บทที่ 106 รูปโฉมที่ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง

องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!

ยามเช้าตรู่ภายในเมืองหลวง บรรดาพ่อค้าแม่ค้ามักจะออกจากบ้านเร็วกว่าผู้คนทั่วไปเสมอ

หญิงชราหลังค่อมหาบเต้าฮวยร้อนๆ ไว้บนบ่า เต้าฮวยถ้วยหนึ่งขายในราคาเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งอีแปะเท่านั้น ทั้งถูกและอร่อย

ในแต่ละวัน มีผู้คนมากมายที่ต้องการออกนอกเมือง ดังนั้นจุดที่อยู่ใกล้ประตูเมืองจึงมักจะคึกคักมีชีวิตชีวากว่าบริเวณอื่น

เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ได้แต่งตัวสะดุดตาแต่อย่างใด นางยืนต่อแถวอยู่กับคนอื่นๆ บางทีอาจจะไม่มีใครสังเกตเห็นนางด้วยซ้ำ

หากนางไม่เงยหน้าขึ้นมา ก็คงไม่มีใครคิดที่จะเสียเวลาหันมามองนางแม้แต่วินาทีเดียว

นางก็เหมือนกับทุกคนที่ต้องการจะออกจากเมือง สิ่งแรกที่นางทำคือการนั่งลงข้างท่านยายท่านนั้น แล้วขอซื้อเต้าฮวยถ้วยหนึ่ง พลางเงี่ยหูฟังข่าวรอบๆ ตัว

“พวกเจ้ารู้หรือเปล่า ดูเหมือนว่าองค์ชายสามจะตามจับตัวคนคนหนึ่งอยู่”

“ตามจับคนหรือ ตามจับใครล่ะ”

“ข้าได้ยินมาว่าเป็นคุณหนูตระกูลเฮ่อเหลียนที่เสียพลังปราณไป”

“องค์ชายจะจับนางไปทำไม เป็นไปได้หรือไม่ว่านางไปทำอะไรไม่ดีเอาไว้จนทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัย”

“ใครจะไปรู้ แต่หลังจากนั้นองค์ชายสามก็ถอนกำลังออกไป แล้วกล่าวว่าเขาไม่สนใจที่จะตามหานางอีกแล้ว เขาอาจจะรู้สึกว่ามันเสียเวลากระมัง ผู้หญิงพรรค์นั้นจะมีค่าพอให้เขาเอาจริงได้อย่างไร”

ไม่จับนางแล้วหรือ

มือของเฮ่อเหลียนเวยเวยที่ใช้ตักเต้าฮวยกินถึงกับชะงักค้าง ดวงตาของนางเป็นประกาย และเริ่มทบทวนสิ่งที่ได้ยินโดยละเอียดอีกครั้ง ก็สมควรอยู่ที่องค์ชายสามจะรามือได้แล้ว เรื่องราววุ่นวายใหญ่โตถึงเพียงนั้น เขาทั้งสั่งให้องครักษ์เข้าตรวจค้นทุกหอในสำนักไท่ไป๋ ไม่เว้นแม้กระทั่งหอชั้นเลิศ และยังบังคับให้บรรดาคุณหนูคุณชายต้องตากฝนกันทั้งคืน

สี่ตระกูลใหญ่จะต้องตำหนิเขาแน่ อย่างไรเสียบรรดาคุณหนูคุณชายพวกนั้นก็เป็นลูกหลานที่พวกเขารักสุดหัวใจ ถึงแม้จะบอกว่าไม่ได้มีใครสั่งให้คุณหนูพวกนั้นออกมายืนล้อมหน้าล้อมหลังชมเหตุการณ์นั้นเสียหน่อย แต่หากไม่ใช่เพราะองค์ชายสาม พวกนางทุกคนก็คงไม่ต้องประสบพบเจอกับฝูงสัตว์อสูรเข้า

