ตอนที่ 121 ฉันเองก็น่ารักเหมือนกัน

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 121 ฉันเองก็น่ารักเหมือนกัน

หลังออกจากห้องทำงานของอธิการบดี มู่เถาเยาและลู่หันซูก็แยกทางกัน

ลู่หันซูกลับไปที่โรงแรมที่ถูกจัดไว้ให้โดยมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูเพื่อไปรวมตัวกับเพื่อนร่วมชั้นและเหล่าอาจารย์ของเธอเพื่อที่จะได้เตรียมตัวกลับไปยังเมืองชายแดน

มู่เถาเยาออกจากมหาวิทยาลัยและนั่งแท็กซี่ตรงกลับไปยังเขตเซิ่งซื่อฉางอัน

ถุงลมน้อยและบางคนแสดงความดีใจอย่างออกนอกหน้ากับการมาถึงของมู่เถาเยาในช่วงเวลานี้

“ซาลาเปาน้อย ทำธุระเสร็จหมดแล้วเหรอ”

“อื้ม ตี้อู๋เปียนคุณได้ข่าวเกี่ยวกับหมอหญิงหรือยัง” นี่คือจุดประสงค์หลักที่เธอมาที่นี่ในเวลานี้

“ได้มาแล้ว คนของฉันถามพวกชาวบ้านในหมู่บ้านชิงเหอว่าพักนี้มีคนนอกเข้ามาในหมู่บ้านบ้างหรือเปล่า พวกเขาบอกว่าเห็นผู้หญิงในวัยสามสิบคนหนึ่งไว้ผมสั้น เธอมาขอซื้ออาหารแห้งจำนวนมากจากพวกชาวบ้านและเข้าไปในป่าเซียนโหยว”

“คุณได้สอบถามชื่อของเธอไหม”

“ไม่ หมอหญิงคนนั้นไม่ได้พักอยู่ในหมู่บ้าน เธอจึงไม่ได้สื่อสารกับพวกชาวบ้านมากนัก”

มู่เถาเยาไม่สามารถซ่อนความผิดหวังของเธอได้

การแสดงออกของตี้อู๋เปียนกลับเต็มไปด้วยความสุข!

ซาลาเปาน้อยชอบเขาจริงๆ! เธอกังวลเกี่ยวกับร่างกายของเขามากกว่าตัวเขาเองเสียอีก!

“ซาลาเปาน้อย ไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันยังเหลือเวลาอีกมาก”

มู่เถาเยากะพริบตา

ตี้อู๋เปียนยังเหลือเวลาอีกพอสมควรจริงๆ นั่นแหละ แต่เธอก็เป็นห่วงอาจารย์มากเหมือนกัน อย่างไรก็ตามคำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ชอบกล

“คนของฉันหลายคนเข้าไปในป่าเซียนโหยวและกระจายออกไปในหลายทิศทาง และได้ทำการยืนยันแล้วว่าหมอหญิงเดินเท้าคนนั้นเข้าไปในเขตป่าชั้นในแล้ว ซาลาเปาน้อย ฉันเชื่อฟังตามที่เธอพูด จึงบอกให้พวกเขาเฝ้าอยู่แต่เขตรอบนอกเท่านั้น มีเพียงหมอหญิงคนนั้นที่เข้าไปข้างในตามลำพัง…ฉันไม่คิดว่าเธอจะไม่รู้ถึงอันตรายในป่าลึกหรอกนะ การที่กล้าเข้าไปยังเขตป่าชั้นใน แสดงว่าอีกฝ่ายต้องมีฝีมืออยู่พอสมควร”

“ใช่” อาจารย์ของเธอน่าทึ่งมาก!

ยกเว้นทักษะดาบตระกูลเย่ว์ที่เสด็จแม่สอนเธอตั้งแต่เมื่อครั้งยังเด็ก ความรู้ความสามารถทั้งหมดของเธอในชาติก่อนล้วนได้รับการสั่งสอนจากอาจารย์คนนี้ของเธอ!

