ตอนที่ 120 ปรมาจารย์เร้นกายในโลกมนุษย์
ไม่กี่วันมานี้ มู่เถาเยายุ่งมาก แม้แต่เหลียงจีก็ยังรู้สึกเป็นทุกข์เมื่อได้เห็นมัน
“เสี่ยวเยาเยา กินเยอะๆ หน่อยนะ ดูสิเธอผอมมากเลย!” ปาอินคีบกับข้าวให้มู่เถาเยาไม่หยุด
มู่เถาเยา “…ฉันไม่ได้ผอม” ไม่ได้ผอมจริงๆ นะ!
แต่เธอไม่รังเกียจหากจะกินมากกว่านี้ เพราะอาหารที่ปาอินทำนั้นถูกปากเธอมาก
ยังมีเหลียงจี อีกฝ่ายรับผิดชอบทำอาหารกลางวัน ขณะที่ปาอินทำอาหารเย็น ทั้งสองคนพยายามอย่างเต็มที่ที่จะเอาใจว่าที่หัวหน้าเผ่าพระจันทร์ในอนาคต ทำให้เธอมีความสุขมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
หลายวันผ่านไปทั้งเช่นนี้
จนกระทั่งวันที่หนึ่งพฤษภาคมมาถึง การแข่งขันทักษะทางการแพทย์ระดับโลกก็ได้เริ่มเปิดม่านอย่างเป็นทางการ
มีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
บุคลากรทางการแพทย์ส่วนใหญ่และรัฐบาลของประเทศต่างๆ ต่างก็ให้ความสนใจกับการแข่งขันนี้
ในยุคที่ข้อมูลข่าวสารพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แพลตฟอร์มเทคโนโลยีและเครือข่ายต่างๆ กำลังส่งผลกระทบและเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตและพฤติกรรมของผู้คน
ดังนั้น การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็จะค่อยๆ เปลี่ยนรูปแบบการพัฒนาทางการแพทย์ด้วยเช่นกัน
ในอนาคต การวินิจฉัยและการรักษาที่แม่นยำยิ่งขึ้นจะเป็นทิศทางหลักของการพัฒนาทางการแพทย์ ยุ่งยากน้อยกว่าและมีข้อจำกัดที่น้อยกว่า
เราสามารถจินตนาการถึงการตรวจวิเคราะห์ยีนในวงกว้างที่จะดำเนินการกับทุกคนแม้จะไม่มีอาการป่วยแสดงออกมาให้เห็นก็ตาม
ด้วยวิธีนี้จะสามารถแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ก่อนที่จะเกิดโรคจริงๆ
หากสามารถหลีกเลี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อัตราการเกิดโรคก็จะยิ่งน้อยลงมาก
ดังนั้นการแข่งขันนี้ไม่เพียงเกี่ยวกับชื่อเสียงและเพื่อศักดิ์ศรีของประเทศเท่านั้น แต่เหล่าผู้มีความสามารถที่เข้าร่วมการแข่งขันยังเป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนาการแพทย์ของโลก
ดังนั้นรัฐบาลของประเทศต่างๆ จึงกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการแข่งขันที่ตึงเครียดและรุนแรงนี้
ความมีชีวิตชีวาของงานนี้แทบจะเทียบได้กับงานมหกรรมกีฬาระดับโลก งานแข่งขัน E-Sports ระดับโลก การประชุมสุดยอดทางเศรษฐกิจระดับโลก และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนทั่วโลก
หลังเสร็จสิ้นการแข่งขันอันดุเดือดเป็นเวลาสามวันเต็ม มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูก็กลายเป็นจุดรวมสายตาของคนทั้งโลกอีกครั้ง
ผู้ชนะเลิศอันดับที่หนึ่งในการแข่งขันทั้งประเภททีมและประเภทเดี่ยวล้วนเป็นคนของประเทศเหยียนหวง!
