ตอนที่ 134 อุบัติเหตุ
หนีหย่าจูนได้ยินเสียงแล้วตกใจ แต่ก็เห็นว่ารถเข็นของหลิงเล่ได้เคลื่อนที่มาแล้ว
เขาหลบสายตาแบบทำตัวไม่ถูก
ทั้งครอบครัวใหญ่ หลอกทุกคนที่สำคัญไว้หมด เพราะว่าไม่อยากพูดถึงเรื่องอดีตที่คนอื่นไม่รู้นั้น
ตอนนี้ ภายในประเทศหนิงนั้นสงบสุข แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ก็มีคนเคารพเป็นหมื่น คุณหญิงเยว่หยาก็ได้รับการยกย่องเคารพ ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่ได้แต่งงานกัน แต่ทั้งสองก็เป็นทั้งเพื่อนรู้ใจ และเป็นสฐานะกษัตริย์กับข้ารับใช้ อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปี ก็เป็นไปได้ดีมากแล้ว
ความสมดุลในตอนนี้ คือสวยงามและมีความสุข
ไม่มีความต้องการที่จะทำร้าย และไม่สามารถทำร้ายได้
หนีหย่าจูนก็เพิ่งรู้จากการสนทนาของตากับน้าแบบไม่ได้ตั้งใจว่า ที่แท้แล้วคุณน้ามีลูกอีกคน
ตั้งแต่ตอนนั้นมา ความรู้สึกของหนีหย่าจูนกับพี่ชายที่มาทำความสะอาดสุสานจากเมืองเอ็มนี้ ก็มีความเป็นห่วงขึ้น
หลิงเล่เห็นเขาไม่พูด ก็เลื่อนรถเข็นไปข้างตัวของมู่เทียนซิง แล้วพูดว่า:”เธอรักผม ผมรู้สึกได้ว่าเธอรักผม เธอรักผมมากๆ ผมอยากรู้ว่าทำไม คุณบอกผมที ได้มั้ย?”
หนีหน่าจูนส่ายหัวแรงๆ:”ไม่ได้!”
เรื่องอื่นอะไรก็ได้ แต่มีแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ไม่ได้!
“ทำไม?”มู่เทียนซิงมองหนีหย่าจูนแบบหงุดหงิดนิดหน่อย:”ในเมื่อคุณรู้เหตุผลที่คุณหญิงเยว่หยาไม่ยอมพบกับคุณลุง ทำไมไม่พูดออกมา คุณบอกมาสิ พวกฉันทุกคนช่วยกันหาวิธีแก้ไข พวกเขาอาจได้พบกันในไม่นานนี้!”
หนีหย่าจูนเงียบ เม้มริมฝีปากไว้แน่น ส่ายหัวนิดหน่อย
ไม่ว่าเด็กสาวจะหงุดหงิดขนาดไหน เขาก็ไม่ยอมพูด!
ฉวีซือเสิร์ฟอาหารขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มู่เทียนซิงไม่อยากทำให้หลิงเล่ไม่มีความอยากอาหารด้วยอารมณ์พวกนี้ เขาไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวันนะ
หยิบช้อนส้อมขึ้น แล้วตักอาหารลงในจานของหลิงเล่ เธอมองดูเขา หรี่ตาลงแล้วยิ้มหวานๆให้:”คุณลุง วันนี้ฉันป้อนคุณกิน ดีมั้ย?”
ฉวีซือรู้ว่าหลิงเล่ไม่ได้กินมาทั้งวัน จึงเตรียมกับข้าวที่จืดๆ เพื่อที่จะไม่ให้กระเพาะของเขาโดนเครื่องปรุงที่จัดเกินเกินไป
มู่เทียนซิงคีบบล็อกโครี่ไว้หนึ่งดอก ส่งไปถึงปากของเขา:”คุณลุง~!”