อาจารย์เปรียบเสมือนมารดาอีกคนที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพวกเธอสองพี่น้องมาตลอดยี่สิบปี

“ซาลาเปาน้อย เธอว่าหมอหญิงคนนั้นจะรู้แหล่งที่อยู่ของหญ้าพิษชีวิตและดอกไม้สองชีวิตหรือเปล่า”

มู่เถาเยาส่ายหัว “เป็นไปไม่ได้ เธอรู้จักหญ้าพิษชีวิตและดอกไม้สองชีวิต สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์พวกนี้แน่ๆ แต่ไม่มีทางระบุแหล่งที่เราจะค้นหาพวกมันพบ อย่างไรก็ตามฉันมั่นใจว่าเธอเองก็กำลังออกตามหาพวกมันอยู่เหมือนกัน”

เพียงแต่สถานที่ที่เธอคิดว่าน่าจะมีอยู่นั้น มันไม่มีก็แค่นั้น

ปู่ตี้ “เสี่ยวเยาเยา อย่ากดดันตัวเองมากเกินไป แค่ยอมจำนนต่อโชคชะตาหลังจากที่เราได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว”

คนตระกูลตี้ยังหามันไม่พบ นับประสาอะไรกับเด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่ง

หากในอีกห้าปีต่อจากนี้อู๋เปียนยังไม่ได้รับการรักษา เช่นนั้นนี่ก็คือชะตากรรมของเขา

เมื่อนานมาแล้ว พวกเขาทุกคนได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว แต่พวกเขาไม่ต้องการที่จะยอมแพ้และไม่สามารถยอมแพ้ได้

“ปู่ตี้ แม้ว่าเราจะหาสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ไม่พบในท้ายที่สุด แต่หนูไม่เชื่อว่าภายในห้าปีนี้ตัวเองจะไม่ก้าวหน้าใดๆ เลย ตี้อู๋เปียน…เขาจะไม่เป็นไรค่ะ”

ย่าตี้จับมือของมู่เถาเยาไว้ มองเธอด้วยความรักและพูดว่า “เสี่ยวเยาเยา ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของหนูนะ”

“ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่คิดว่ามันลำบากอะไร อีกอย่างหนูชอบวิจัยและศึกษาเกี่ยวกับการแพทย์อยู่แล้ว”

“แต่หนูยุ่งขนาดนี้ แทบจะไม่ได้ใช้ชีวิตในแบบที่เด็กสาวอายุสิบแปดคนหนึ่งควรจะมีเลย”

“ย่าตี้ ไม่ได้มีกฎสักหน่อยนี่คะว่าวัยไหนควรทำอะไร หนูแค่ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ อีกอย่างหนูก็ออกไปเล่นเหมือนกัน เพียงแต่พอเล่นแล้วดันรู้สึกเบื่อขึ้นมาเสียดื้อๆ”

สิ่งที่ไม่ท้าทาย สำหรับเธอแล้วย่อมไม่คุ้มค่าที่จะใส่ใจ

ย่าตี้ตบหลังมือเล็กเบาๆ

“หนูสามารถทำอะไรก็ได้ที่หนูชอบแต่ไม่ควรเอาแต่หมกมุ่นกับมัน มนุษย์ไม่ใช่เครื่องจักร และเราต้องการการพักผ่อนเสมอ”

“หนูรู้ค่ะย่าตี้”

“ดีจ้ะ ถ้าอย่างนั้นหนูอยู่คุยกับอู๋เปียนไปก่อน เดี๋ยวเราพาเสี่ยวอันเหยี่ยออกไปเดินเล่นสักรอบ”

ถุงลมน้อยถูกผู้อาวุโสพาออกไปด้วยสีหน้างุนงง เขามองย้อนกลับไปที่มู่เถาเยาขณะที่เท้าเล็กๆ ถูกจูงให้เดินเตาะแตะตามไป

การแสดงออกเล็กๆ นี้ทำให้ใจของมู่เถาเยาละลายกลายเป็นของเหลว

ความคิดเล็กๆ น้อยๆ และการเคลื่อนไหวของเขานั้นช่างเหมือนกับเยี่ยนหังน้องชายของเธอไม่ผิดเพี้ยน!

เสด็จ…อาของเธอบอกว่าเธอกำลังมองหาเงาของคนที่คล้ายคลึงกันในโลกนี้เพื่อตามหาความรู้สึกของเธอ แต่นั่นไม่จริงเลย แต่สิ่งที่เธอทำอยู่นั้นก็คล้ายกับจะเป็นแบบนั้น

เฟิงเหมียนยังคล้ายกับเย่ว์หย่าญาติผู้น้องของเธอมาก แม้แต่ความชอบและงานอดิเรกของพวกเธอก็ยังคล้ายคลึงกัน

“ซาลาเปาน้อย? มองอะไรอยู่เหรอ”

ตี้อู๋เปียนรู้สึกเหมือนมู่เถาเยากำลังมองดูคนอื่นผ่านเสี่ยวอันเหยี่ย

ช่างน่าแปลก ซาลาเปาน้อยอาศัยอยู่ในหมู่บ้านบนภูเขา ใครกันที่ทำให้เธอคิดถึงได้ขนาดนี้

หรือว่าเธอกำลังคิดถึงปู่หยวนและพวกชาวบ้าน?

