในเครื่องของคุณ คุณเข้ารหัสวีแชทของผมเข้าไปในกลุ่มครอบครัว แล้วคุยกับคนที่ในนั้นบ่อยๆ ผมสัญญาว่า จะไม่บอกกับคนอื่นว่าเป็นคุณ ไม่บอกกับพวกเขา ถ้าถึงเวลาที่จำเป็น ผมจะช่วยคุณใช้เสียงสนทนากับพวกเขา ให้พวกเขาคิดว่าคนที่เข้าวีแชทไม่ใช่คุณ ดีมั้ย?”
แขนของหลิงเล่นั้น เริ่มกอดหาความอบอุ่นรอบตัวช้าๆ เขากอดมู่เทียนซิงไว้แรง แล้วเอาหน้าข้างแนบกับหน้าอกของเธอ เหมือนเป็นเด็กน้อยที่กำลังรอกินนมอยู่
มู่เทียนซิงรู้สึกทั้งหงุดหงิดทั้งเขินอาย อยากจะดันเขาออก แต่พอเห็นสภาพอันน่าสงสารของเขาแล้ว ก็รู้สึกลงมือไม่ได้!
ขยับร่างกายนิดหน่อย เธออยากจะเปลี่ยนท่าที่กอดเขา อย่างน้อยก็หลบจากหน้าอกของตน เพื่อลดความเขินอาย
มีคนตั้งเยอะในห้องโถงกำลังดูอยู่ รู้สึกทำตัวไม่ถูก!
แต่ว่าแขนคู่นั้นก็คว้าร่างของเธอขึ้นไว้ตอนที่เธอกำลังจะลุกขึ้นทันที กอดเธอไว้ในอ้อมกอดเหมือนกับคว้าลูกหมาขึ้น ให้เธอนั่งอยู่บนขาทั้งคู่ของเขา
หน้าอันหล่อเหลานั้นซบลงบนหน้าอกของเธออีกครั้ง แล้วเป็นท่าที่จมลงไปลึกๆอีก เหมือนกับเด็กที่หิวนมไม่ผิดเลย
มู่เทียนซิงรู้สึกทำตัวไม่ถูก ส่วนหนังศีรษะก็รู้สึกชา สีหน้าบนใบหน้าเริ่มเปลี่ยนไป อยากจะยื่นมือผลักเขาออก แต่ได้ยินฉวีซือเรียกเธอแบบตื่นเต้น
“คุณหนูมู่!ซือซ่าวแค่อยากได้ความอบอุ่นเอง พ่อแม่ของเขาผลักเขาออกแล้ว พ่อเลี้ยงก็ผลักเขาออกแล้ว ถ้าคุณยังจะผลักเขาออกอีกก็……”
ฉวีซือพูดไปพูดมาก็ร้องไห้ออก มองเธอปแบบตาที่เออล้นด้วยน้ำตา ทั้งนัยน์ตานั้นเต็มไปด้วยการขอ
สองพี่น้องจั๋วหรันก็ขมวดคิ้วไว้ มองเขาด้วยใบหน้าที่ขอเหมือนกัน
ในใจของมู่เทียนซิงคือมีม้าที่ไม่รู้ชื่อเป็นสิบล้านตัววิ่งผ่านเธอก็แค่ยากเปลี่ยนท่าที่กอดลุงเองนะ ไม่ใช่ว่าจะผลักออกนะ แต่ละคนขอให้ตนเองให้คุณลุงแต๊ะอังดีๆ เกินไปจริงๆ!
แล้วยังเป็นที่ระหว่างผู้คนตั้งเยอะ ถวายคู่กระต่ายน้อยของตนออกหรอ?
แต่หลิงเล่นั้นไม่สน ใบหน้านั้นถูกับกระต่ายของเธอต่อหน้าคนอื่น แล้วกอดเธอไว้แน่นขึ้น สายตาเย็นๆมองไปทางหนีหน่าจูน:”ได้!”
หนีหย่าจูนยิ้ม
เขากดเบอร์มือถือยาวเหยียด ต่อหน้าหลิงเล่ แล้วก็เปิดลำโพงไว้ รอแบบเงียบๆ
เสียงกริ่งของคุณหญิงเยว่หยา คือทำนองที่สดใสไพเราะ เหมือนเสียงน้ำหยดที่ดังขึ้นตอนกลางคืนระหว่างภูเขา แต่ละที รู้สึกจับใจเหลือเกิน
ดังไปได้สักพัก เสียงที่น่าฟังก็ดังขึ้น:”หย่าจูน?”
หลิงเล่สูดลมเข้าอย่างแรง!
“น้าครับ คุณทำอะไรอยู่?”หนีหย่าจูนยิ้มเหมือนทั่วไป บอกกับเธอว่า:”ตอบข้อความช้าขนาดนี้ ยุ่งมากเลยใช่มั้ย?”
