นที่ 18 ซิลเวอร์และบลูเอิร์ล
—–
การสำรวจตรวจสอบเมืองมาเชลของแกรนดยุกก็ยังคงดำเนินต่อไป
บรูโนซึ่งกระตือรือร้นกับการฟังเรื่องราวและพูดคุยกับผู้คนภายในเมืองจนบัดนี้ถึงเวลาเที่ยงแล้ว บางครั้งเขาก็จะใช้พลังของเขาในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาต่างๆ ระหว่างทางด้วย พอถึงช่วงเย็นพวกเขาเริ่มทานอาหารจานพิเศษซึ่งถูกส่งมาจากตามส่วนภูมิภาคต่างๆ ของเมือง อีกไม่กี่วันต่อมาฟาร์มาที่กำลังใช้เวลาว่างของเขาหมกตัวอยู่ในคฤหาสน์ ได้รับข้อความกะทันหันจากพ่อของเขา
“นี่เป็นเรื่องเร่งด่วนมาก คืนนี้พ่อถูกเชิญให้ไปที่ปราสาทของเคาท์ชิลลอน พวกเขาอนุญาตให้สมาชิกครอบครัวแล้วเหล่าข้ารับใช้ติดตามมาได้ด้วยเช่นกัน”
เคาท์ชิลลอนเป็นผู้ครอบครองดินแดนบริเวณใกล้เคียงเยื้องไปทางขวาของเมืองมาเชล
ตัวบรูโนแม้จะทานมื้อเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่เขาก็ยังคงต้องการจะไปพบเขาอยู่ดี ดูเหมือนว่าบรูโน่อยากจะแนะนำอดัมที่เป็นผู้รักษาการแทนของเขาให้ทางนั้นรู้จักไว้ด้วย
“ขอให้เดินทางโดยปลอดภัยค่ะ!”
ลอตเต้บอกสั่งลาพวกเขาด้วยรอยยิ้มหลังจากที่เธอได้ยินว่าพวกเขากำลังจะออกไปแล้ว
“ที่จริงลอตเต้จังจะมากับพวกเราก็ได้นะ”
เอเลนหัวเราะเบาๆ
“เอ๋ ฉันไปด้วยได้เหรอคะ? แต่ฉันเป็นแค่ข้ารับใช้นะคะ!? ได้เหรอคะ!?”
“ตอนนี้ทุกคนถูกเชิญโดยท่านเคาท์นะ รวมถึงข้ารับใช้ด้วย มาด้วยกันสิไปหาชุดสวยๆ ใส่กัน”
การจัดงานเลี้ยงทางสังคมนั้น นอกจากจะเป็นการทดสอบน้ำใจนิสัยของชนชั้นสูงแล้ว ยังแสดงถึงอิทธิพลของพวกเขาด้วย
เมื่อคิดถึงอาหารและพวกขนมหวานทั้งหลาย ลอตเต้ก็รู้สึกหิวราวกับเห็นภาพลวงตานั้นอยู่ตรงหน้าขั้นมาทันที เธอแทบจะน้ำลายไหลแต่ยังดีที่ว่ากลืนมันไปได้ทันและปิดปากเอาไว้
“ละ ละ ละ ฉัน! จะเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันคะ? ฉันจะทำยังไงดี ถ้าฉันสวมชุดไม่ได้สง่างามพอสำหรับงานเลี้ยงคะ?”
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เธอจะใส่ชุดนี้ไปก็ได้ ตอนแรกฉันกะจะซื้อมาให้บลานช์แต่มันใหญ่เกินไปสำหรับเธอน่ะ”
“ฉันใส่ได้จริงๆ เหรอคะ!?”
ลอตเต้ใส่ชุดที่ของแม่ของฟาร์มา เบียทริช มอบให้ด้วยความยินดี
“ว๊าว ขอบพระคุณมากค่ะ คุณหญิง!”
