บทที่102 ผมไม่มีวันปฏิเสธคุณ
ลี่จีถองเรียกสติกลับคืนมา กุลีกุจอวางของ ส้งหวั่นหวั่นมองท่าทีของเธอ หัวเราะแบบไม่มีเสียง
“เขาบอกว่ามีธุระ ขอตัวกลับก่อน หวั่นหวั่นนั่งลงก่อนสิ บอกฉันมา เธอรู้จักเขาได้อย่างไร”
ส้งหวั่นหวั่นกลอกตามองลี่จีถอง ฉีกยิ้มกว้างอย่างร่าเริง “คุณน้าสนใจเขาเหรอคะ”
ลี่จีถองกลับไม่มีท่าทีเขินอาย พูดยกย่องยกใหญ่ เธอแน่ใจได้ในทันทีว่า เหยื่อติดกับแล้ว
โดยปกติลี่จีถองมักจะวางมาดสูงศักดิ์อยู่เหนือผู้ใด แต่สเปคของเธอกลับชอบผู้ชายสายวรรณกรรม แต่อวิ๋นเจิ้งซีเป็นหมากที่หามาล่อเธอ แล้วจะผิดหวังได้อย่างไรล่ะ
เมื่อได้ช่องทางการติดต่อของเขาจากส้งหวั่นหวั่น ลี่จีถองพอใจเป็นอย่างยิ่งและบอกลาเธอ เมื่อเห็นว่าเธอขึ้นแท็กซี่เรียบร้อยแล้ว ส้งหวั่นหวั่นก็ยิ้มเยาะและหันหลังไปร้านกาแฟอีกแห่ง
เมื่อมาถึงสถานที่ที่ตกลงกันไว้ อวิ๋นเจิ้งซีกำลังเฝ้ามองส้งหวั่นหวั่นที่เดินมาอย่างช้าๆ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่สนิทสนม
“วันนี้นายทำได้ดีมากเธอติดเบ็ดแล้ว”
เขาชะงักดวงตาสะท้อนถึงความผิดหวัง เยาะเย้ยด้วยความหงุดหงิด “คุณไม่มีอะไรจะพูดกับผมอีกแล้วเหรอ“
อวิ๋นเจิ้งซี ฉันยังยืนยันคำเดิม ทางที่ดีนายไม่ต้องคาดหวังอะไรจากฉัน นายก็รู้ว่าฉันต้องการอะไร ถ้าครั้งนี้ทำสำเร็จ ฉันจะตอบแทนนายอย่างงามตามที่เราตกลงกันไว้
เขายิ้มอย่างขมขื่น ค่อนข้างไม่เต็มใจ “คุณก็รู้ว่าผมไม่มีทางปฏิเสธคุณได้ แต่คุณไตร่ตรองดีแล้วใช่มั้ย”
คิ้วได้รูปของส้งหวั่นหวั่นยกขึ้นเล็กน้อย สายตาเย็นชา “ฉันชัดเจนมาตลอด นายทำเรื่องของนายให้ดีก็พอ อวิ๋นเจิ้งซีนายตอบรับฉันแล้วนะ”
“ผมจะทำสุดความสามารถ”
ส้งหวั่นหวั่นใจชื้นขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีความจริงใจเล็กน้อยในสายตาของเขา
……
ไม่กี่วันต่อมา ถวนจื่อสามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศระดับจังหวัดได้สำเร็จด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมแม้ว่าเขาจะตื่นเต้นมากกับผลการแข่งขัน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่แปลกใจสักเท่าใด
“หม่ามี้ ผมว่าแล้วการแข่งขันเล็ก ๆ แบบนี้ผมไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน ตอนนี้ผมเข้ามาในรอบชิงชนะเลิศ ก่อนหน้านี้หม่ามี้ยังเคยเป็นห่วงผมมาก” ถวนจื่อพูดกับเจียงหยุนเอ๋อ ด้วยสีหน้าทะเล้นและยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ
เจียงหยุนเอ๋อมองไปที่ถวนจื่ออย่างเอือมระอา เอื้อมมือออกไปแตะศีรษะของเขาและมองดูท่าทางพึงพอใจในตนเองของเขาอยู่สักครู่
“ถวนจื่อ ทำไมถึงมั่นใจขนาดนี้ล่ะ”
ถวนจื่อยืดอกของเขาขึ้นและพูดอย่างมีชัยว่า “คนที่เข้าแข่งขันในรอบนี้ ผมเจอมาแล้วแทบทั้งนั้นการแข่งขันออนไลน์คราวก่อน ดังนั้นรอบชิงชนะเลิศครั้งนี้ ผมมั่นใจว่าจะชนะเเน่”
ได้ยินเช่นนั้น เจียงหยุนเอ๋อไม่รู้ว่าจะมีดีใจกับความมั่นใจในตนเองของถวนจื่อดีหรือไม่ จึงทำได้เพียงแต่หวังลึกๆ ว่าถวนจื่อจะประสบความสำเร็จในการแข่งขันครั้งนี้
หลังจากนั้นไม่กี่วันรอบชิงชนะเลิศระดับจังหวัดก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ลี่จุนถิงยกเลิกงานทั้งหมดเจียงหยุนเอ๋อพร้อมด้วยถวนจื่อไปยังสถานที่จัดการแข่งขัน
แม้ว่าวันนี้จะต้องใช้เวลาหนึ่งวันแถมยังต้องลางาน เพื่อไปกับถวนจื่อ แต่เจียงหยุนเอ๋อก็ยังเอาเอกสารไว้ในรถเพื่อที่เขาจะได้จัดการเรื่องบางอย่างระหว่างทาง
ลี่จุนถิงมองผ่านกระจกไปที่เจียงหยุนเอ๋อ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเธอมีนิสัยบ้างานมานาน แต่เขาก็ยังรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อเห็นความกระตือรือร้นในการทำงานของเธอ
“หยุนเอ๋อเดี๋ยวตอนที่ไปถึงที่นั่นคงจะไม่ทำงานแล้วไม่สนใจดูการแข่งขันของผมหรอกนะ” ถวนจื่อโน้มตัวเข้าไปใกล้เจียงหยุนเอ๋อ และมองไปที่เอกสารที่อัดแน่นไปด้วยตัวอักษร สมองของเขามึนตึ๊บ ไม่รู้จริงๆ ว่าเธออ่านเข้าไปได้อย่างไร
เจียงหยุนเอ๋อยิ้มให้ถวนจื่อและพูดว่า “ตอนนี้จัดการงานให้เสร็จเรียบร้อย อีกเดี๋ยวก็สามารถดูการแข่งขันของลูกได้อย่างตั้งใจไงครับ”
ไม่นานก็มาถึงสถานที่จัดการแข่งขัน เจียงหยุนเอ๋อก็เก็บเอกสารทั้งหมดลงในกระเป๋าตามที่เธอบอก เพื่อไม่ให้งานของเธอส่งผลต่อการดูการแข่งขันของถวนจื่อ
ผู้เข้าแข่งขันหลายคนได้นั่งในประจำตำแหน่งของตัวเองเรียบร้อยแล้วและเจียงหยุนเอ๋อ ยังคงรู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อมองไปที่ท่าทางแข็งแกร่งของถวนจื่อ
แม้ว่าถวนจื่อจะมั่นใจในตัวเอง แต่ในฐานะคนเป็นแม่ก็อดไม่ได้ที่กังวล
การแข่งขันดำเนินการไปอย่างดุเดือด ในท้ายที่สุดถวนจื่อ ได้รับรางวัลที่สอง โดยอันดับหนึ่งเป็นสาวอัจฉริยะซึ่งเธอเคยประลองกับ ถวนจื่อมาก่อน แม้ว่าถวนจื่อจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของเธอ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าแต่อย่างใด ไม่คาดคิดว่าเขายังคงแพ้ในครั้งนี้
