บทที่ 101 นังจิ้งจอกตัวนั้นมันอะไรกัน
ลี่จีถองถอนใจเบาๆ “พูดไป เธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะได้หลาน”
“คำพูดของเธอหมายความว่าอย่างไร ทำไมฉันถึงไม่เข้าใจ”
ลี่จีถองเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ ต่อจากนั้นก็หัวเราะ “ดูท่าทางจุนถิงตอนนี้ยังไม่กล้าบอกเธอ ระยะนี้เขาหลงผู้หญิงคนหนึ่งหัวปักหัวปำ แม้ผู้หญิงคนนั้นเอาตัวภาระมาด้วย ก็ยังทั้งรักทั้งปกป้องด้วย จุ๊ จุ๊ จุ๊…แม้แต่น้องสามีของฉันก็ไม่กล้าเอาความนังจิ้งจอกคนนั้นต่อหน้าจุนถิง”
ทันใดนั้นโม่เสี่ยวฮุ่ยก็หยุดเดิน นัยน์ตาลึกซึ้งกวาดมา ทำท่าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มเพียงแต่เปล่งเสียงออกมา “โอ” เสียงในลำคอราวกับเป็นใบ้ เห็นเพียงแต่สายตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง แสดงถึงอาการโกรธอย่างเห็นได้ชัด
ลี่จีถองใจตกลงไปที่ตาตุ่ม ก็จะพูดเว่อร์เกินไปหน่อย
เมื่อเธอพาโม่เสี่ยวฮุ่ยกลับมาบ้านตระกูลลี่ สีหน้าดูไม่ได้
“คุณ…คุณนาย”
คนรับใช้เปิดประตูออกมาเห็นโม่เสี่ยวฮุ่ยเข้าก็ตกใจขวัญหนี ลี่จีถองกลับเงยหน้าอย่างภูมิใจถามว่า “ผู้หญิงคนนั้นล่ะ”
คนรับใช้รู้สึกราวกับชาไปทั้งตัว “คุณ…คุณผู้ชายพาพวกเขาไปเที่ยวในเมืองแล้วค่ะ”
“ไปเที่ยวแล้วเหรอ”
โม่เสี่ยวฮุ่ยยิ้มอย่างเย็นชา แล้วเดินเข้าไปในบ้านด้วยรองเท้าบูทส้นสูง ลี่จีถองก็กุลีกุจอตามเข้าไป เมื่อมาถึงห้องนอนชั้นสองเธอหรี่ตาลงเล็กน้อยการจัดวางห้องต่างจากเมื่อก่อนนิดหน่อย นอกจากนี้ยังมีโต๊ะเครื่องแป้งสีขาวแกะสลักรูปดอกไม้วางไว้ติดกับตู้ เมื่อเปิดตู้ออกมา ข้างในเต็มไปด้วยเสื้อผ้าผู้หญิงและของใช้สำหรับเด็ก
โม่เสี่ยวฮุ่ยถอนหายใจด้วยความโกรธ กัดฟันกรอด “ดี…ดีมาก”
ลี่จีถองชำเลืองมอง เบะปากเหน็บแนม “เสื้อผ้าพวกนี้เป็นของแบรนด์เนมทั้งนั้น หลานชายตัวดีของฉันก็รู้วิธีที่ทำให้คนอื่นรู้สึกเสียใจเสียจริงๆ ”
โม่เสี่ยวฮุ่ยกำหมัดแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ “ใครก็ได้ จัดการข้าวของที่เน่าเฟะของผู้หญิงคนนี้ไปไว้ในโกดัง”
……
ส้งหวั่นหวั่นสร้างความประทับใจต่อหน้าลี่จีถองหลายต่อหลายครั้งถึงขั้นสร้างความปลาบปลื้มให้กับลี่จีถองได้ ไปๆมาๆความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็สนิทกันไม่น้อยแม้จะเรียกเธอว่าน้าก็ไม่ถือสา
ความสัมพันธ์อันดีดังกล่าวย่อมเป็นผลดีสำหรับส้งหวั่นหวั่นไม่น้อยเป็นธรรมดา เพียงเพื่อบรรลุเป้าหมาย ความจริงยังขาดอยู่ไม่น้อย