“แต่ถึงอย่างนั้น. . . ฉันก็ยังกังวลอยู่ดีค่ะว่าดีจริงๆ เหรอ ที่ฉันจะไปด้วย”
หลักจากลอตเต้สวมชุดเสร็จ เอเลนถอดแว่นตาของเธอและเริ่มเติมเครื่องสำอางเมดีกไปบนใบหน้าของเธอ เธอเอาหน้าของเธอเข้าไปใกล้กระจกเพื่อมองหน้าตัวเองให้ชัดๆ และพึมพำคำพูดอะไรสักอย่างกับตัวเอง
“เอ๋? ทำไมล่ะครับ? ผมคิดว่าก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนะครับถ้าลอตเต้จะมากับเรา”
ฟาร์มาที่ได้รับเสื้อจากลอตเต้ที่เตรียมไว้ ก่อนมองไปที่ลอตเต้ด้วยความกังวล
“ฉันยังได้ยินข่าวลือแปลกๆ ของเอิร์ลเลยแอบกังวลว่าพวกเราจะถูกวางยาหรือเปล่าน่ะสิ”
“เอ๋!?”
เมื่อลอตเต้ได้ยินแบบนั้นก็กรีดร้องขึ้นมาก่อนที่ฟาร์มาจะเพียงยักไหล่และเอามือจับแก้มของเธอไว้เพื่อให้ความมั่นใจกับเธอ
“เธอไม่เป็นไรหรอกเพราะผมจะรู้ได้ทันทีว่าอะไรมีพิษบ้าง”
การจะพยายามวางยาในงานเลี้ยงที่มีทั้งแพทย์โอสถหลวงและแพทย์โอสถชั้นหนึ่งอยู่ในนั้นด้วย มันคงเป็นแผนที่แย่เอามากๆ
ท่านเคาท์วัยหนุ่มชิลลอนซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อบลูเอิร์ล (Le Comte Bleu) หลายคนบอกว่าเขานั้นผ่านการแต่งงานมาหลายครั้งแล้วด้วยกัน แต่ทุกครั้งภรรยาของเขามักจะหายตัวไปหลังจากนั้นเพียงแค่หนึ่งเดือน
โดยเอเลนนั้นได้เอาหน้าเข้าไปใกล้ฟาร์มาและปรับแว่นเธอขึ้น ซึ่งมันเป็นนิสัยของเธอที่มักจะทำเมื่อต้องการเน้นคำพูดของเธอ
“มีข่าวลืออีกว่ามีห้องลับห้องหนึ่งอยู่ในปราสาทของเขา ที่ลือกันว่าเหล่าภรรยาของเขานั้นถูกฆ่าตายในนั้น. . . ฉันได้ยินมาจากพวกคนรับใช้อ้างว่าพวกเธอเคยเห็นร่างของภรรยาเขาอยู่ภายในห้องนั้นด้วย”
“ดูคุณมั่นใจมากเลยนะเอเลน”
หลังจากที่ฟาร์มาลองคิดดูดีๆ นั่นอาจจะเป็นข่าวลือเท็จก็เป็นได้
“พอเถอะค่ะ ได้ยินแค่นิดหน่อยก็เป็นประโยชน์มากแล้วค่ะ คุณเอเลน~”
เอเลนนั้นอยู่ในช่วงอายุที่กำลังพยายามจะแสดงให้คนอื่นเห็นว่าเธอนั้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว เพราะเธอเป็นถึงแพทย์โอสถชั้นหนึ่ง จึงมีโอกาสได้เข้าสังคมกับพวกชนชั้นสูงอยู่บ่อยครั้งและดูเหมือนเธอจะได้ยินเรื่องราวมาจากที่แห่งนั้น ซึ่งงานประเภทนี้มักจะถูกจัดขึ้นมาบ่อยๆ อยู่แล้วจึงมีโอกาสที่จะได้ข่าวลือมาจากหลายๆ แหล่งมากขึ้น ในวันนี้ชุดที่เธอใส่นั้นเป็นชุดราตรีระดับสูงซึ่งมีการเปิดออกขึ้นมามากเล็กน้อย
ศพของภรรยาที่ถูกฆ่าตาย…ฟาร์มาถึงกับรู้สึกหนาวยะเยือกเมื่อได้ยินเรื่องนั้น เพราะมันดูหลายกับเรื่องราวขอจ้าวเคราคราม!…เกี่ยวกับเรื่องราวของภรรยาที่หายไปและมีห้องลับเล็กๆ อยู่ใต้ดิน
ฟาร์มารู้สึกงุนงงขึ้นมาทันทีและอยากจะเชื่อว่ามันคงเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
“มีข่าวลืออีกอย่างหนึ่งที่ว่าร่างของเอิร์ลเป็นวิญญาณครามด้วยหล่ะ”
เอเลนใส่แว่นตาที่ดูมีสไตล์ด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างเพื่อหวีผม การเคลื่อนไหวของเธอดูมีเสน่ห์อย่างแปลกประหลาด
“ไม่ใช่ว่าแค่ผิวของเขามันจางๆ เพราะไม่ค่อยมีเลือดหรอกเหรอครับ?”