ต่อให้อดีตฮ่องเต้จะทรงรักใคร่เอ็นดูองค์ชายสามอย่างไร แต่เขาก็คงไม่อนุญาตให้อีกฝ่ายกระทำการบ้าบิ่นเช่นนี้ต่อแน่

หรือจะเป็นอย่างที่ทุกคนพูดกันจริงๆ จู่ๆ องค์ชายสามก็เพิ่งจะตื่นขึ้นมายอมรับความเป็นจริงว่าการทุ่มเทความพยายามเพื่อเด็กสาวไร้ค่าอย่างนางมันเป็นสิ่งที่ไม่คุ้มค่าเลยแม้แต่น้อย

เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มเยาะ แต่อย่างไรก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนแผนการของตน

แม้ว่าองค์ชายสามไม่คิดที่จะตามจับตัวนางอีกจริงๆ แต่นางก็ไม่สามารถคลายความระแวดระวังลงได้

เผื่อว่าในเวลานี้ ผู้ชายคนนั้นจะจงใจสร้างข่าวลวงมาเป็นฉากหน้าแล้วทำให้นางตายใจ

ถ้าเป็นอย่างนั้นขึ้นมา นางมิซวยแย่หรือ

ประกายเจ้าเล่ห์ฉายขึ้นจากภายในดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวย นางตักเต้าฮวยขึ้นมากินเป็นคำสุดท้ายด้วยท่าทางราวกับไม่ได้ยินการสนทนาของคนพวกนั้นแม้แต่นิดเดียว

แต่เพียงแค่นางเดินผ่านไป ทุกคนก็ถึงกับเผลอกลั้นหายใจ ในสายตาของพวกเขา นอกจากเด็กสาวผู้งดงามนางหนึ่ง ก็ไม่มีร่องรอยของสิ่งใดหลงเหลืออยู่อีกเลย แม้แต่ตอนที่ถ้วยเต้าฮวยในมือของพวกตนหกลงบนพื้น ก็ยังไม่มีใครรู้สึกตัว

“เทพธิดา… ข้าเห็นเทพธิดา…”

ด้วยเหตุนี้ วันนั้นทั่วทั้งเมืองหลวงก็พลันตกอยู่ในความแตกตื่นวุ่นวาย มีหลายคนที่กล่าวว่าในที่สุดตนก็ได้เห็นเทพธิดาที่หน้าตางดงามยิ่งกว่าเด็กสาวที่สวยที่สุดในเมืองอย่างเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์

บุคลิกเช่นนั้น หน้าตาเช่นนั้น รูปร่างเช่นนั้น แม้ว่าชุดที่สวมอยู่บนร่างของนางจะตัดมาจากผ้าหยาบ แต่ก็ยังยากที่จะปกปิดความมีสง่าราศีนั้นเอาไว้ได้

แต่บรรดาองครักษ์เงาที่ซุ่มรออยู่ในเมืองจะมัวว่างมาสนใจเทพธิดาที่ปรากฏกายขึ้นกลางเมืองได้อย่างไร คนที่พวกเขาต้องการพบมากที่สุดในเวลานี้คือเด็กสาวหน้าตาอัปลักษณ์ต่างหาก! โดยเฉพาะเด็กสาวอัปลักษณ์ผิวดำคนนั้น!

ผลสุดท้ายจึงไม่มีใครรายงานเรื่องนี้ให้ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทราบ เขาไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย

กลับกัน เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ที่ออกมาทำธุระข้างนอกกลับได้ยินเรื่องนี้ในทันทีที่มาถึงตัวเมือง สาวใช้ที่อยู่ข้างนางทำปากยื่นอย่างดูถูก “เด็กสาวชาวบ้านธรรมดากล้าเทียบชั้นกับคุณหนูของข้าหรือ ช่างน่าขันเสียจริงเชียว”

เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ยิ้ม รอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกอันยากที่จะเข้าใจได้ “ไม่ต้องไปสนใจหรอก ให้พวกเขาพูดกันไปเถอะ”