วันนี้เมื่อได้มานั่งคุยกับลี่จีถองที่ร้านกาแฟ ส้งหวั่นหวั่นหยิบเครื่องสำอางชุดหนึ่งออกมาจากกระเป๋า
ดวงตาของลี่จีถองเป็นประกายขึ้นและนิ้วที่ทาด้วยยาทาเล็บสีแดงของเธอเคาะเบาๆ บนกล่องด้วยความมั่นใจ “หวั่นหวั่นเธอจะมอบเป็นของขวัญให้น้าเหรอ”
ส้งหวั่นหวั่นมองความหมายที่ลึกซึ้งภายใต้ดวงตาคู่นั้นออก หัวใจที่เย็นชา แต่กลับแสดงด้วยอาการยิ้มแย้มพร้อมพยักหน้า “อาก็เข้าใจความหมายของหวั่นหวั่น QUEชุดนี้เป็นรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นที่เพิ่งวางจำหน่ายในปีนี้และมีเพียง30ชุดทั่วโลกเท่านั้น การจะหาซื้อมาได้ต้องใช้ความพยายามไม่น้อยเลย”
เธอแกะกล่องของขวัญอย่างตั้งใจ ยื่นให้กับน้า “คุณน้าชอบมั้ยคะ”
ลี่จีถองคิดหนักเมื่อเห็นว่าเธอเปลืองแรงไปมากเช่นนี้ลี่จีถอง จึงจับมันไว้ในมือของเธอและมองไปที่มันอย่างไม่เต็มใจพยักหน้าอย่างตะกละตะกลาม “คอลเล็กชั่น QUE นี้ฉันให้คนไปซื้อก็ยังซื้อมาไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าเธอจะมีน้ำจิตน้ำใจ ฉันดูคนไม่ผิดจริงๆ ”
ส้งหวั่นหวั่นตาเป็นประกายเล็กน้อย ยิ้มอย่างถ่อมตัว
เธอรู้ดีกว่าใคร ลี่จีถองไม่ได้ขาดแคลนเงิน แต่ขาดต้นทุนในการต่อรอง ผู้หญิงเช่นนี้ เกียรติอันจอมปลอมสำคัญยิ่งกว่าอะไร
ส้งหวั่นหวั่นอดไม่ได้ที่จะดูถูกเธออยู่ แต่วาจาที่พูดออกจากปากกลับราวกับย้อมด้วยน้ำผึ้ง ทำเอาลี่จีถองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
ลี่จีถองยั้งไว้เล็กน้อย ส้งหวั่นหวั่นโบกไม้โบกมือ จูงมือเธออย่างสนิทชิดเชื้อ ดวงตาของเขาเงยหน้าขึ้นอย่างแผ่วเบาทำให้รอยยิ้มของส้งหวั่นหวั่นแข็งขึ้นเล็กน้อย
“ฉันรู้ว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่”
ได้ยินดังนั้น ส้งหวั่นหวั่นตะลึง พูดไม่ออกอยู่ชั่วขณะ
“แต่ว่าความจริงผู้หญิงอย่างเธอ ยังดีกว่านังจิ้งจอกเจ้าเล่ห์คนนั้นตั้งเยอะ ทั้งพูดเก่งแถมยังให้ความรู้สึกเป็นมิตร ใบหน้าของเธอยังเข้ากับ”
ส้งหวั่นหวั่นตัวแข็งทื่อ ขมวดคิ้วระงับอารมณ์และคำพูด พยายามเพิกเฉยความรู้สึกไม่สบายใจ
“แต่ว่า…ในใจของจุนถิงมีเพียง…. ”
“นังจิ้งจอกตัวนั้นจะแค่ไหนกันเชียว” ลี่จีถอง สบถเสียงเย็น ขัดคำพูดของเธอ
“คุณวางใจได้ เธอจะมีความสุขแบบนี้ได้ไม่นานหรอก”
ส้งหวั่นหวั่นปิดปากเงียบ ไม่ได้ตอบปากรับคำ สีหน้าค่อยๆ คลายความโศกเศร้า
ข่าวลือที่กำลังแพร่สะพัดไปทั่วขณะนี้คือเรื่องของลี่จุนถิงแห่งตระกูลลี่ซึ่งเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ไม่ลังเลที่จะหักหน้าตระกูลเซียว เพียงเพื่อผู้หญิงคนเดียว เมื่อได้ยินเรื่องเช่นนี้ส้งหวั่นหวั่นกลับรู้สึกกลัวขึ้นมา เธอเกรงว่าเขาจะเป็นอย่างนั้นจริงๆ จนเธอไม่มีโอกาสแม้แต่น้อย