หลิงเล่อ้าปาก อมเข้าไป เคี้ยวแบบสง่างามแล้วกลืนลงไป
มองดูหน้าตาน่าเอ็นดูของเด็กสาวที่อยากให้ตนกินเยอะๆอยู่ แล้วมองดูสีหน้าสับสนของหนีหน่าจูน อยู่ๆเขาก็ยิ้มออกมา ว่า:”พอแล้ว มากินข้าวกัน ไม่ต้องอารมณ์ไม่ดีแล้วนะ”
ตนก็เอาช้อนส้อมขึ้น เขาไม่อยากเป็นภาระของคนอื่น แล้วก็เริ่มกินข้าวแบบมูมมาม
มื้อเย็นนี้ก็ดำเนินไปด้วยดี แต่หลังจากมื้อเย็นนั้น หลิงเล่ก็พูดกับมู่เทียนซิงว่า:”ผมจะไปจัดการเรื่องนิดหน่อยในวังหลังนะ คุณก็เล่นอยู่ข้างหน้านะ ถ้าผมกลับมาดึก คุณก็นอนเช้าๆนะ ไม่ต้องรอผม”
มู่เทียนซิงเป็นห่วงอารมณ์ของเขา:”จะให้ฉันไปกับคุณมั้ย?”
หลิงเล่ส่ายหัว:”ไม่ต้อง ไว้ใจเถอะ ผมไม่มีเรื่องหรอก เรื่องไม่สบายใจตั้งเยอะ วันที่ไม่สบายใจตั้งเยอะ ผมยังผ่านมาได้เลย แล้วทำไมจะมุดเขาวัวหาเรื่องให้ตนเองตอนนี้ละ?ไว้ใจเถอะ!”
มีประโยคนี้ของหลิงเล่แล้ว มู่เทียนซิงก็พยักหน้าแบบไว้วางใจ
แต่ว่า เธอก็ยังรู้สึกสงสัย เขาไม่ใช่บอกไว้ว่า แค่เธออยากอยู่ข้างเขา เธอก็อยู่ได้ตลอดเวลาไม่ใช่หรอ?”
แต่ทำไมตอนนี้ก็?
มู่เทียนซิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วปลอบตัวเองว่า:คุณลุงอาจแค่อยากพื้นที่ส่วนตัวเงียบๆเองมั้ง!
ถึงแม้จะเป็นผู้ชาย แต่ก็มีตอนที่อ่อนแอนะ
เหมือนตอนที่น้ำตาไหลนั้น อาจเป็นเพราะศักดิ์ศรี ไม่อยากให้ผู้หญิงที่รักเห็นนะ?
ถึงในใจจะไม่มั่นใจ แต่ก็ยิ้มพลางพยักหน้าว่า:”ได้ งั้นฉันขึ้นไปเล่นคอมก่อนแล้วนะ!คุณลุง คุณตั้งใจทำงานนะ พยายามหาเงินเลี้ยงที่บ้านนะ!”
หลิงเล่กระตุกปาก มองดูเธอขึ้นไป ในสายตานั้นเต็มไปด้วยความเอ็นดู
รถเข็นหันมาแทบจะทันที ตาที่ครึ้มๆคู่นั้น ความเอ็นดูโดนความน่าเกรงขามเปลี่ยนไป เขาจ้องหนีหย่าจูนไว้ ว่า:”เที่ยวบินจากเมืองเอชถึงเมืองเอ็มนี้ ใช้เวลาบินแค่หนึ่งชั่วโมง”
พอประโยคนี้พูดออก หนีหน่าจูนก็รู้ทันที!
แต่ว่า……
“คุณพี่ คุณอย่าทำร้ายผมอีกได้มั้ย?ผมไม่กล้าจริงๆ และไม่สามารถพาคุณไปหาคุณน้าได้!”หนีหย่าจูนมีเหตุผลที่เขาไม่สามารถพูดออกมาได้:”ถึงแม้ว่ามีดของจั๋วหรันบินมาทางผม ผมก็ไม่กล้าหรอก!”
แล้วจั๋วหรันก็พูดออกไปแบบอ่อนโยนว่า:”ไม่กล้าหรอก!มีดของผมยังไงก็ไม่บินหาคุณชายหนีหรอกนะ”
หนีหย่าจูนทำตาขาวใส่เขา แล้วมองดูหลิงเล่:”พี่~!ผมมีพี่แค่คนเดียวเองนะ คุณไม่รักผมไม่ได้นะ อย่ามากดดันผมแบบนี้เลย!”
หลิงเล่มองเขาด้วยสีหน้าที่แปลกๆ ว่า:”เธอบอกไว้ในข้อความแล้ว ทั้งชีวิตนี้จะไม่พบกับผมอีก แต่ว่า เธอไม่ยอมพบผมไม่เป็นไร ผมไปหาเธอได้นะ มีอะไรมั้ยละ?”
