บทที่ 100 คุณแม่เขิน

“พึ่งตระกูลกู้ไม่ได้? นี่แกหมายถึงเราพึ่งตระกูลเซียวได้หรือยังไง? ตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลเซียวก็ไม่ต่างอะไรจากเรา ไม่น่าตกใจเลยสักนิด!”ฝู้ชูเหมยบ่นขึ้น

เจียงหนิงเอ๋อดึงข้อศอกฝู้ชูเหมยเอาไว้ แล้วอธิบาย “แม่ แม่ลองคิดดูดีๆนะ ยังไงพวกเราก็ไม่มีทางชนะลี่จุนถิงอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ทำได้แค่นั่งมองเจียงหนิงเอ๋อแต่งงานเข้าไปอยู่ในตระกูลลี่ ถ้าเกิดว่าไม่ขวางเอาไว้ ต่อจากนี้มันไม่มีทางปล่อยพวกเราไปแน่!”

ฝู้ชูเหมยหรี่ตาเบาๆ เงียบไปพักใหญ่แล้วพูดขึ้น “แล้วความหมายของแกคือ? แต่ว่าต่อให้เป็นตระกูลเซียว ก็ไม่มีทางทำอะไรลี่จุนถิงได้หรอก ครั้งก่อนคนพวกนั้นของตระกูลเซียวกลัวลี่จุนถิงขนาดไหน ไม่ใช่ว่าแกไม่เห็น!”

“ไม่ หนูกลับคิดว่าเซียวอี้เฟิงจะเป็นคนที่สามารถล้มลี่จุนถิงได้ นี่แม่คิดว่าหนูไม่มีสมองขนาดนั้นเลยเหรอ?” ริมฝีปากของเจียงหนิงเอ๋อมีรอยยิ้มมีเลศนัยออกมา

ฝู้ชูเหมยมองเธอแววตากึ่งเชื่อกึ่งสงสัย แต่ว่าความโกรธทั้งหมดที่มีอยู่ในใจได้ถูกดับลงมาเรียบร้อยแล้ว

“แต่ว่า ตอนนี้ตระกูลกู้ยังต้องการเงินชดใช้จากเราอยู่นะ แถมยังสั่งให้ลูกไปทำแท้งอีก” อยู่ๆฝู้ชูเหมยก็คิดเรื่องอื่นออกอีก แล้วรีบพูดเสริม

เจียงหนิงเอ๋อหัวเราะหยัน แล้วพูดขึ้น “เหอะ กู้ลั่วจิ่นผู้ชายน่าโง่คนนั้นเชื่อจริงๆเหรอ? หนูจะไปท้องลูกของเขาได้ยังไง? หนูก็แค่พูดไปมั่วๆก็เท่านั้น”

ฝู้ชูเหมยจ้องเธอด้วยความไม่พอใจ “ไม่ใช่เพราะว่าแกปากเสีย อยากจะใช้เด็กเป็นตัวควบคุมเขาหรือไง?”

ได้ฟัง เจียงหนิงเอ๋อก็ยักไหล่แบบขอไปที “ก็ไม่ใช่เพราะหนูอยากจะทำให้เจียงหยุนเอ๋อโมโหจนอกแตกตายหรือยังไง? ชดใช้ก็ชดใช้สิ ยังไงต่อไปได้เกาะขาตระกูลเซียวพวกเราก็ไม่มีทางเงินขาดมืออยู่แล้ว แม่จะขี้เหนียวไปทำไม”

หลังจากที่ถูกลี่จุนถิงช่วยกลับมาในวันนั้น เวลาก็ไปตั้งสี่วันแล้ว

เจียงหยุนเอ๋อก็นอนโง่ๆมาสี่วันแล้วเหมือนกัน ก็แค่ทุกๆครั้งที่นึกถึงตอนที่ตัวเองเกือบจะตกลงไปในถ้ำเสือ ในใจของเธอก็ตกใจขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

ไม่กล้าจินตนาการเลยจริงๆ ว่าถ้าเกิดลี่จุนถิงมาไม่ทันเวลา ตัวเธอเองจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

สีหน้าของเจียงหยุนเอ๋ององ้ำดูไม่ได้ แค่คิดว่าตัวเองโดนคำพูดคำจาอ่อนหวานของพ่อแท้ๆหว่านล้อมแล้วถูกขายให้กับตระกูลเซียว อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่นแล้วยิ้มหยัน