ดังนั้นระยะนี้เธอจึงนัดให้ลี่จีถองมาพบอยู่บ่อยๆ ถามข่าวคราวอย่างอ้อมค้อม กระทั่งจู่ๆ โม่เสี่ยวฮุ่ยเดินทางกลับประเทศอย่างกะทันหันโดยที่ไม่รู้ตัว ก็เป็นเพราะส้งหวั่นหวั่นคอยเติมเชื้อเพลิงยุแยงอยู่นั่นเอง แต่คนโง่อย่างลี่จีถองถูกคนอื่นหลอกใช้ยังภาคภูมิใจอยู่
ต้องบอกเลยว่าส้งหวั่นหวั่นเป็นผู้หญิงที่มีความคิดลึกซึ้งคนหนึ่ง
และแผนการรอบคอบนี้ของเธอเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
ส้งหวั่นหวั่นเลิกคิ้วอย่างมีความหมายและมองเพ่งไปที่ลี่จีถองมองไปยังร่างผอมเพรียวอยู่ข้างหลังเธอท่าทีสบายใจ เธอก็ยิ้มน้อยๆ
“โอ้” น้ำเสียงประหลาดใจ ลี่จีถองไม่ทันระวัง จู่ๆ ก็ถูกชายที่เดินมาข้างหลังกระแทกเข้าที่ข้อศอกของเธอ ขณะนั้นเธอโกรธเล็กน้อยและลุกขึ้นยืน เมื่อเธอหันกลับมาและกำลังคิดที่จะด่า ก็ตกใจกับใบหน้าหล่อเหลาของชายคนนั้น
ลี่จีถองตาเป็นประกาย ใบหน้าแดงและงุนงงราวกับสงสัยอะไรบางอย่าง “คุณ…คุณคืออวิ๋นเจิ้งซีที่ถูกเลือกในงานประกวดเมื่อเร็วๆ นี้ใช่มั้ยคะ”
ส้งหวั่นหวั่นมองตาเธอ เหยื่อติดเบ็ดแล้ว กระแอมเล็กน้อย ยิ้มตอบ “คุณน้าพูดถูกแล้วเขานั่นและค่ะ ทำไมนายเพิ่งจะมาเอาป่านนี้”
อวิ๋นเจิ้งซีกล่าวคำขอโทษด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล จากนั้นเขาก็ถอดหมวกและเลิกคิ้วและพูดว่า “รถติดผมเลยมาสาย”
ลี่จีถองหน้าแดง แกล้งถามเรียบๆ “หวั่นหวั่น เพื่อนของเธอหรอกเหรอ”
ส้งหวั่นหวั่นเงยหน้าขึ้นมองเธอทำทียิ้มแย้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้มออกมา พยักหน้าตั้งใจล้อเล่น “อวิ๋นเจิ้งซี คุณยังไม่มีแฟนใช่มั้ย คุณผู้หญิงข้างคุณเป็นอย่างไรบ้าง”
ลี่จีถองหน้าแดงขัดขึ้นมาปราม “เธออย่าพูดเหลวไหลสิ” ทันใดนั้นอวิ๋นเจิ้งซี เหลือบมองไปที่ลี่จีถองดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “สวยครับ”
ชั่วครู่บรรยากาศก็อบอุ่นขึ้นมา
ทั้งสามคนนั่งไปสักพักส้งหวั่นหวั่นก็ใช้ข้ออ้างไปเข้าห้องน้ำทิ้งให้ลี่จีถองและอวิ๋นเจิ้งซีอยู่กันตามลำพัง ลี่จีถองที่ลุกลี้ลุกลนไม่ได้สังเกตเห็นความหมายที่ลึกซึ้งของการพบกันระหว่างส้งหวั่นหวั่นและอวิ๋นเจิ้งซี
อวิ๋นเจิ้งซี นายอย่าทำให้ฉันผิดหวังแล้วกัน
หลังจากนั้นยี่สิบนาที ส้งหวั่นหวั่นเดินกลับมาอย่างไม่รีบร้อน ที่โต๊ะมีเพียงลี่จีถองคนเดียว เธอกัดที่มุมปาก แกล้งถามว่า “คุณน้า อวิ๋นเจิ้งซีล่ะคะ”