“นายคิดว่าเขาเป็นผีแล้วก็ไม่มีเลือดอีกงั้นเหรอ!?”
เอเลนพูดขึ้นมา
“ไม่ใช่ ผมก็บอกไปแค่ว่าผิวจางเพราะเลือดน้อยไม่ใช่เหรอ!?”
“โอ้ นี่นายกำลังเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ผิวของเขาที่ดูเหมือนวิญญาณครามที่ว่า นี่มันไม่ใช่คำเปรียบเทียบอะไรนะ แต่มันเป็นสีน้ำเงินจริงๆ”
“เป็นไปไม่ได้หรอก! ไอ้แบบนั้นยังไงมันก็ต้องเป็นแค่ข่าวลืออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?”
เพราะแบบนั้นฟาร์มาก็เลยไม่ได้สนใจข่าวลือนั้นอีกเลย
ตอนนี้เป็นช่วงใกล้ค่ำ รถม้าสิบสองคันของตระกูลเมดิซิสและกลุ่มของเหล่าอัศวินได้เดินทางมาถึงปราสาทเอิร์ลซึ่งอยู่ใกล้กับทะเลสาบ ซึ่งมีคูน้ำที่ไหลมาจากทะเลสาบอยู่รอบๆ ปราสาท มีป้อมกำแพงสูงและหอคอย รวมถึงประตูที่สูงมากด้วยเช่นกันมันเรียบง่ายแต่มีประโยชน์มาก
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นบริเวณโถงต้อนรับซึ่งแลดูฟุ่มเฟือยมาก พวกเครื่องเงินได้รับการจัดวางอย่างสมมาตรและมีไวน์คุณภาพสูงถูกเสิร์ฟภายในงาน พวกเขาได้รับการต้อนรับอย่างด้วยเนื้อย่างที่มาจาก วัวและแกะ อาหารที่แสนน่าทานค่อยๆ ถูกนำออกมาเสิร์ฟทีละจาน นักกายกรรม นักเล่นพิณ นักเต้น ต่างยืนแสดงกันอยู่ข้างบนเวทีซึ่งทำให้ฟาร์มารู้สึกบันเทิงทั้งหูและตาพอสมควร
แม้งานเลี้ยงจะพูดฟุ่มเฟือยมาก แต่ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่เอเลนพูดก่อนหน้านี้นั้นเป็นเรื่องจริง
สีผิวของเอิร์ลนั้นเป็นสีน้ำเงิน-มันแตกต่างจากผิวคนปกติอย่างสิ้นเชิงแม้ว่าจะมีแสงสว่างอยู่มากก็ตาม ส่วนทางลอตเต้นั้นไม่ได้เห็นในส่วนนี้เพราะเธอนั้นอยู่ในมุมอาหารมุมหนึ่งและกำลังกินอาหารด้วยความเร็วจนดูน่าเกลียดไปเลย แม้จะถูกย้ำให้เน้นเรื่องมารยาทแล้วแต่เธอก็ยังคงทานมันด้วยความรวดเร็วมากอยู่ดี-ลอตเต้มาบอกภายหลังในขณะเอามือถูกกับท้องของตนว่า อาหารในงานเลี้ยงที่ใกล้เมืองท่านั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่พวกเธอจะได้กินกันง่ายๆ หรือจะบอกว่าเป็นไปไม่ได้เลยก็ว่าได้
ภรรยาของเอิร์ลนั้นไม่ได้อยู่ภายในงานเลี้ยงด้วย ส่วนทางบรูโนนั้นก็รู้อยู่แล้วว่าเอิร์ลผ่านการแต่งงานมาหลายหน