อย่างไรก็ตามถวนจื่อมองว่าฝีมือของเธอเหนือกว่าตัวเขาเองมาก และการรับมือในการจัดวางตำแหน่งก็ทำได้ดีมาก ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จะพ่ายแพ้ในการแข่งขัน
เด็กผู้หญิงคนนั้นแสดงท่าทีอันเป็นมิตรแก่ถวนจื่อ เมื่อสิ้นสุดการมอบรางวัลยังเดินเข้ามาโอบเขาหนึ่งครั้ง “ครั้งนี้นายเดิมเกมผิด ไม่อย่างนั้นฉันก็คงไม่ชนะ ครั้งหน้าถ้ามีโอกาสค่อยมาเล่นเกมด้วยกันนะ”
ใบหน้าของถวนจื่อแดงเล็กน้อย พยักหน้าในทันที กล่าวเสียงเบาๆ “อืม ไม่มีปัญหา”
เขาดูเหมือนคนที่ไม่กลัวอะไรมาโดยตลอดและเป็นเรื่องยากที่จะแสดงออกเช่นนี้ มันดูไม่เหมือนกับเขาเลย
หลังการแข่งขัน คนทั้งสองตระกูลร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน
เมื่อเห็นการแสดงออกที่เป็นมิตรของเด็กสาว เจียงหยุนเอ๋อก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างโล่งใจ ตอนนี้ … ถวนจื่อมีเพื่อนมากขึ้นเรื่อย ๆ สายตาของเธอแสดงออกถึงความยินดีกับถวนจื่อ
เธอตระหนักได้แจ่มแจ้งว่าถวนจื่อชอบเด็กผู้หญิงคนนี้มาก หลังจากที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เธอจึงขอช่องทางการติดต่อกับผู้ปกครองของเด็กสาวและบอกว่าถ้ามีโอกาสจะพาเธอเด็กสองคนจะเล่นด้วยกัน
หลังจากได้ยินพวกเขาคุยกันจบ ดวงตาของถวนจื่อก็มีประกายขึ้นมาราวกับกำลังดีใจอย่างยิ่งยวด
ในระหว่างการสนทนากับครอบครัวนั้น เจียงหยุนเอ๋อยังรู้สึกได้ว่าคำพูดคำจาของอีกฝ่ายนั้นดีมากและทราบในภายหลังว่าพวกเขามาจากครอบครัวนักวิชาการ
ถวนจื่อยังคงเล่นกับเด็กผู้หญิงและใบหน้าของเขาแดงเป็นระยะ ๆ เพราะการเย้าแหย่ของเด็กผู้หญิง แม้ว่าเด็กหญิงจะยังเด็ก แต่เธอก็ไม่ได้มีลูกเล่นอะไรและดูน่ารักมาก
โดยเฉพาะดวงตากลมโตคู่นั้น กะพริบตาแล้วราวกับตุ๊กตาทำเอาถวนจื่อแทบไม่สามารถละสายตาจากเธอได้
“ถูกต้องแล้ว” หลังจากที่ทั้งสองเล่นเกมแล้วเด็กสาวก็หยิบเครื่องรางออกจากแขนของเธอและส่งให้ถวนจื่อ “ถวนจื่อนี่คือเครื่องรางที่ฉันพกติดตัวมาโดยตลอดฉันจะให้นาย”
ถวนจื่อหยิบเครื่องรางด้วยความประหลาดใจยื่นมือออกมาและเกาหัวของเขาใบหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง
เขาก็ต้องการให้ของขวัญแก่เด็กสาวด้วย แต่เขาไม่ได้คิดว่าจะนำอะไรติดตัวเมื่อเขาออกไปข้างนอกหลังจากใคร่ครวญอยู่สักพัก เขาก็หยิบจี้หยกที่เจียงหยุนเอ๋อมอบให้เขาก่อนหน้านี้และส่งให้เธอ
“นี่ฉันให้เธอเก็บมันให้ดีล่ะ” ถวนจื่อกล่าวครั้งแล้วครั้งเล่า
เดิมทีเจียงหยุนเอ๋อขอให้เขาเก็บจี้หยกนี้ให้ดี ตอนนี้เขามอบจี้หยกกับคนอื่นแล้วเขาก็กำชับให้เธอเก็บไว้ให้ดีด้วย