เขาขอให้เยี่ยอิ่งพาคนไปที่หมู่บ้านชิงเหอ และหลังจากยืนยันว่าหมอหญิงเดินทางเข้าไปในเขตป่าชั้นในแล้ว พวกเขาก็เดินออกทางเดิมและแยกย้ายกันไปยังหมู่บ้านต่างๆ คอยจับตาดูจากหลายๆ สถานที่ว่าหมอหญิงจะออกมาจากป่าเมื่อใด

เยี่ยอิ่งผละตัวไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซานเพียงลำพัง หลังจากรู้ว่าหมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขาที่ยากจนนี้ได้รับการเปลี่ยนแปลงเพราะการมาถึงของสองศิษย์อาจารย์ เขาก็รู้สึกประทับใจในตัวเด็กสาวที่เพิ่งอายุสิบแปดปีคนนี้มากขึ้น

หมอเทวดาหยวนและเจ้าสำนักซย่าโหว พวกเขาทั้งสองคนล้วนเป็นคนที่ไม่แยแสต่อชื่อเสียงและความมั่งคั่ง ยิ่งไม่เคยให้คุณค่ากับความปรารถนาทางวัตถุใดๆ พวกเขาไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจของหมู่บ้านเถาหยวนซานจะต้องเป็นเพราะมู่เถาเยาอย่างแน่นอน

“หือ ไม่มีอะไร ฉันแค่คิดว่าเสี่ยวอันเหยี่ยน่ารักมาก”

“ฉันเองก็น่ารักเหมือนกันนะ” ทีนี้มองมาที่ฉันได้แล้วใช่ไหม

มู่เถาเยา “…” คนคนนี้มีความเข้าใจผิดอะไรเกี่ยวกับคำว่า ‘น่ารัก’ หรือเปล่า

“ซาลาเปาน้อย?”

“หืม อ้อ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ฉันวางแผนว่าจะกลับไปที่หมู่บ้านเถาหยวนซานสักรอบ”

ตี้อู๋เปียนถามอย่างร้อนใจทันที “แล้วฉันล่ะ? ฉันไปกับเธอด้วยได้หรือเปล่า อย่าลืมสิว่าเธอยังต้องมาฝังเข็มให้ฉันตอนเช้าวันอาทิตย์นะ!”

“เปลี่ยนเป็นเช้าวันพรุ่งนี้แทน ฝังเข็มล่วงหน้าก่อนสักหนึ่งวันก็ไม่ต่างกัน”

“…เธอ…เธอเคยบอกว่าพลังชีวิตในป่าอุดมสมบูรณ์มากที่สุดไม่ใช่เหรอ ให้ฉันไปสูดออกซิเจนกับเธอสักสองวันดีไหม”

“แต่เที่ยวบินมันนานกว่าสี่ชั่วโมง…”

“ฉันไหว! เครื่องบินส่วนตัวของฉันมีเตียงอยู่!” ตี้อู๋เปียนขัดจังหวะก่อนที่เธอจะพูดจบ

“ฉันเป็นหมอ ฉันบอก…เอาเถอะ ก็ได้” มู่เถาเยาก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าพี่รองของเธออยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนซานในเวลานี้ ดังนั้นเธอจึงตกลงทำตามคำขอของตี้อู๋เปียน

ความสัมพันธ์ที่กำลังเติบโตระหว่างพวกเขาสองคน ยังต้องการการรดน้ำพรวนดินมากกว่านี้

กลับไปเธอต้องหาเวลาคุยกับพี่รองสักหน่อยแล้วว่าให้เขามาที่เมืองเย่ว์ตูบ้างเมื่อใดก็ตามที่เขาว่าง

“ซาลาเปาน้อย ฉันต้องเอาอะไรไปด้วยบ้าง”

“เอาผมไปด้วย!” ไป๋เฮ่าอวี๋รีบยกมือขึ้นทันที เขาอยากเจอหมอเทวดาหยวนเป็นอย่างมาก!