“เห็นไหมล่ะ. . . ฉันว่าแล้วแม้แต่ภรรยาคนใหม่ก็ยังถูกฆ่า”
เอเลนกระซิบกับฟาร์มาด้วยเสียงต่ำ
ทางบรูโนแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นขณะที่คุยกับเอิร์ลที่กำลังเพลิดเพลินไปกับไวน์และอาหาร เขาได้แนะนำอดัมซึ่งเป็นผู้รักษาการแทนตัวเขา ให้เอิร์ลได้รู้จักว่าอดัมนั้นเป็นผู้ควบคุมในการทำงานและดำเนินแผนการพัฒนาเมืองมาเชลซึ่งได้ให้ความสำคัญกับการผลิตสมุนไพรและการรักษา ซึ่งทำกำไรให้กับเมืองท่ามาเชลได้เป็นอย่างมาก แล้วยังพูดคุยถึงเรื่องขั้นตอนและแผนการในการสร้างศูนย์วิจัยทางการแพทย์ที่เป็นนวัตกรรมชิ้นใหม่อีกด้วย
“จริงเหรอครับ? เกี่ยวกับศูนย์วิจัยยาที่เมืองมาเชล? ไม่ใช่ว่ามันก็มีอยู่ที่วิทยาลัยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ?”
“ทั้งสวนสมุนไพรและสถานีวิจัยของทางเมืองหลวงนั้นมันแคบเกินไปน่ะ”
บรูโนไม่ได้บอกถึงเรื่องของฟาร์มาที่เป็นคนนำเสนอแผนการชิ้นนี้ แกรนดยุกบรูโน่อาจจะดูเหมือนเป็นพวกหัวแข็งและไม่สนใจใคร แต่นั่นเป็นเรื่องที่เขาได้ตกลงกันกับฟาร์มาเอาไว้จึงไม่ได้กล่าวออกไป หลังจากนั้นก็คุยกันเรื่องไร้สาระบ้าง จนกระทั่งทั้งคู่เพลิดเพลินไปกับวงดนตรีออร์เคสตร้าและเริ่มเมาไวน์ เอิร์ลก็ได้ปรึกษาเรื่องปัญหาสุขภาพกับบรูโน
“คือผมอยากจะปรึกษาอย่างจริงจังกับท่านแกรนดยุกนะครับ แต่…”
“ถ้าเป็นบทสนทนาให้คำปรึกษาทางการแพทย์ละก็วางใจได้ครับ”
หากบรูโนนั้นไม่ได้รับการร้องขอให้ตรวจร่างกายหรือสอบถามเรื่องสุขภาพด้วยตัวเองก่อน เขาก็จะไม่สนใจในเรื่องนี้ไม่ว่ากับราชาหรือชนชั้นสูง
“ปัญหาที่ว่าคือสีผิวของผมมันกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มขึ้นทุกๆ ปีเลยครับ”
“ก็จริงนะครับ รู้สึกมันจะเข้มขึ้นกว่าเดิมด้วย ว่าแต่ได้ลองปรึกษาแพทย์มาก่อนหน้านี้หรือยังครับ?”
บรูโนกล่าวอย่างระวังเพื่อไม่ให้คุยในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์กับผู้ป่วย
“ครับ ผมลองไปปรึกษาแพทย์ดูแล้ว”
จะบอกว่าเป็นสีน้ำเงิน เรียกว่าเป็นสีเงินน่าจะถูกกว่า นี่เขาดื่มซิลเวอร์เข้าไปงั้นเหรอ?
