ตอนที่ 119 อาจารย์ลู่จือฉิน

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 119 อาจารย์ลู่จือฉิน

เมื่อคนตระกูลตี้ได้ยินเสียงสั่นสะเทือนของเฮลิคอปเตอร์ ก็รู้ได้ทันทีว่าตระกูลเย่ว์ส่งคนและสิ่งของต่างๆ มาถึงแล้ว

ตี้อู๋เปียนพาถุงลมน้อยขึ้นรถและสั่งให้รถอีกสองสามคันตามหลังมา มุ่งหน้าจากทิศตะวันออกไปยังทิศเหนือ ตรงไปที่ลานจอดรถเฮลิคอปเตอร์หลังวิลล่าตระกูลเย่ว์ เพื่อไปดูว่าสามารถช่วยอะไรซาลาเปาน้อยได้บ้าง

เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลเย่ว์จะส่งแค่เฮลิคอปเตอร์เปล่ามา จะต้องมีของขวัญติดมาด้วยแน่

เมื่อพวกเขามาถึง ก็เห็นมู่เถาเยากำลังดูภายในเฮลิคอปเตอร์คร่าวๆ

หลังจากที่เธอลงมาจากเฮลิคอปเตอร์และกำลังจะโทรหาตี้อู๋เปียน ก็เห็นพวกเขาพอดี

“ซาลาเปาน้อย ฉันพาคนมาด้วย เธอมีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า”

“พวกคุณมาทันพอดีเลย ขอบใจนะ”

หลังจากที่มู่เถาเยาแนะนำเหลียงจีให้ตี้อู๋เปียนและถุงลมน้อย รวมถึงคนอื่นๆ รู้จัก ทุกคนก็เริ่มย้ายของขวัญลงมาจากเฮลิคอปเตอร์

นอกจากผลนมหมาป่าแล้ว ยังมีผลไม้ตามฤดูกาลอีกหลากหลาย รวมถึงขนมมากมายด้วย

ดวงตาลูกกวางกลมโตของมู่เถาเยาหรี่ลงเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอชอบสิ่งของเหล่านี้มาก

ในใจกำลังใคร่ครวญว่าจะส่งของชิ้นไหนให้ใครบ้าง

พื้นที่ภายในเฮลิคอปเตอร์มีขนาดใหญ่มาก และรถยนต์หลายคันที่ตี้อู๋เปียนนำมานั้นต้องขับไปกลับสองรอบถึงจะขนของด้านในกลับไปที่วิลล่าตระกูลเย่ว์หมด

หลังจากจัดการเรียบร้อย มู่เถาเยาก็นำทีมใหญ่กลับไปทานมื้อเย็นที่คฤหาสน์ตระกูลตี้

ในฐานะที่เหลียงจีเป็นนักบินและบอดี้การ์ดของหัวหน้าเผ่า แน่นอนว่าต้องรู้จักอดีตราชาตี้และนายหญิงผู้เฒ่าอยู่แล้ว

เมื่อได้เห็นจึงมีท่าทีตกใจอย่างมาก

เธอไม่คิดว่าเจ้าหญิงน้อยของตนจะสนิทกับคนตระกูลตี้มากขนาดนี้ และความสนิทสนมนี้ก็ไม่ได้มาจากตระกูลเย่ว์

เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเย่ว์และตระกูลตี้นั้นไม่ได้ดีอย่างที่เธอกำลังเห็นอยู่ตอนนี้

ถุงลมน้อยคนนี้ คงไม่เกาะขาคนตระกูลเย่ว์ไปทั่วแน่!

ตอนที่เขาตามคนตระกูลตี้มาที่เผ่าพระจันทร์ เขาก็เอ่ยทักทายอย่างสุภาพ จากนั้นก็จับมือของกู้เนี่ยนซึ่งเป็นคุณผู้หญิงของนายท่านผู้สืบทอดไม่ปล่อยอย่างเชื่อฟัง

เหลียงจีจ้องมองคนที่กอดขาของเจ้าหญิงน้อยของตนอย่างเหลือเชื่อ

“ซาลาเปาน้อย หลังกินมื้อเย็นเสร็จฉันอยากคุยกับเธอเกี่ยวกับหมอหญิงเดินเท้าคนนั้นสักหน่อย”

“มีข้อมูลแล้วเหรอ” มู่เถาเยารู้สึกประหลาดใจมาก

“มีข้อมูลบางอย่าง แต่ต้องได้รับการยืนยันก่อน”

“โอเค งั้นย่าตี้คะ เราไปทานข้าวกันก่อนดีไหมคะ” เธอรอไม่ไหวแล้วล่ะ

ตี้อู๋เปียนได้ยินน้ำเสียงของเธอไม่เหมือนเดิม จึงลอบยิ้มในใจ คิดว่าเธอคงเป็นห่วงเขา จึงร้อนใจอยากตามหาหมอหญิงเดินเท้าขนาดนี้

ย่าตี้พยักหน้า จากนั้นพลันเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ได้สิจ๊ะ เราไปทานอาหารเย็นกันเถอะ”