ตี้อู๋เปียนหันไปมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า

“ไม่ต้องเอาอะไรไปด้วยทั้งนั้น ถ้าจะเอาไป ก็พาหมอไป๋ไปด้วยเถอะ เครื่องบินลำใหญ่มากจุคนพออยู่แล้ว”

“…อื้ม” ไม่อยากเอาเจ้าก้างขวางคอคนนี้ไปด้วยเลยจริงๆ

เขาอยากใช้เวลาหลายชั่วโมงบนเครื่องบินกับซาลาเปาน้อยเพียงลำพัง!

นักบินถูกมองข้ามไปโดยอัตโนมัติ!

“ถ้าเสี่ยวอันเหยี่ยอยากไปด้วย ก็พาเขาไปด้วยนะ ฉันคิดว่าเขาจะต้องชอบหมู่บ้านเถาหยวนซานแน่ๆ”

ตี้อู๋เปียน “…” เพราะงั้นไม่ว่าจะงดงามแค่ไหน สุดท้ายก็แพ้ความน่ารักสินะ

เมื่อกี้นี้ซาลาเปาน้อยยังคิดจะทิ้งเขาไว้ที่นี่อยู่เลย ตอนนี้กลับบอกว่าจะพาหลานชายของเขาไปด้วย!

ฮึ่มๆ เลือกปฏิบัติชัดเจนเกินไปแล้ว!

“ตี้อู๋เปียน เอาดอกฉยงฮวาไปด้วยสิ พี่รองกับ…แม่ของฉันอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนซาน ลองให้พวกเขาดูว่าดอกฉยงฮวาคล้ายกับ ‘ธารหิมะ’ กี่ส่วน”

แม้ว่าพวกเขาจะคิดว่าพวกมันไม่น่าใช่พืชชนิดเดียวกัน แต่เนื่องจากตี้อู๋เปียนเคยบอกว่าดอกฉยงฮวานั้นคล้ายกับ ‘ธารหิมะ’ เล็กน้อย เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยจึงถูกปลูกลงในใจของเธอ

เป็นไปไม่ได้ที่ดอกฉยงฮวาจะเป็น ‘ธารหิมะ’ เพราะอาของเธอเคยบอกแล้วว่าแม้แต่ ‘ธารหิมะ’ ก็ย้ายไปปลูกในตำหนักพระจันทร์ไม่ได้

ถ้ามันเป็น ‘ธารหิมะ’ จริงๆ จะหยั่งรากลงในแผ่นดินของประเทศเหยียนหวงได้อย่างไร

“ได้ ฉันจะเอามันไปด้วย”

ต่อให้ซาลาเปาน้อยไม่เอ่ยขึ้นมา เขาก็จะเอาดอกฉยงฮวาไปด้วยอยู่แล้ว เขายังต้องอาศัยมันเพื่อสอบถามเบาะแสเกี่ยวกับหญ้าพิษชีวิตและดอกไม้สองชีวิตจากบรรดาต้นไม้ดอกไม้ในป่าเซียนโหยว!

มีพืชโบราณมากมายนับไม่ถ้วนในป่าเซียนโหยว อย่างเลวร้ายที่สุดก็ต้องได้อะไรกลับมาบ้างจริงไหม

อีกอย่างหนึ่งคือใช้มันเพื่อสามารถตามหาจุดที่หมอหญิงคนนั้นอยู่ได้

แม้ว่าสัตว์และพืชในป่าจะพาตัวหมอหญิงคนนั้นออกมาให้เขาไม่ได้ แต่ตราบใดที่พวกมันสามารถระบุตำแหน่งที่แน่ชัดของเธอ พวกเขาก็ไม่ต้องกลัวว่าจะคลาดกัน

ป่าเซียนโหยวกว้างใหญ่ไพศาลขนาดนั้น ไม่มีจุดหมายและเวลาที่แน่นอนที่อีกฝ่ายจะปรากฏตัว ใครจะรู้ว่าต้องส่งคนกระจายออกไปอีกกี่คนพวกเขาถึงจะได้พบกับหมอหญิง

ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีคนให้ใช้ แต่การเรียกใช้กำลังคนจำนวนมากในทีเดียวอาจดึงดูดความสนใจของทุกฝ่าย

ตี้อู๋เปียนมีความหวังกับหมอหญิงเดินเท้าคนนั้นอย่างมาก เพราะเธอรู้จักชื่อหญ้าพิษชีวิตและดอกไม้สองชีวิต!

นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าเธออยู่เหนือคนนับไม่ถ้วน