เจียงหยุนเอ๋อฝันร้ายติดๆกันมาหลายคืน กลางดึกมักจะตื่นมาในสภาพเหงื่อท่วมตัว เธอหอบหายใจแรง ภายในใจก็เต็มไปด้วยความกลัวจนต้องกำผ้านวมเอาไว้แน่น

“เขานี่มันช่างเป็นพ่อที่ดีจริงๆ ช่วยคนอื่นจัดการลูกสาวแท้ๆของตัวเอง มีแค่เจียงหนิงเอ๋อหรือไงที่มีค่าพอจะได้รับความรักความเป็นห่วงจากเขา?” เธอตัดพ้ออยู่ในใจ เธอนี่มันโง่จริงๆ ยังกล้าที่จะตั้งความหวังกับคนที่เป็นพ่อได้ล้มเหลวขนาดนั้นอีก

เช้าวันถัดไป เจียงหยุนเอ๋อที่จัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ดีแล้วก็ออกมาซื้อผลไม้ที่ร้านค้า แล้วก็รีบไปหาแม่ที่โรงพยาบาลต่อ

“หยุนเอ๋อ สีหน้าของลูกดูไม่ค่อยดีเลยนะ ช่วงนี้เหนื่อยเกินไปหรือเปล่า?” ซูม่านลีมองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่น แล้วตบบ่าเธอด้วยความเป็นห่วง

“แม่ ไม่ต้องห่วงนะ หนูไม่ได้เป็นอะไร” เจียงหยุนเอ๋อส่งแอปเปิลที่ถูกปอกเรียบร้อยส่งให้กับซูม่านลี

เพื่อไม่ให้เธอเป็นห่วง เจียงหยุนเอ๋อยังพยายามฝืนยิ้มให้เธออีกด้วย ใบหน้าขาวผลิยิ้ม ทำให้คนที่มองใจอ่อน

ซูม่านลีถอนหายใจครั้งหนึ่ง “เด็กคนนี้ ไม่รู้จักรักตัวเองบ้างเสียเลย ตอนนี้แม่ดูแลลูกไม่ได้พ่อลูกยัง….” พอพูดถึงตรงนี้เธอก็ส่ายหน้า แล้วก็ถอนหายใจและขมวดคิ้ว

บรรยากาศในห้องอึดอัดขึ้นมาในทันที แค่เจียงหยุนเอ๋อคิดถึงเรื่องทั้งหมดที่เจียงเย่เฉิงทำลงไป สีหน้าก็ถึงกับเย็นชาและอึมครึมลงไปทันที

ซูม่านลีชะงักไปเล็กน้อย “แม่รู้ว่าลูกเกลียดเขา แต่ว่าเขา…ลูกอย่าทะเลาะกันเพราะว่าแม่เลยนะ”

เจียงหยุนเอ๋อลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปที่ริมหน้าต่าง ลมเย็นๆทำให้ความรู้สึกโกรธแค้นของเธอเบาบางมากขึ้น เห็นแค่เธอถอนหายใจเบาๆ ดวงตาของเธอมองมา “แม่ หนูกับเขาไม่มีความสัมพันธ์พ่อลูกอีกแล้ว”

ซูม่านลีนิ่งไป เหมือนกับว่ามีเรื่องที่อะไรที่อยากจะถาม แต่กลับโดนคำพูดไม่กี่คำของเจียงหยุนเอ๋อแทรกพอดี

ตอนนี้เธอยังไม่บอกเรื่องราวต่างๆให้แม่ฟัง พูดเยอะไปก็ไม่มีประโยชน์ จะเป็นเครียดไปเสียเปล่าๆ

“แม่ แม่ต้องพักผ่อนให้มากๆ อย่ามัวแต่คิดมากรู้ไหม?” แม้แต่ตอนที่ก่อนจะกลับเจียงหยุนเอ๋อยังสั่งย้ำๆ ซูม่านลีเลยได้แต่พยักหน้า

เด็กคนนี้ โตแล้วสินะ…….

ในตอนที่ปิดประตูห้อง รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงหยุนเอ๋อก็หายไปในทันที แววตาวาววับ เธอเขย่งเท้าแอบมองผ่านกระจกตรงประตูห้อง เห็นว่าซูม่านลียังคงนอนอยู่ถึงได้หมุนตัวแล้วก็เดินออกไป

ตอนนั้นแม่ยอมทำเพื่อไอ้คนชั่วเจียงเย่เฉิงไปตั้งมากมาย สุดท้ายสิ่งที่ได้มาคืออะไร?

