บทที่ 133 เอาให้หมดตัวแล้วค่อยว่ากัน

คิงดราก้อน

“ซื้อแล้วขายทิ้ง แล้วจะไปได้อะไร ในเมื่อมันนัดเจอเธอ งั้นก็ดี พวกเราไปด้วยกัน ฉันจะดูสิ ว่าไอ้เวรนี่มันจะใช้ลูกไม้อะไร!”

ตอนเที่ยง เซียวหยางไปรับเสิ่นอ้าวจุนที่ร้านไซซีบาร์บีคิวก่อน จากนั้นค่อยไปยังที่นัดหมาย

ยี่สิบนาทีผ่านไป ทั้งสองคนก็มาถึงปากทางถนนคนเดิน

ทั้งคู่เดินเข้าไปในถนนคนเดิน พบว่าเฉินเสี่ยวเปียวได้ยืนรออยู่ที่ทางเข้าแล้ว ตอนที่เขาเห็นเซียวหยางแวบแรก ดวงตาทั้งสองข้างก็มีประกายไฟแห่งความเคียดแค้นโผล่ออกมา

แน่นอนว่านอกจากความเคียดแค้นแล้ว ยังมีความหวาดกลัวที่เหมือนฝันร้ายอีกด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ทำให้เขารู้สึกตายทั้งเป็นจริง ๆ

หลังจากที่เขาออกมาแล้ว ก็รีบไปโรงพยาบาลทันที โชคดีที่บาดเจ็บแค่ผิวหนังด้านนอกเท่านั้น ไม่ได้มีโรคอะไรตามมา

ไอ้หมอนี่ ดูท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส แต่เมื่อลงมือขึ้นมา กลับโหดเหี้ยมจริง ๆ ตอนนี้ในท้องของเขายังมีกลิ่นน้ำยาล้างห้องน้ำอยู่เลย

เฉินเสี่ยวเปียวกระตุกมุมปาก พยายามทำท่ายิ้มเล็กน้อย

เซียวหยางเห็นไอ้เวรนี่ ก็เดินเข้าไปหาอย่างคนคุ้นเคยทันที เซียวหยางตบไหล่เขาพลางเอ่ยทักทายอย่างคุ้นเคย :

“เสี่ยวเปียว เจอกันอีกแล้วนะ ไม่เจอกันแค่วันเดียว รู้สึกเหมือนไม่เจอกันมาหลายปีเลย”

เฉินเสี่ยวเปียวหมดคำพูดทันที แม่งมรึงสิ กูไม่อยากเห็นหน้ามึงโว้ย ชั่วชีวิตนี้กูไม่อยากเจอมึงอีกแล้ว

เสิ่นอ้าวจุนกะพริบดวงตาที่แววใสของเธอ แล้วมองเซียวหยางด้วยความไม่เข้าใจ ท่าทีของเขาดูไม่เหมือนกับเมื่อคืนเลยนี่นา เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?

“เสี่ยวเปียว วันนี้แกจะเลี้ยงข้าวพวกเรา มีเรื่องอะไรจะพูดกับเรางั้นเหรอ?” เซียวหยางยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา ดูยังไงก็เหมือนมีมีดซ่อนอยู่ในรอยยิ้มนั้น

อย่างน้อยเฉินเสี่ยวเปียวก็คิดอย่างนี้แล้วกัน แต่เมื่อนึกได้ว่าวันนี้เขามีผู้ช่วยมาด้วย จึงรู้สึกมั่นใจขึ้นมาทันที

“เรียกพวกแกมา หลัก ๆ คือต้องการเจรจา แฮ่กแฮ่ก เจรจาเรื่องบ้าน”

เขาอุตส่าห์เตรียมคำพูดข่มขู่มาทั้งคืน แต่เมื่อเห็นเซียวหยาง กลับอึ้งไปจนพูดไม่ออกสักคำ

เมื่อคืนเซียวหยางทำร้ายเขาเกินไปจริง ๆ ทำร้ายหัวใจที่แสนเปราะบางของเขาอย่างแสนสาหัส เมื่อนึกถึงวิธีการที่โหดเหี้ยมของเซียวหยาง คำพูดข่มขู่ทั้งหมดที่คิดมาก็หายไปจนหมดสิ้น

“เรื่องบ้าน? ไม่ใช่เจรจากันเรียบร้อยแล้วเหรอ แกเซ็นชื่อประทับตราไปแล้ว หรือว่าคิดจะกลับคำ?”

สีหน้าของเซียวหยางมองเขาอย่างไม่เป็นมิตร เฉินเสี่ยวเปียวรีบโบกปัดมือแล้วเอ่ยพูด : “ไม่ ไม่ใช่คิดจะกลับคำ ก็แค่อยากเจรจา เจรจาเฉย ๆ”

“อยากเจรจาใช่ไหม งั้นอย่างน้อยแกก็ต้องแสดงความจริงใจหน่อยสิ จะยืนคุยธุระกันที่นี่หรือไง?”