“เจียวเอ๋อร์พูดถูก การสนใจเรื่องพวกนี้รังแต่จะทำให้คุณค่าของตัวเองลดลงเท่านั้น!” เฮ่อเหลียนกวงเย่าหัวเราะชอบอกชอบใจขณะเดินตามหลังเด็กสาวเข้าไปในโรงเตี๊ยม

เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์หันไปมอง แล้วเรียกเขา “ท่านพ่อเจ้าคะ”

เฮ่อเหลียนกวงเย่าพยักหน้า “ที่พ่อเรียกเจ้าออกมาที่นี่ครั้งนี้เพราะพ่อได้ยินข่าวมา ข่าวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าในงานประลองยุทธ์ครั้งใหญ่นี้แน่นอน”

“ข่าวอะไรหรือเจ้าคะ” ดวงตาของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์เป็นประกาย

เฮ่อเหลียนกวงเย่าคลี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย “ในไม่ช้านี้จะมีการจัดงานประลองเจ้ายุทธ์ขึ้น และที่นั่นก็มีอาวุธที่คุณชายอู๋ซวงสร้างขึ้นมาเองกับมืออยู่ด้วย มันเหมาะจะให้เจ้าใช้มากที่สุด หากเจ้าได้อาวุธที่เข้ากันกับพลังปราณในร่างของตัวเองได้ล่ะก็ เจ้าจะต้องขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในการแข่งขันประลองยุทธ์ได้อย่างแน่นอน!”

“อาวุธ…” ยิ่งเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ได้ฟัง ดวงตาของนางก็ยิ่งเป็นประกาย สำหรับผู้ฝึกปราณทุกคนแล้ว การมีอาวุธที่เหมาะกับตนเองนั้นถือเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด ในเวลานี้นางทะลวงปราณผ่านแล้ว หากยังได้ครอบครองอาวุธที่น่าทึ่งด้วยแล้วล่ะก็ อดีตฮ่องเต้จะต้องมองนางด้วยความชื่นชมแน่นอน แม้จะเป็นคนที่อยู่เหนือกว่าผู้อื่นแต่ก็ยังชอบหญิงสาวที่โดดเด่นเกินใครอยู่ดี …

เฮ่อเหลียนกวงเย่ามองสีหน้าของบุตรสาวสุดที่รัก และรู้ว่านางคงมีความคิดบางอย่างอยู่ในใจแล้วเป็นแน่ แต่นางไม่ใช่คนพูดมาก ดังนั้นเขาจึงเอ่ยออกมาว่า “ส่วนเรื่องสำนัก พ่อช่วยขออนุญาตออกนอกสถานที่ให้เจ้าเรียบร้อยแล้ว หลังจากเจ้ากลับไป ก็เก็บสัมภาระให้เรียบร้อย แล้วออกเดินทางไปพร้อมกับมู่หรงซื่อจื่อเสีย เขามีบัตรเชิญจากอาจารย์ตู๋เทียนอยู่ ซึ่งสามารถพาเจ้าเข้าไปในงานประลองเจ้ายุทธ์ได้ พ่อเองก็คุยกับคนที่ดูแลเรื่องนี้ที่นั่นเอาไว้แล้ว เมื่อเจ้าไปถึงแล้วคงจะสะดวกสบายไม่น้อย”

เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ไม่ใช่คนโง่ หลังจากฟังจบ นางก็ถามกลับไปว่า “ท่านพ่อเจ้าคะ แทนที่จะต้องเปลืองแรงกับเรื่องพวกนี้ เหตุใดจึงไม่ไปคุยกับคุณชายอู๋ซวงเกี่ยวกับข้าโดยตรงเลยล่ะเจ้าคะ”