“อืม ฉันกำลังเตรียมสัมภาระกับผู้ช่วยอยู่ พรุ่งนี้จะไปเมืองM มีประชุมแลกเปลี่ยนที่เกี่ยวกับด้านการเติบโตของวัยรุ่น จะประชุมกันตรงที่เมืองMฉันจะไปสามวัน”
คุณหญิงเยว่หยาพูด ในลำโพงมีเสียงของหญิงสาวอีกคน:”คุณหญิงค่ะ ฝ่าบาทบอกว่าพรุ่งนี้ที่เมืองMมีฝนฟ้าคะนอง นั่งเครื่องบินจะไม่ปลอดภัย เขาเตรียมเครื่องบินไว้คืนนี้เก้าโมง จะส่งคุณไป ห้องโรงแรมที่คุณจะอาศัย ก็เตรียมไว้หมดแล้ว รถส่วนตัวของคุณกำลังอยู่บนทางด่วนที่จะไปเมืองMแล้ว รอถึงเวลาที่คุณลงจากเครื่อง รถส่วนตัวก็จะไปถึงสนามบินของเมืองMรอรับคุณพอดี เพราะงั้นคุณก็ไว้ใจได้แล้ว”
ใจของทุกคนนั้นก็ยกขึ้น
คุณหญิงเยว่หยาจะมาถึงคืนนี้?
สายตาของหลิงเล่นั้นคมเหมือนกันบใบมีด ยังกับว่าจะยิงอะไรออกมา
คุณหญิงเยว่หยาบอกกับผู้หญิงคนนั้นว่า:”ได้ค่ะ ฉันรู้แล้ว”
ทันได้นั้น เหมือนกับว่าคิดอะไรได้ กล่าวว่า:”โม่หลิน คุณจะไปกับฉันมั้ย?”
เสียงของหญิงสาวมีความรู้สึกแอบดีใจ:”คุณหญิง ได้หรอค่ะ?”
“ได้แน่นอน รีบไปเตรียมเสื้อผ้าไป ฉันจะรอคุณไปด้วย”
“ฉันกลัวว่าพ่อแม่ฉันจะเป็นห่วง เขาคิดว่าฉันจะเป็นภาระกับคุณ”
“ไม่ต้องกลัว ฉันจะบอกกับพวกเขาเอง”
“ได้ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณหญิง!”
พอสนทนากันเสร็จ คุณหญิงเยว่หยาก็พูดกับหนีหย่าจูนว่า:”หย่าจูน ขอโทษนะ เมื่อกี๊มีเรื่องนิดหน่อย”
หนีหย่าจูนไม่ได้สนอะไรมาก พอเห็นสายตาอันร้อนรนของหลิงเล่แล้ว ก็รู้สึกเจ็บใจขึ้นมา แค่บอกว่า:”น้าครับ ถ้าคุณมาแล้วผมไปรับนะ จะอยู่โรงแรมฉีซิงใช่มั้ยครับ?”
เธอยิ้มแบบอ่อนโยน:”อืม แต่ไม่ต้องมารับก็ได้ ฉันแค่ประชุมนิดหน่อยเอง อีกสามวันก็ไปแล้ว”
หลิงหลับตาทั้งสองไว้!
ใครก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
มู่เทียนซิงถอนหายใจเบาๆ จูบหน้าผากของเขา อยู่กับเขาแบบเงียบๆ
หนีหย่าจูนก็ปริปากแบบเลือกไม่ได้:”น้าครับ คุณก็ไม่รักผมแล้วหรอ ผมก็อยู่เมืองMนะ ทำไมถึงเจอกันไม่ได้ละ?ยังไงก็ต้องกินข้าวกันสักมื้อนะ!”
“อือ~งั้นรอโม่หลินจัดตารางเวลให้ฉันเสร็จ ฉันค่อยหาเวลามากินกับคุณนะ”
“โม่หลินเด็กสาวที่คุยกับคุณเมื่อกี๊หรอ?หนีหย่าจูนรู้สึกอึ้ง:”คุณน้าครับ คุณเปลี่ยนผู้ช่วยอีกแล้วหรอ?”
“เห้อๆ เธอคือเด็กสาวที่เพิ่งผ่านการคัดเลือกมาใหม่ ฉันเห็นเธอคุณธรรมดี จึงเก็บเธอไว้ข้างตัว เธอคือน้องสาวของจั๋วหรันและจั๋วซี เด็กคู่นั้นหลังจากที่ฉันรับออกมาแล้ว พ่อแม่ก็ไม่ได้พบกับพวกเขาบ่อย จึงมีใหม่อีกคน เลี้ยงไว้ในวังตั้งแต่เด็ก ถึงแม้ว่าเด็กนี้จะมีเบื้องหลัง แต่ก็ไม่ได้ใช้เส้น และทำการสอบเข้าแบบถ่อมตน สอบมาได้ด้วยฝีมือล้วนๆ”