เฉินเสี่ยวเปียวอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วแอบดูเวลา ลุงเขามีประชุมกะทันหัน ต้องรออีกครึ่งชั่วโมงถึงจะมา ไม่ได้ ต้องจับพวกมันให้อยู่หมัดก่อนแล้วค่อยว่ากัน

“เหอะเหอะ งั้นพวกเราเข้าไปคุยกันด้านใน ครั้งนี้ถือว่าฉันเลี้ยงแล้วกัน”

เซียวหยางเลิกคิ้ว “ก็ดี ชอบความใจกว้างของแกจริง ๆ งั้นแกต้องเลี้ยงพวกเราดี ๆ หน่อยนะ”

“ได้ ได้ ไม่มีปัญหา ฉันจัดการเอง”

เฉินเสี่ยวเปียวคิดดีแล้ว ไว้รอให้ลุงเขามาถึง ปัญหาเรื่องบ้านต้องสามารถแก้ไขได้แน่นอน ถึงตอนนั้นดูสิว่าพวกมันจะร้องไห้กันขนาดไหน เหอะ!

แต่เสียดายเงินในกระเป๋าตัวเองจริง ๆ ต้องมาเลี้ยงมื้อใหญ่พวกมัน แม่งเอ้ย ช่างแม่ง วันนี้ไม่เสียเลือดเลยก็คงจะไม่ได้

เซียวหยางกดแขนเฉินเสี่ยวเปียว แล้วเลี้ยวโค้ง มายังร้านอาหารร้านหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ ตอนที่เห็นป้ายร้านอาหาร เฉินเสี่ยวเปียวก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดีทันที

“ร้านอาหารฝรั่งเวิร์น เครือร้านอาหารระดับไฮเอนด์แห่งเมืองหยินโจว ค่าใช้จ่ายต่ำสุดก็ห้าพันขึ้นไป!”

ไอ้เวรนี่ ต้องการขูดเลือดขูดเนื้อตัวเองชัด ๆ

เมื่อเข้าไปในร้านร้านอาหารฝรั่งเวิร์น เซียวหยางก็กวักมือเรียกพนักงานอย่างเป็นมิตรเพื่อสั่งอาหาร

“เสี่ยวเปียว ในเมื่อแกจริงใจขนาดนี้ พวกเราจะทำให้แกเสียน้ำใจไม่ได้ถูกไหม”

“เหอะเหอะ ใช่ ใช่……” เฉินเสี่ยวเปียวปากตอบตกลง แต่ในใจกลับด่าพ่อล่อแม่

“อ้าวจุน เธอชอบทานอะไร ฉันช่วยเธอสั่งดีไหม?” เซียวหยางเงยหน้ามองเสิ่นอ้าวจุน

“นายสั่งเถอะ ฉันทานอะไรก็ได้”

เซียวหยางนั่งไขว่ห้าง ลูบคางแล้วเอ่ยพูด : “ก็ได้ งั้นฉันสั่งของถูก ๆ มาสักสองสามอย่างแล้วกัน จะให้เสี่ยวเปียวเสียเลือดเสียเนื้อไม่ได้ ไม่งั้นเกรงใจแย่เลย”

เฉินเสี่ยวเปียวดวงตาเป็นประกายขึ้นมา ทันใดนั้นก็รู้สึกสงบจิตสงบใจขึ้นเยอะเลย ดูท่าไอ้หมอนี่ยังมีน้ำใจอยู่บ้าง

แต่ประโยคถัดไปของเซียวหยาง กลับทำให้เฉินเสี่ยวเปียวแทบจะล้มลงไปอยู่ใต้โต๊ะ

“พนักงาน กุ้งมังกรออสเตรเลียหนักถึง 1.5 กิโลกรัมไหม เอามาสามตัวก่อนแล้วกัน”

แม่งเอ้ย มาถึงก็สั่งกุ้งมังกรออสเตรเลียสามตัวเลย เงินห้าพันหายวับไปกับตา

เสิ่นอ้าวจุนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเล็กน้อย เซียวหยางคิดจะทำให้เฉินเสี่ยวเปียวล้มละลายเลยนะเนี่ย

“เนื้อวากิวญี่ปุ่นเอามาให้ผมสองที่ แล้วก็หอยเป๋าฮื้อสามตัวครึ่งกิโลกรัม เอามาสองจานครับ”

เฉินเสี่ยวเปียวปากพะงาบ ๆ เอ่ยพูดออกมาอย่างยากลำบาก : “พอแล้ว พอแล้ว สั่งเยอะเดี๋ยวกินไม่หมดนะ”

“นี่เพิ่งสั่งไปสามอย่างเองจะไปพอได้ยังไงล่ะ วันนี้ถ้าไม่สั่งสักแปดอย่างสิบอย่าง จะเป็นการดูถูกสหายเฉินเสี่ยวเปียวเอาได้ แกว่าฉันพูดถูกไหมล่ะ?”