หลังอาหารเย็น ตี้อู๋เปียนชวนมู่เถาเยาเข้าไปที่ห้องอ่านหนังสือ

“ตี้อู๋เปียน หมอหญิงเดินเท้าคนนั้นปรากฏตัวแล้วเหรอ”

“คนของฉันพบว่าเธอปรากฏตัวที่หมู่บ้านชิงเหอใกล้กับป่าเซียนโหยว”

“หมู่บ้านชิงเหออยู่ถัดจากหมู่บ้านสายน้ำไหล คาดว่าเธอคงเข้าไปเก็บสมุนไพรในป่า”

“ป่าเซียนโหยวใหญ่มาก ไม่รู้ว่าหมอหญิงเดินเท้าจะเดินไปในทิศทางไหน เขตป่าชั้นในอันตรายมาก หมอหญิงคงไม่เข้าไปหรอกนะ”

มู่เถาเยาส่ายหัวเล็กน้อย พลางเอ่ยขึ้น “ไม่แน่หรอก เขตป่าชั้นในมีสมุนไพรหายากมากมาย สำหรับแพทย์แล้วมันน่าสนใจมาก”

หากเป็นอาจารย์ลู่จือฉินของเธอล่ะก็ จะต้องเข้าไปอย่างแน่นอน

ทักษะของอาจารย์นั้นดีมาก เธอจึงไม่กังวลเรื่องความปลอดภัย แต่ป่าเซียนโหยวกว้างใหญ่ ไม่ง่ายนักที่จะตามหาคนพบ

หากหาผิดทิศทาง เปอร์เซ็นต์ที่จะเจอก็มีค่าเป็นศูนย์

“ตี้อู๋เปียน นายส่งคนกระจายออกไปหาทุกทิศรอบๆ ก่อน”

เธออยากไปตามหาด้วยตัวเอง แต่ใกล้ถึงการแข่งขันใหญ่แล้ว จึงทำได้เพียงระงับความใจร้อนไว้

“ฉันจะจัดการให้!” ตี้อู๋เปียนแอบดีใจ

ซาลาเปาน้อยห่วงใยเขามากจริงๆ!

“มีภาพเหมือนของหมอหญิงเดินเท้าไหม”

“มี แต่ฉันรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเหมือนเท่าไร หลายคนอธิบายไม่ชัดเจน นำภาพเหมือนมาเทียบกับฐานข้อมูลก็ไม่ตรงกับใครเลย”

“เป็นธรรมดา ใครจะไม่ระวังคนแปลกหน้าล่ะ มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการอธิบายผิดพลาด”

หลายครั้ง เหมือนว่าคุณจะเห็นใบหน้าของคนอื่นอย่างชัดเจน แต่พอผ่านไปกลับนึกไม่ออก เพราะคนที่แข็งแกร่งสามารถปิดบังตนเองได้

“อืม แต่มีสิ่งหนึ่งที่สามารถยืนยันได้ เหมือนว่าหมอหญิงเดินเท้าคนนั้นจะมีอายุราวสามสิบปี”

มู่เถาเยายิ้มกริ่มอยู่ในใจ

เธอรู้สึกว่านี่ก็คืออาจารย์ลู่จือฉินของเธอ

อาจารย์ไม่ได้เป็นเด็กน้อยอย่างเธอ ซึ่งเพิ่มความน่าจะเป็นในการตามหาได้เร็วขึ้น

“ตี้อู๋เปียน นายรีบส่งคนออกตามหา… แม้จะหาไม่พบ ก็ห้ามเข้าเขตป่าชั้นในเด็ดขาด คนธรรมดาเข้าไปก็มีแต่ตายกับตาย รอฉันปิดเทอมกลับบ้านแล้วค่อยไปหาสมุนไพรมาหลอมเป็นยาแก้พิษ”

ที่จริงการหลอมยาไม่ใช่เรื่องยาก แต่การหาสมุนไพรให้ครบมันต้องใช้เวลา

“ได้”

มู่เถาเยาจ้องมองดอกฉยงฮวาบนโต๊ะหนังสืออย่างอึ้งๆ

ดอกฉยงฮวา “…” มันสวยจนถึงกับทำให้คนเห็นแล้วตะลึงเลยเหรอ

ดีใจจัง!

“ซาลาเปาน้อย เธอคิดอะไรอยู่”

“ฉันกำลังคิดว่า ตอนนี้ถังถังทำงานอยู่ในหมู่บ้านเถาหยวนซาน ถ้าพอมีเวลา เธอก็สามารถหลอมยาแก้พิษได้”

“ถังถัง ทายาทของตระกูลถังที่เชี่ยวชาญด้านพิษแห่งเซียงเฉิง จักพรรดินีจอเงินถังน่ะเหรอ”

“นายรู้จักเธอด้วยเหรอ” มู่เถาเยาประหลาดใจ

ไม่คิดว่าตี้อู๋เปียนจะให้ความสนใจกับผู้หญิงด้วย

“ฉันควบคุมหน่วยข่าวกรองของประเทศ ไม่มีใครในประเทศนี้ที่ฉันไม่รู้จัก” อันที่จริงก็ทั้งโลกน่ะ!