“เจ้าคิดว่าพ่อไม่ได้ลองหรือ” เฮ่อเหลียนกวงเย่าถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “คุณชายอู๋ซวงเกิดมาในตระกูลที่มีชื่อเสียงจากการสร้างอาวุธ เจ้าเองก็รู้นี่ แม้แต่บรรดาเจ้ายุทธ์จากทั่วทั้งใต้หล้าต่างก็ต้องยอมรับว่าไม่อาจสร้างอาวุธเลียนแบบคุณชายอู๋ซวงได้ ยิ่งกว่านั้นบิดาของเขาก็เป็นถึงประธานการจัดงานประลองเจ้ายุทธ์ เขาไม่เคยปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนง่ายๆ แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธผู้ใด คุณชายอู๋ซวงได้รับจดหมายของพ่อแล้ว อีกทั้งยังเขียนตอบจดหมายกลับมาด้วย แต่ในจดหมายนั้นก็มีเพียงแค่การทักทายตามมารยาทเพียงไม่กี่ประโยค กับเนื้อความคล้ายกับจะบอกว่าอยากให้อาวุธได้เลือกเจ้าของของมันเอง เฮ้อ ไม่ว่าจะเป็นไม้อ่อนหรือไม้แข็งล้วนใช้ไม่ได้ผล เลยแม้แต่นิดเดียว”

เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ยิ้มร่า มุมปากของนางเผยความพอใจออกมา “ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อถึงเวลานั้น เจียวเอ๋อร์ย่อมสามารถทำให้คุณชายอู๋ซวงปฏิบัติต่อเจียวเอ๋อร์ต่างออกไปได้แน่นอนเจ้าค่ะ”

“เห็นเจ้ามั่นใจเช่นนี้ พ่อก็วางใจ!” เฮ่อเหลียนกวงเย่าตบบ่าบุตรสาวอย่างมีความสุข พลางหันไปหาสาวใช้ที่อยู่ข้างตน แล้วสั่งว่า “ดูแลคุณหนูให้ดี อย่าให้เกิดความผิดพลาดขึ้นได้แม้แต่นิดเดียว!”

“เจ้าค่ะ!” บรรดาสาวใช้ก้มหน้าลงด้วยท่าทางเคารพยำเกรง

สาวใช้คนสนิทของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ยื่นแขนไปช่วยให้เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ลุกขึ้นยืน ขณะกล่าวว่า “บ่าวได้ยินมาว่าคุณชายอู๋ซวงหน้าตาหล่อเหลาทีเดียว ภายในเมืองหลวงแห่งนี้ นอกจากองค์ชายสามแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะรูปโฉมอันงดงามของเขาได้ แต่น่าเสียดายที่เขาสุขภาพไม่ดีเท่าไรนัก จึงถูกเลี้ยงดูอยู่แต่ในจวนมาตั้งแต่เด็ก ปกติเขาจะออกมาข้างนอกเฉพาะตอนที่มีการประมูลอาวุธเท่านั้น ว่ากันว่าตั้งแต่หัวจรดเท้าอบอวลไปด้วยบรรยากาศสูงศักดิ์และร่ำรวยเลยล่ะเจ้าค่ะ”

“เจ้านี่จริงๆ เลย เอาแต่ไปสืบข่าวไร้สาระพรรค์นี้อยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน” ศีรษะของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ไม่ขยับแม้แต่น้อย นางเดินออกไปด้วยท่าทางสง่างามอย่างยากจะหาคำใดมาบรรยายได้

สาวใช้คนสนิทนางนั้นรู้ว่าช่วงนี้อารมณ์ของผู้เป็นนายไม่ค่อยดีเท่าใดนัก และเกรงว่าถ้าหากนางพูดอะไรผิดไป แล้วนางจะถูกหยิกแขนเข้าอีก นางจึงเปลี่ยนวิธีการพูดของตนอย่างชาญฉลาด และเอ่ยว่า “ที่บ่าวฟังเรื่องนี้ก็เพราะมันเกี่ยวข้องกับคุณหนูอย่างไรล่ะเจ้าคะ”