เฉินเสี่ยวเปียวหัวเราะแห้ง ๆ แต่ก็ไม่กล้าโต้เถียง ทำได้แค่พยักหน้าอย่างจนใจ

“จริงสิ ร้านพวกเธอมีปลิงทะเลใช่ไหม เอาปลิงทะเลมาสักสองสามจาน”

เซียวหยางชี้นิ้วไปมาบนเมนูอาหาร ทุกครั้งที่พูดชื่อเมนูอาหารออกมา หัวใจของเฉินเสี่ยวเปียวก็เหมือนถูกมีดกรีดหนึ่งครั้ง

สุดท้าย เซียวหยางได้สั่งอาหารไปแปดอย่างถึงจะยอมหยุด

ในที่สุดเฉินเสี่ยวเปียวก็ได้ถอนหายใจยาว ๆ อย่างโล่งอก เหงื่อเย็นที่อยู่บนหน้าผากผุดออกมาแล้ว ในที่สุดไอ้เวรนี่ก็สั่งเสร็จสักที

และในขณะนั้นเอง จู่ ๆ เซียวหยางก็ตบขาขึ้นมา

“ไอ้หยา ลืมเรื่องหนึ่งไปเลย!”

เสิ่นอ้าวจุนถามอย่างสงสัย : “ลืมเรื่องอะไรเหรอ?”

“ฉันยังไม่ได้สั่งเครื่องดื่มเลย ออกมาทานข้าวจะไม่ดื่มเหล้าได้ไงล่ะ พนักงาน เอาเมนูเครื่องดื่มมาหน่อย”

เฉินเสี่ยวเปียวกำลังจะดื่มน้ำเปล่าเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่เมื่อเซียวหยางพูดออกมาอย่างนี้ น้ำที่เขาดื่มก็พุ่งออกมาจากปากทันที

แม่งเอ้ย ยังไม่จบไม่สิ้นอีกเหรอ ไอ้เวรนี่คิดจะเอาให้ตัวเองหมดตัวเลยใช่ไหม?

เซียวหยางพูดพลางโบกมือ : “ไม่ต้องแล้ว เครื่องดื่มเอาเป็นโรมาเน กองติ มาหนึ่งขวดแล้วกัน เอาขวดที่ผลิตปี 1989 ราคาสามหมื่นนะ”

พรวด!!!

ในที่สุด เสิ่นอ้าวจุนก็อดไม่ไหวจนหัวเราะออกมา

ส่วนเฉินเสี่ยวเปียว แทบจะหยิบเอามีดและส้อมที่อยู่บนโต๊ะอาหารมาหั่นเซียวหยางออกเป็นชิ้น ๆ

ไวน์ขวดละสามหมื่นหยวน แม้แต่กูยังไม่เคยดื่มเลย อาหารพวกนี้รวมกับไวน์โรมาเน กองติ หนึ่งขวด อย่างน้อยก็หกเจ็ดหมื่นหยวนเลยนะ

เมื่อวานบ้านของตัวเองแม่งเพิ่งขายไปในราคาแค่หกหมื่นหยวน!

ดีจริง ๆ เอาเงินที่ตัวเองขายบ้านได้เมื่อวาน มาเลี้ยงพวกมึงกิน ๆ ดื่ม ๆ จนหมดเลยใช่ไหม?

“ห้ามโกรธ ห้ามโกรธเด็ดขาด ฉันต้องอดทน ต้องอดทนเข้าไว้!”

เฉินเสี่ยวเปียวแอบบอกตัวเองตลอด ว่าให้อดทนเดี๋ยวก็ผ่านพ้นไป ไว้รอลุงมาถึง มีลุงคอยหนุนหลัง ถึงตอนนั้นไอ้สองคนนี่ไม่รอดแน่!

แม่งเอ้ย ยังมีเสิ่นอ้าวจุนอีกคน ไว้รอจัดการเซียวหยางแล้ว จะหาโอกาสไปงัดบ้านของหล่อน จะต้องให้หล่อนได้เห็นความเก่งกาจของสว่านไฟฟ้าที่ไร้เทียมทานของตัวเองแน่นอน!

เพื่อแก้แค้น เฉินเสี่ยวเปียวจึงได้แต่อดทน เหมือนเต่านินจาเลยก็ว่าได้!

ผ่านไปสักพัก อาหารและไวน์ก็ถูกนำมาเสิร์ฟ เซียวหยางเปิดไวน์อย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด แล้วรินไวน์ให้พวกเขาทั้งสองคน

“มา มา ไม่ต้องเกรงใจ ชนแก้ว!”

เซียวหยางยืดคอขึ้น ยกไวน์หนึ่งแก้วดื่มจนหมดในอึกเดียว

เฉินเสี่ยวเปียวมองไวน์ แล้วแทบจะร้องไห้โดยไร้น้ำตา เขาเสียดายของจริง ๆ

ไวน์แก้วนี้ อย่างน้อยก็ราคาสามพันหยวน

นี่เรียกว่าดื่มไวน์ที่ไหนกันล่ะ นี่กำลังดื่มเลือดของเขาอยู่ชัด ๆ!