‘ใคร’ ที่เขากล่าวถึงในที่นี้หมายถึงบุคคลที่ยอดเยี่ยมและโดดเด่น ไม่ใช่แค่พลเมืองทั่วไป

คนธรรมดาเขาไม่จำให้เปลืองความจุของสมองหรอก

“อ้อ เป็นเธอนั่นแหละ”

“ซาลาเปาน้อยรู้จักทายาทของตระกูลถังเพราะเรื่องยาพิษเหรอ”

นอกจากพิษแล้ว ถังถังคงไม่มีอะไรที่ดึงดูดความสนใจของเธอได้หรอกจริงไหม ซาลาเปาน้อยไม่ใช่เด็กสาวประเภทไล่ตามดาราสักหน่อย!

“ก็ใช่ ถ้าหมอหญิงเดินเท้าคนนั้นได้เจอกับถังถัง อาจจะหยุดพเนจรไปช่วงหนึ่งก็ได้” เพราะอาจารย์สนใจในศาสตร์ยาพิษไม่น้อยไปกว่าเธอเลย

งานอดิเรกของเธอได้รับอิทธิพลจากอาจารย์ทั้งนั้น

น่าเสียดาย ที่หมู่บ้านชิงเหออยู่ไกลจากหมู่บ้านสายน้ำไหล แล้วอยู่ไกลจากหมู่บ้านเถาหยวนซานมาก ดังนั้นโอกาสที่หมอหญิงเดินเท้าจะได้พบกับถังถังจึงต่ำมาก

“ซาลาเปาน้อย ฉันจะส่งคนไปตามหา เธอไม่ต้องห่วงนะ” เขาไม่อยากตาย ดังนั้นจึงพยายามอย่างสุดความสามารถ

“อืม”

ตี้อู๋เปียนไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เธอก็ยังตอบรับ เพราะเธอกังวลจริงๆ ว่าจะหาอาจารย์ไม่พบ

แม้ว่าความรู้สึกของเธอจะบอกหลายรอบว่าหมอหญิงเดินเท้าคนนั้นคืออาจารย์ของเธอ แต่อย่างไรเสียก็ไม่อาจเชื่อลางสังหรณ์ได้

บางทีอาจเป็นเพราะในจิตใต้สำนึกของเธอคิดว่าหมอหญิงเดินเท้าผู้นั้นคืออาจารย์ ดังนั้นจึงมีลางสังหรณ์อันแรงกล้าขนาดนี้

“ซาลาเปาน้อย เธอคิดว่าดอกฉยงฮวาเหมือน ‘ธารหิมะ’ บนภูเขาเทพจันทราหรือเปล่า” เขาเคยเห็นภาพที่หัวหน้าเผ่าเย่ว์เลี่ยงวาดออกมา

มู่เถาเยามองไปที่ดอกฉยงฮวาตรงมุมโต๊ะหนังสืออีกครั้ง

“ดูคล้ายๆ กัน ดอกฉยงฮวาน่าจะเป็นต้นอ่อน ได้ยินอาบอกว่า ‘ธารหิมะ’ มีอยู่ในภูเขาเทพจันทรามาหลายหมื่นปีแล้ว เธอเคยย้ายหน่ออ่อนไปปลูกที่ตำหนักพระจันทร์ แต่ดูแล้วมันไม่น่ามีชีวิตอยู่ได้ ก็เลยย้ายกลับไปที่ภูเขาเทพจันทรา เวลาเพียงหนึ่งวันก็กลับมามีจิตวิญญาณอีกครั้ง”

“‘เพลิงชาด’ และ ‘ธารหิมะ’ มีรูปร่างเหมือนกัน แต่มีสีที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง…ปรากฏการณ์บางอย่างในธรรมชาติบางทีก็ไม่สามารถอธิบายได้จริงๆ”

“อืม” ในชีวิตก่อนเธอก็ไม่เคยพบพืชพันธุ์ที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้

“ซาลาเปาน้อย ที่เธอพูดมาฉันไม่รู้สักอย่าง เช่น หญ้าพิษชีวิต ดอกไม้สองชีวิต ดอกเถียนซิน… มีหนังสือที่เกี่ยวข้องให้ฉันยืมหน่อยได้ไหม”

“ไม่มีหรอก คนที่ไม่ใช่แพทย์ไม่รู้หรอกว่ามีพืชเหล่านี้อยู่ ต่อให้นายมีความรู้แค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้เรื่องที่ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ มีแค่การเล่าขานกันปากต่อปากมามากมายตั้งแต่สมัยโบราณเท่านั้นแหละ”

“งั้นเหรอ” ตี้อู๋เปียนยอมรับเหตุผลนี้

“แต่ว่า ฉันกำลังหาข้อมูลบางอย่างให้อาจารย์ใหญ่ของฉัน ถ้าเสร็จแล้วฉันจะให้นายดูนะ” เป็นการเขียนรวบรวมข้อมูลจากคัมภีร์โบราณทั่วโลก

“โอเค”