มาร์นี่•วิลฟ์ยืนอยู่หน้ารถขนสินค้า ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดอย่างมากขณะที่เขามองไปทางเมืองเริ่มต้น

“ให้ตายเถอะ ถ้าข้าไม่ได้รับคำเตือนจากหอการค้าให้ไปรายงานตัว ไม่มีทางที่ข้าจะกลับไปเร็วขนาดนี้แน่!”

จากนั้นเมื่อมาร์นี่เห็นลอร์ดแองโกร่านำเอ็ดเวิร์ดและผู้เล่นคนอื่น ๆ มา สีหน้าเขาก็มืดมนลงทันที

เขาจับมือของแองโกร่า และยึดมือของเขาไว้แน่นโดยไม่สนใจความพยายามที่จะแงะมือออกของอีกฝ่าย เขาพูดออกไปอย่างจริงจังว่า “ท่านลอร์ดโปรดมั่นใจ การเดินทางครั้งนี้ของข้าคือการไปยื่นใบลาออกจากหอการค้า ข้าจะกลับมาที่นี่โดยเร็วที่สุด!”

“เยี่ยงนั้นรึ…”

แองโกร่าที่เพิ่งผ่านพิธีบรรลุนิติภาวะมายังคงเป็นเด็ก แต่เขาก็ตระหนักดีว่าเขาต้องอดทนในฐานะที่เขาเป็นขุนนาง แต่ถึงกระนั้นการที่เขาต้องมาถูกคุณลุงจับยึดเอาไว้แบบนี้ มันก็ทำให้เขาอึดอัดมาก แต่เขาก็ทำได้แค่ขยับยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาและกล่าวออกมาว่า “ข้าจะรอเจ้ากลับมา”

กลับกันผู้เล่นคนอื่น ๆ ผ่อนคลายกว่ามาก พวกเขาตะโกนโห่ร้องอยู่ข้างหลังว่า ‘มาร์นี่ เจ้าแค่อยากลงดันเจี้ยน!‘ ‘เจ้าจะไม่กลับมาก็ไม่เป็นไร จะได้มีที่ว่างให้คนอื่นลงบ้าง‘ หรือ ‘มาร์นี่ เจ้าจะไม่โดนโครงกระดูกทุบอีกแล้วเหรอ?’ นั่นทำให้หนังตาของมาร์นี่กระตุก

“หุบปากไปเลยเจ้าพวกก็อบลิน! อย่าลืมว่าพวกเจ้าเป็นผู้คุ้มกันที่ข้าจ้างมา! พูดอีกคำเดียวข้าจะให้พวกเจ้ากลับไปกับข้า!”

เขาโต้กลับอย่างดุเดือด ผู้เล่นที่เคยเป็นผู้คุ้มกันของเขาต่างพากันแสร้งทำเป็นมองไปรอบ ๆ บริเวณทันทีและหยุดส่งเสียงตะโกนโหวกเหวก

ด้วยการปรากฏตัวของเทพเจ้าในโลกใบนี้ สัญญาทุกฉบับมักจะลงนามในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เช่นวิหารหรือโบสถ์ที่เทพเจ้าคอยเฝ้าดู ดังนั้นสัญญาในโลกนี้จึงเคร่งครัดกว่าในโลกเดิมของซีเว่ยมาก

พูดได้ว่าถ้ามาร์นี่ยืนยันที่จะให้พวกเขาทำงานต่อในฐานะผู้คุ้มกันกองคาราวาน พวกเขาก็จะต้องติดตามมาร์นี่ไป แม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากไปแค่ไหนก็ตาม

ตอนนี้ปาร์ตี้ของเอ็ดเวิร์ดก็เพิ่งสำเร็จเควส ‘สำรวจหุบเขาแห่งความตาย‘ หลังจากที่พวกเขามีผู้นำแล้ว ผู้เล่นคนอื่น ๆ ก็แทบรอไม่ไหวที่จะเข้าไปในหุบเขาเพื่อผจญภัยรับ EXP และเหรียญเกม ทำไมพวกเขาถึงอยากเสียเวลาพามาร์นี่กลับไปที่สำนักงานสาขาของหอการค้ากระดิ่งลมสีเงินด้วยล่ะ?