“เออ”หนีหย่าจูนอึ้ง แล้วบอกต่อว่า:”พี่ชายครับ ดึกมากแล้ว อาบน้ำแล้วนอนเลยนะ คุณไม่ได้ไปที่บริษัททั้งวันแล้วนะ ต้องมีงานที่รอคุณจัดการเยอะเลยนะ!คุณพักผ่อนให้เพียงพอเลยนะ แล้วพรุ่งนี้ก็ตั้งใจทำงานละ!”
“คุณแค่พาผมไปก็พอแล้ว พวกผมหลบอยู่บางที่ ผมมองเธอจากที่ไกลนะ”
หลิงเล่จ้องตาของเขา สีหน้าจริงจังมาก:”พี่ขอละนะ ขอดูเธอจากที่ไกลๆนะ!แค่นี้เองนะ!”
—ผมเป็นเส้นตัดของความอยากเจอแม่ของซือซ่าว—
ตอนกลางคืนสามทุ่ม ตอนที่สายบินของคุณหญิงเยว่หยากำลังบินมาทางเมืองM จั๋วหรันก็ขับรถอยู่ พาหลิงเล่กับหนีหย่าจูนไปทางท่าอากาศยาน
จั๋วซีนั่งอยู่ข้างคนขับ แล้วยกกล้องถ่ายรูปทางเดียวขึ้นแบบตื่นเต้น
ใกล้จะได้เจอกับน้องสาวแล้ว น้องสาวนี้ที่ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่เคยพบหน้ากันเลย!
ในตอนนี้ ไม่ใช่ว่ามีแค่หลิงเล่กับหนีหย่าจูนที่ตื่นเต้น แต่พี่น้องตระกูลจั๋วก็ตื่นเต้นเช่นกัน!
จั๋วหรันถามแบบไม่มั่นใจว่า:”ปรับเสร็จแล้วหรือยัง?ปิดแฟลชนะ อย่าทำให้ตำแหน่งของซือซ่าวเปิดเผยออกนะ!”
จั๋วซีพยักหน้า:”ปรับเสร็จหมดแล้ว เปิดโหมดกลางคืนแล้ว เอฟเฟกต์ที่ถ่ายออกมาจะเหมือนกับตอนกลางวันเลยนะ แต่ว่าไม่มีแฟลช”
“โฟกัสละ?”
“ก็ปรับแล้ว!”จั๋วซีรู้สึกไม่สบายใจ:”คุณทำไมจู้จี้ขนาดนี้ โม่โม่ไม่ได้เป็นแค่น้องสาวคุณ เป็นน้องสาวผมด้วย ผมจะถ่ายรูปของเธอไว้ดีๆอยู่แล้ว ไม่ซุ่มซ่ามแน่นอน!”
สองพี่น้องเถียงกัน คนด้านหลังส่งโพสอิตสีขาวมาให้ บนนั้นมีแค่ตัวเดียว:เงียบ!
ชั่วเวลานั้น ทั้งโลกนี้ก็เงียบสงบลง
ในตอนนี้ บนทางด่วนสนามบินก็มีรถขนส่งคันเล็กที่มาจากไหนไม่รู้ไม่มีป้ายทะเบียนด้วย ก็เปิดไฟแรงแล้วพุ่งชนมาทางรถของพวกเขา!
ตาของจั๋วหรันนั้นโดนความเร็ว ไฟแรงส่องมาจนมองไม่เห็นอะไรเลย ก็หมุนพวงมาลัยไปทางข้างด้วยสัญชาตญาณ อยากเปิดไฟคู่รอให้รถขนส่งเล็กคันนี้ไปก่อนแล้วค่อยไปที่หลัง
แต่ว่ารถขนส่งคันนี้เหมือนอยากมีเรื่องกับพวกเขา ถึงจะต้องขับย้อนศรก็ยังอยากจะชนไปทางพวกเขา!
ในตอนที่ทั้งคู่เหมือนกับจะชนกันนั้น รถขนส่งคันนั้นก็เบรกกะทันหันแล้วทำท่าเลี้ยวแบบกะทันหัน ก็ล้มลงมาทางรถของหลิงเล่แบบเอียงๆ!
ยางมะตอยทั้งรถนั้น เทลงบนรถของพวกหลิงเล่เขาอย่างกับฝนตกลงมา!