ถูกทิ้งอย่างไม่ไยดี โดนปล่อยทิ้งเอาไว้ให้อยู่อย่างอ่อนแอ

ตอนนี้ก็เลยเปลี่ยนมาเป็นตัวเองแทน เจียงหยุนเอ๋อสูดลมหายใจเข้าออกลึก แล้วยิ้มหยัน

พูดตามตรง ตัวเองไม่ได้สนใจเรื่องสิทธิ์รับมรดกนั่นเลย แต่พอผ่านเรื่องนี้มา เธอกลับไม่อยากจะปล่อยไปแล้ว คู่แม่ลูกเจียงหนิงเอ๋อไม่ใช่ว่าคิดอยากจะได้ก็ได้เหรอ?

แล้วถ้าเธออยากได้อำนาจนั้นมาไว้ครอง ต่อให้ต้องขายบริษัท ก็ไม่มีทางปล่อยให้พวกเขาได้ไปง่ายๆ

ตอนนี้ที่เจียงหยุนเอ๋อเปิดประตูบ้านกลับเข้ามา ก็พบว่ามีเงาของร่างเล็กๆหนึ่งร่างกับร่างใหญ่อีกหนึ่งร่างนั่งคุยเรื่องเกมกันอยู่

ได้ยินเสียง ถวนจื่อก็เงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตายิ้มๆ “แม่ กลับมาแล้วเหรอครับ”

มือของลี่จุนถิงหยุดนิ่ง เงยหน้า ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนมองไปที่ใครบางคน เขายกยิ้มบางๆ “ยืนอยู่ทำไมกันล่ะ? ยังไม่รีบมาอีก?”

ใจของเจียงหยุนเอ๋อเหมือนกับว่าโดนรีดจนเรียบ เลิกขมวดคิ้ว แล้วหัวเราะขึ้นอย่างไร้เสียง คงเป็นร่างเล็กกับร่างใหญ่ตรงหน้านี้ละมั้งที่เป็นยารักษาของเธอ

เห็นว่าการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศกำลังจะเริ่มขึ้น ในใจของเจียงหยุนเอ๋อก็ลุ้นอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะมองไม่ออก

เขาลูบหัวของถวนจื่อเบาๆ เสร็จแล้วก็วางจอยเกมส์เอาไว้แล้วเดินออกมา ในตอนที่ใครบางคนยังไม่ทันจะตั้งตัว ก็ดึงเข้ามากอดในทันที

“แม่ เขินๆๆ” เสียงหัวเราะซนๆของถวนจื่อ ทำให้ใบหน้าของเจียงหยุนเอ๋อแดงแจ๋ แล้วทุบลงไปบนอกของลี่จุนถิงเบาๆ ลมหายใจถี่ “คุณ ทำอะไรคะ เด็กยังอยู่อยู่เลยนะ”

ลี่จุนถิงเลิกคิ้ว แววตาเต็มไปด้วยความรัก “ไม่กี่วันมานี้คุณไม่ได้พักผ่อนดีๆสักวัน พวกเราออกไปเดินเล่นกันหน่อยเป็นไง?”

เจียงหยุนเอ๋อนิ่งไปเล็กน้อย แล้วก็ยิ้มบางๆแล้วพยักหน้า

……

ที่สนามบินหลังจากที่ลี่จุนถิงรับตัวโม่เสี่ยวฮุ่ยแล้ว แววตาก็มีประกายของคนที่กำลังมีแผนการ เธอจับมือของโม่เสี่ยวฮุ่ยเอาไว้หลวมๆ แล้วทำท่าทางกัดปากด้วยความลังเล “พี่สะใภ้ ในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว ช่วงนี้ที่พี่ไม่อยู่ มีเรื่องราวใหญ่โตเกิดขึ้นเยอะแยะไปหมด จุนถิงเขา…..เห้อ…..”

ได้ยินเรื่องที่เกี่ยวกับลูกชายสุดที่รักแววตาของโม่เสี่ยวฮุ่ยก็เปลี่ยนไป “ทำไมถึงพูดจาอ้ำๆอึ้งๆอยู่ได้ จุนถิงเป็นอะไร?