และมาร์นี่เองก็ไม่ได้ต้องการให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ กลับไปกับเขา

ถ้ามีแค่เขา เขาก็จะได้รับ EXP และของดรอปจากสัตว์ประหลาดหรือศัตรูที่เขาพบในระหว่างทางทั้งหมด หากเขาพาผู้คุ้มกันไปด้วยเขาก็ต้องแบ่ง…การเดินทางกลับนั้นน่าเบื่อมากพออยู่แล้ว มันไม่สนุกเลย

ถึงเขาจะตายระหว่างทางเขาก็จะฟื้นขึ้นมาในเมืองไร้ชื่อ เมื่อเขาคุ้นเคยกับการทิ้งศพ มาร์นี่ก็คิดว่าเขาไม่มีอะไรให้ต้องกลัวอีกต่อไป!

ตอนนี้เมื่อเห็นว่าผู้เล่นคนอื่นไม่กล้าล้อเขาอีก มาร์นี่จึงปล่อยมือของแองโกร่าและเตรียมพร้อมที่จะออกจากเมืองด้วยท่าทางราวกับพระเอก MV

เอ็ดเวิร์ดและคนอื่น ๆ ตั้งใจมาส่งเขา ในฐานะสหายที่เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมาระยะหนึ่งเท่านั้น

แต่ทันในนั้น พวกเขาก็เห็นมาร์นี่หยุดเดินอย่างกะทันหัน ดวงตาของเขาจ้องไปในอากาศ ขณะที่พึมพำออกมาว่า “เชี่ย! เควสลับ!”

“เจ้าว่าอะไรนะ?! เควสลับ?!”

นอกจากแองโกร่าที่มีระบบต่างกันแล้ว ผู้เล่นคนอื่น ๆ ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที

“เควสลับอะไร? ข้า…อะแฮ่ม ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร!” มาร์นี่แกล้งโง่ทันทีเมื่อเขาหายตกใจ

“ไอ้%&! เจ้ากะเก็บไว้ทำเองสินะ!” แม้แต่เอ็ดเวิร์ดที่มีนิสัยอ่อนโยนและสุภาพมาโดยตลอด ก็ไม่สามารถระงับคำหยาบได้

“มันเป็นเควสลับที่เทพเจ้าแห่งเกมมอบให้ข้าเป็นการชดเชย! อย่าแม้แต่จะคิดว่าเจ้าจะได้ส่วนแบ่ง!”

มาร์นี่เถียงกลับอย่างกล้าหาญ เมื่อเขารู้ว่าเขาไม่อาจเก็บมันเป็นความลับได้

“แม่ง! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นคนแบบนี้ ข้าชักเหม็นหน้าเจ้าแล้ว! เรามาดวลกันสักตั้งดีกว่า!”

“เข้ามาเลย! ข้ามาร์นี่ ไม่เคยกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น!”

แม้ว่าเขาจะอยู่ในอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ แต่ซีเว่ยก็มักจะสอดแนมโลกเบื้องล่างอยู่เสมอ เขาเฝ้าดูเหตุการณ์ด้วยความประหลาดใจ เมื่อผู้เล่นกลุ่มหนึ่งเริ่มต่อสู้กันเองในเมืองไร้ชื่อ…

ในตอนแรกมีเพียงแค่มาร์นี่กับเอ็ดเวิร์ดเท่านั้นที่ต่อสู้กัน แต่เมื่อการต่อสู้ดำเนินไปเรื่อย ๆ ผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่คันไม้คันมือก็เริ่มดวลกัน

หากซีเว่ยไม่ได้ตั้งกฎการดวลไว้เมื่อเขาออกแบบระบบเกม กฎที่จะบังคับให้จบการดวลเมื่อ HP ของผู้เล่นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลดลงเหลือครึ่งหนึ่งไว้ล่ะก็ การปล่อยให้ผู้เล่นฟรี PK ผู้เล่นกว่าครึ่งในวันนี้อาจจบลงด้วยการเสีย EXP

“พวกบ้าฝูงนี้กำลังทำอะไรกันอยู่? เควสลับของมาร์นี่ก็แค่การเข้าไปในเมืองและเผยแพร่ศาสนาให้กับผู้ลี้ภัยบางคนเท่านั้น…ฉันไม่เคยให้เอ็ดเวิร์ดกับคนอื่น ๆ ทำเควสแบบเดียวกันนี้มาก่อนรึไง”