ยังไม่ทันได้สิ้นสุดบรรยากาศการเฉลิมฉลอง ฟอรัมระดับไฮเอนด์ของวงการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็ได้เปิดการสัมมนาในหัวข้อ ‘การตรวจวินิจฉัยโรคด้วยเทคนิคทางด้านอณูพันธุศาสตร์ (Molecular Diagnostics)’ ขึ้น
ผู้เข้าแข่งขันจากทั่วโลกที่มารวมตัวกันอยู่ที่เย่ว์ตู รู้สึกโชคดีอย่างมากที่ตนได้รับเกียรติให้เข้าร่วมฟังการบรรยายเกี่ยวกับการวิจัยนี้
ตลอดหนึ่งวันเต็มในงานประชุมสัมมนา เหล่าบุตรธิดาแห่งสวรรค์ที่ได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้าเป็นพิเศษก็ได้ตระหนักถึงขีดจำกัดความรู้และแนวความคิดของพวกเขา
หลังจากส่งนักศึกษาแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ และศาสตราจารย์ของประเทศต่างๆ กลับไป อธิการบดีเจียงเฉาก็ได้เชิญให้นักศึกษาสองคนที่เข้าร่วมการแข่งขันซึ่งไม่ได้เป็นนักเรียนของมหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู อยู่ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูเป็นพิเศษ
เจียงเย่ว์ นักศึกษาปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยแพทย์เมืองหลวงซึ่งรั้งอันดับที่สองในด้านการแพทย์เลือกที่จะอยู่ต่อ
แต่ลู่หันซู เพื่อนร่วมชั้นจากโรงเรียนแพทย์ในแถบชายแดนที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักกลับปฏิเสธข้อเสนอนี้
มู่เถาเยานั่งฟังอาจารย์อาเล็กพยายามเกลี้ยกล่อมเธอ
ลู่หันซูผู้ที่ทั้งดูเรียบง่ายและบริสุทธิ์ยังคงไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
“ทำไมเธอถึงไม่อยากอยู่ต่อล่ะ” มู่เถาเยาสนใจเธอมาก
เพราะเธอมาจากชายแดน หรือก็คือเมืองแถบชายแดนตะวันออกที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสมุนไพรนั่นแหละ เธอเป็นนักเรียนเพียงคนเดียวที่ใช้พิษรักษาในการแข่งขัน
เมื่อเห็นเธอเป็นครั้งแรก มู่เถาเยาก็มีความโปรดปรานต่อเธอเล็กน้อย
ยิ่งหลังจากที่ได้ใกล้ชิดและทำความรู้จักกันมากขึ้นหลายวัน ความรู้สึกชอบนั้นก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ
เด็กสาวตัวเล็กๆ ในวัยเดียวกับเธอแม้จะประสบกับความผันผวนของชีวิต แต่จิตใจของเธอก็ยังคงสะอาดและงดงาม
เห็นได้ชัดว่าหน้าตาของเธอดูธรรมดามาก และรูปร่างของเธอก็ไม่ได้โดดเด่นนัก แต่หลังจากมองแวบที่สอง ก็มักทำให้คนอื่นรู้สึกว่า ‘เธอสวย’
“อาจารย์เคยสอนไว้ อย่าจำกัดตนอยู่แค่ที่ใดที่หนึ่ง และอย่าเอาแต่จมปลักแล้วมองดูเพียงสวนสมุนไพรที่อยู่ตรงหน้า…ยังมีสิ่งที่ไม่รู้จักอีกมากมายในโลกนี้ที่รอให้คุณไปค้นพบและสำรวจ ณ สถานที่แห่งใดแห่งหนึ่งและ ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง…”
ลู่หันซูพูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะเหมือนกับเสียงของลมเบาๆ ที่พัดผ่านต้นไม้และก้อนหิน
ทั้งมู่เถาเยาและเจียงเฉาเห็นด้วยกับคำพูดของเธอจากก้นบึ้งของหัวใจ
“อาจารย์ของเธอช่างเปิดใจและมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เกี่ยวกับชีวิต! ไม่ทราบว่าเป็นหมอท่านไหนเหรอ” เขารู้จักนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ชั้นนำของโลกทุกคน ยกเว้นเหล่าหมอพื้นบ้านที่มากพรสวรรค์แต่เลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวเองต่อโลกภายนอก
‘ปรมาจารย์เร้นกายในโลกมนุษย์’ คำพูดนี้พูดไว้ไม่ผิดเลยจริงๆ!
เจียงเฉาอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับบุคคลนี้มากและต้องการที่จะเป็นเพื่อนกับอีกฝ่าย
“แซ่ของอาจารย์ฉันคือลู่ค่ะ แต่ฉันเองก็ไม่รู้ชื่อเต็มของอาจารย์เหมือนกัน อาจารย์ลู่เพิ่งจะมาชี้แนะและสั่งสอนฉันเมื่อไม่นานมานี้เอง”
“เป็นลู่ที่เขียนด้วยตัวอักษรไหนเหรอ ลู่จากกวางเหมยฮัวหรือเปล่า” น้ำเสียงเด็กน้อยของมู่เถาเยาเปลี่ยนเป็นกระตือรือร้นเล็กน้อย
ลู่หันซูส่ายหน้าและพูดว่า “ไม่ใช่ เป็น ‘ลู่’ ที่มาจาก ‘ถนนกว้างใหญ่ไกลสุดขอบฟ้า’ อักษรตัวเดียวกันกับแซ่ของฉัน”
“ถ้าอย่างนั้นอาจารย์ลู่เป็นผู้หญิงหรือเปล่า เธอดูเหมือนคนอายุสามสิบต้นๆ ไหม”
“เสี่ยวมู่รู้จักอาจารย์ลู่ด้วยเหรอ” ลู่หันซูค่อนข้างประหลาดใจ
“อื้ม ฉันกำลังตามหาเธออยู่ เพื่อนร่วมชั้นลู่ เธอรู้ไหมว่าตอนนี้อาจารย์ลู่อยู่ที่ไหน” มู่เถาเยามีความสุขมาก แต่พยายามไม่แสดงออกทางสีหน้า
“เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน ฉันไม่ได้ติดต่ออาจารย์มาสักพักหนึ่งแล้ว ถ้าเสี่ยวมู่มีธุระเร่งด่วนอยากจะพบกับอาจารย์ งั้นฉันจะรีบติดต่อเธอให้นะ เพียงแต่โดยส่วนใหญ่แล้วอาจารย์ไม่ค่อยใช้มือถือ สำหรับเธอมันมีไว้เพื่อประดับตกแต่งมากกว่า…”
“ไม่เป็นไร ฉันรู้ว่าอาจารย์ลู่ชอบภูเขาและป่า เธอมักจะชอบเข้าไปอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ บนภูเขาเป็นระยะเวลาหนึ่ง เพื่อนร่วมชั้นลู่ เธอแค่ทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ให้ฉันก็พอแล้ว ถ้าเธอได้รับการตอบกลับมา รบกวนเธอแจ้งให้ฉันทราบสักหน่อย เพราะอาจารย์เธอก็เป็นอาจารย์ของฉันเหมือนกัน”
สีหน้าของเจียงเฉาดูคับข้องใจเหลือจะกล่าว
เสี่ยวเยาเยาไม่ต้องการเป็นลูกศิษย์ของเขา แต่…ไม่ใช่สิ เขาไม่เคยได้ยินศิษย์พี่ใหญ่พูดมาก่อนเลยว่าเธอมีอาจารย์ที่สอนแพทย์คนอื่นด้วย?!
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอาจารย์เคยชี้แนะใครด้วย” เหมือนกับเธอ ที่เธอได้เรียนรู้กับอาจารย์เป็นเพราะบังเอิญได้ติดตามอาจารย์ลู่อยู่พักหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ความรู้ที่เธอได้เรียนรู้ในช่วงเวลานั้นมากกว่าที่เธอได้เรียนรู้จากเหล่าผู้อาวุโสในหมู่บ้านตั้งแต่เธอยังเด็ก!
“อาจารย์ลู่เคยชี้แนะให้คนมามากมายแล้ว” ในชาติที่แล้วน่ะนะ
ดังนั้นอาจารย์ของเธอจึงมีชื่อเสียงอย่างมากในหมู่ผู้คน มีแพทย์มากมายนับไม่ถ้วนเข้ามาหาเธอเพราะถูกชื่อเสียงนั้นดึงดูดมา
ขอเพียงแค่เธอมีเวลา อาจารย์จะสละเวลาทั้งหมดเพื่อสั่งสอนความรู้ เพียงแต่ผู้เรียนจะเก็บเกี่ยวและได้รับผลประโยชน์มากน้อยสักแค่ไหนก็เท่านั้น ล้วนขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของแต่ละบุคคล
ลู่หันซูพยักหน้า เธอไม่สงสัยคำพูดของมู่เถาเยาเลย
“ในตอนที่อาจารย์กำลังจะออกจากหมู่บ้านตงจี๋ ฉันได้ยินเธอพูดว่าจะไปยังตอนใต้สุด…อ้อ ไปที่ป่าเซียนโหยวน่ะ”
“เพื่อนร่วมชั้นลู่ เธอช่วยบอกข้อมูลติดต่อของอาจารย์ลู่ให้กับฉันได้ไหม” มู่เถาเยาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะระงับความสุขในใจของเธอ
ลู่หันซูคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ในเมื่ออาจารย์ไม่ได้ทิ้งเบอร์โทรติดต่อไว้ให้เสี่ยวมู่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถให้ข้อมูลติดต่อของอาจารย์กับเธอได้หากไม่ได้รับอนุญาตก่อน”
มู่เถาเยาเข้าใจ เธอไม่อยากทำให้ลู่หันซูลำบากใจ
อันที่จริง เธอสามารถแฮ็กรายชื่อผู้ติดต่อในโทรศัพท์ของอีกฝ่ายได้ แต่เธอไม่ทำ
“ถ้าอย่างนั้น ถ้าติดต่ออาจารย์ของเธอได้เมื่อไหร่ โปรดบอกเธอว่า ‘เสี่ยวจิ่วอายุห้าขวบ’ ต้องการที่จะพบกับเธอ” เธอเป็นองค์หญิงลำดับที่เก้าแห่งราชวงศ์เทียนเย่ว์ ในตอนที่เธอได้รับการชี้แนะจากอีกฝ่าย เธอมีอายุได้ห้าขวบปีพอดี
“ตกลง ฉันจะลองโทรติดต่ออาจารย์ดูเดี๋ยวนี้ ลองดูว่าจะโทรติดไหม”
ลู่หันซูไม่ค่อยเข้าใจมากนัก แต่เธอก็ไม่ได้จู้จี้ถามลงลึกถึงความหมายของคำว่า ‘เสี่ยวจิ่วอายุห้าขวบ’
“ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนเธอแล้ว”
“ด้วยความยินดี”
ลู่หันซูก้มหน้าลงและกดส่งข้อความ
จู่ๆ มู่เถาเยาก็รู้สึกประหม่าและหวาดกลัวเล็กน้อย
หลังจากที่ลู่หันซูส่งข้อความเสร็จ ทั้งสองคนก็นั่งรออย่างเงียบๆ ครู่หนึ่งพวกเธอก็ยังไม่ได้รับการตอบกลับมา โทรไปก็ติดต่อไม่ได้
“บางทีอาจารย์อาจกำลังเก็บสมุนไพรอยู่ในภูเขาที่ไหนสักลูกหนึ่ง? ความเป็นไปได้นี้สูงมาก เสี่ยวมู่ ไม่ต้องกังวลนะ”
“ได้ ขอบคุณนะ เพื่อนร่วมชั้นลู่”
โดยพื้นฐานมู่เถาเยาแน่ใจแล้วว่าอาจารย์ลู่คนนี้ก็คือลู่จือฉินอาจารย์ในชาติภพก่อนของเธอ! และตอนนี้ก็อยู่ในป่าเซียนโหยวแล้ว!
ฉันไม่รู้ว่าคนของตี้อู๋เปียนจะได้พบกับเธอหรือไม่
เนื่องจากช่วงนี้เธอยุ่งมากเกินไป ตี้อู๋เปียนจึงไม่ได้ส่งข้อความหรือโทรหาเธอบ่อยๆ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความรู้ทางวิชาการเหมือนที่เคยทำตามปกติ ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสคุยเรื่องนี้กับเธอไปโดยปริยาย
“ไม่เห็นต้องเกรงใจขนาดนั้นเลย เอาไว้ฉันได้รับข่าวแล้วจะรีบติดต่อเธอกลับไปเลยนะ”
“อื้ม รบกวนด้วยนะ”
“จ้ะ คือว่า…เสี่ยวมู่ ฉันขอติดต่อกับเธอบ่อยๆ ได้ไหม”
ตั้งแต่ที่เธอได้ยินมู่เถาเยาเรียกอธิการบดีเจียงว่าอาจารย์อาเล็ก เธอก็ตัดสินได้แล้วว่ามู่เถาเยาเป็นศิษย์ของสำนักแพทย์โบราณ เพียงแต่ยังไม่มั่นใจนักว่าเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ท่านไหน
หมอเทวดาหยวนมีศิษย์น้องอยู่ทั้งสิ้นสามคน นอกจากเจียงเฉาที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธอในขณะนี้ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเป็นอาจารย์อาเล็ก ยังเหลืออีกสองคน
เธอไม่เคยคิดว่ามู่เถาเยาเป็นลูกศิษย์ของหมอเทวดาหยวน เพราะทุกคนรู้ว่าหมอเทวดาหยวนมีลูกศิษย์แค่แปดคนเท่านั้นและอายุของเธอก็ยังน้อยเกินไป
อย่างไรก็ตามลูกศิษย์ของสำนักแพทย์โบราณนั้นล้วนมีความสามารถไม่ธรรมดา เป็นโชคดีของเธอที่ได้พบและทำความรู้จักกับคนแบบนี้
“แน่นอนสิ” มู่เถาเยาตอบกลับทันที สำหรับเธอ เธอมองว่าลู่หันซูเป็นศิษย์น้องหญิงของเธอไปแล้ว
“อื้ม ถ้าอย่างนั้นอธิการบดีเจียง เสี่ยวมู่ ฉันขอตัวกลับก่อนนะ”
“อืม ฉันออกไปพร้อมกับเธอละกัน อาจารย์อาเล็กคะ พวกเราไปก่อนนะคะ”
อาจารย์อาเล็กเจียงเฉาที่มีคำถามมากมายอยู่เต็มท้องทำได้เพียงพยักหน้าตกลง