ในความเป็นจริงก็คือเอ็ดเวิร์ดและเด็ก ๆ จากหมู่บ้านเคนนิงตันไม่ได้เห็นโลกมากนัก การที่พวกเขายังคงรักษาความได้เปรียบในแง่ของ EXP เมื่อเทียบกับผู้คุ้มกันคนอื่น ๆ แม้ว่าพวกเขาจะได้รับระบบนั่นก็เพราะว่า พวกเขาได้รับรางวัลเป็นไอเทมระดับอีปิคอย่าง Ring of Gospel เมื่อเด็ก ๆ ทำเควสสำเร็จ

ในขณะที่ผู้เล่นกำลัง PK กันอย่างมีความสุขนอกเมืองไร้ชื่อ คนปิดหน้าปิดตาสองคนก็ได้ขี่โจโคโบะ* เข้ามาใกล้เมือง

(โจโคโบะ เป็นสัตว์ขี่ในเกมไฟนอลแฟนตาซี มันมีลักษณะเป็นนกขนาดใหญ่สีเหลืองที่บินไม่ได้ สามารถขี่มันเป็นพาหนะหรือจะใช้มันทำอย่างอื่นได้หลายอย่าง)

“ทำไมพวกเบื้องบนถึงต้องการให้เรามายืนยันว่าเมืองเล็ก ๆ นั่นถูกทำลายไปรึยังด้วย ไม่เห็นจำเป็นเลย! ด้วยคลื่นกองทัพโครงกระดูกขนาดนั้น อย่าว่าแต่เมืองเล็ก ๆ เท่าหมู่บ้านนั่นเลย แม้แต่เมืองขนาดเล็กก็ยังต้องล่มสลาย” ร่างในชุดเกราะหนังบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าไม่ได้เข้าร่วมกับชุมนุมลับดวงตาเพื่อทำเรื่องแบบนี้นะ!”

“เจ้าจะรู้อะไร เมืองจะถูกทำลายหรือไม่ ไม่มีความหมาย เรามาที่นี่เพื่อตรวจสอบว่าบุตรคนเล็กของตระกูลเฟาสต์ตายรึยังต่างหาก!” อีกร่างหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมและตัวใหญ่กว่ามากตอบกลับ “ธูปหอมเรียกโครงกระดูกที่นักเล่นแร่แปรธาตุสร้างขึ้นเพื่อล่อโครงกระดูกนั้น มันไม่สามารถใช้เพื่อกำหนดเป้าหมายไปที่ใครคนใดคนหนึ่งได้”

“ข้าก็หมายความแบบนั้นแหละ! โครงกระดูกจำนวนมากขนาดนั้นจะไม่บดขยี้เจ้าขุนนางไร้ประโยชน์…หือ? เดี๋ยวก่อน ตรงนั้นดูแปลก ๆ รึเปล่า” ชายในชุดเกราะหนังหรี่ตาลงขณะที่เดินเข้าไปใกล้เมืองเริ่มต้น

“เอ่อ…เมืองนี้ไม่ใช่แค่ดูปลอดภัยและน่าอยู่ แต่ดูเหมือนว่าจะมีผู้อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นด้วย แต่…ทำไมพวกเขาถึงสู้กันเองล่ะ?” ชายในชุดคลุมสับสน

ตอนนั้นเองผู้เล่นสองคนก็ได้ PK เข้ามาใกล้ทั้งคู่โดยบังเอิญ

ผู้เล่นสองคนหยุดมองไปที่ผู้มาใหม่ทั้ง 2 ทันที

“เจ้าเป็นใคร? เจ้าใช่ผู้ส่งสารของเทพเจ้าที่มาที่นี่เพื่อมอบเควสลับให้เราไหม”

“ผู้ส่งสารของเทพเจ้าบ้านเจ้าสิ! เจ้าไม่เห็นแถบ HP บนหัวพวกมันเหรอ! มันเป็นสัตว์ประหลาด ฆ่าก่อนแล้วค่อยถามทีหลัง!”

จากนั้นชายสองคนจากชุมนุมลับดวงตาก็เฝ้ามองพวกเขาด้วยสายตาว่างเปล่า ขณะที่ผู้เล่นสองคนที่พึ่งฟัดกันเมื่อกี้วิ่งเข้ามาเตรียมแทงพวกเขา…

—————————————————————————————