ขณะที่ยืนดูการสนทนาของพวกนั้น ฟาร์มาก็เริ่มตรวจอาการของเอิร์ลพร้อมกับใช้ดวงตาวินิจฉัย เขาค่อยๆ วางมือลงไปที่ดวงตา ก่อนจะเห็นแสงที่ฟ้าถูกปล่อยออกมาจากทั้งร่างของเอิร์ลเป็นไปตามที่เขาคาดเอาไว้
“อาร์ไจเรีย (Argyria) ”
แสงสีฟ้านั้นจางหายไป แต่ก็ยังมีแสงสีแดงอ่อนๆ เหลืออยู่
โดยปกติหลังจากวินิจฉัยโรคถูกต้องแสงสีฟ้าจะถูกเปลี่ยนไปเป็นสีขาวแต่วันนี้มันต่างออกไป
สีแดงงั้นเหรอ!?
ฟาร์มาพูดขึ้นมาเบาๆ เพราะมันไม่มีอะไรอย่างเช่นปาฏิหาริย์ที่จะรักษาอาร์ไจเรียได้ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็จะพยายามระบุชื่อยาทั้งหมดที่เขารู้และดูเหมือนจะได้ผลบ้างเล็กน้อย มีอีกทางหนึ่งคือการผสมตัวยาเข้ากับทักษะแห่งเทพของเขา แต่วิธีการนั้นเขาอยากจะเลี่ยงมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้สีแดงจะหรี่ลงบ้างก็ตามแต่มันยังคงไม่หายไป
ไม่มีอะไรรักษามันได้เลยงั้นเหรอ? คงไม่ดีแน่ถ้าเราจะมาลองผสมอะไรกับน้ำที่เราสร้างขึ้น ให้ตายสิ! ถ้ามีเลเซอร์ละก็นะ
การรักษาที่เป็นไปไม่ได้ในยุคนี้ เมื่อฟาร์มามองไปยังแสงสีแดงนั้น เขาก็ได้รู้ว่ามันคือสัญญาณแสดงว่าไม่สามารถรักษาได้ เป็นคำตัดสินที่โหดร้าย มีการเจ็บป่วยมากมายที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยการแพทย์สมัยใหม่ งานแห่งชีวิตของเขานั้นคือการกำจัดมัน
เมื่อซิลเวอร์เข้าไปสู่ร่างกายและสะสมเป็นเวลานานมันไม่สามารถเอาออกจากร่างกายไปได้อย่างหมดจด
“ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่ครับ ผู้คนในเมืองก็ต่างกลัวผมกันเพราะเรื่องนี้เลยไม่ได้ออกไปข้างนอกบ่อยๆ ยิ่งมีข่าวลือเสียๆ หายๆ กับตัวผมเองด้วย….แม้แพทย์จะแนะนำให้ผมควรออกไปอาบแดดบ่อยๆ ก็เถอะ”
ในที่สุดเอิร์ลก็เอ่ยใจจริงของเขาออกมาพร้อมกับร้องไห้ให้บรูโนฟัง
“เท่าที่ผมรู้ คนที่เคยมีร่างเป็นสีน้ำเงินภายในอดีตนั้น อาการของมันไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายมากครับ ดังนั้นมันจึงไม่ได้ทำให้อายุขัยสั้นลงแน่นอน นอกจากนั้นยังอายุยืนขึ้นกว่าคนปกติด้วย จะมีปัญญาก็เพียงแค่ส่วนของกายภาพมุมมองเท่านั้นครับ แล้วก็คุณไม่ควรจะออกไปอาบแดดนานๆ นะครับ เพราะมันจะทำให้ผิวของคุณเข้มขึ้นกว่าเดิมอีก”
ความรู้ของพ่อเขาช่างเยี่ยมยอด ถ้าเป็นเขาก็คงจะให้คำแนะนำประมาณนั้นเหมือนกัน
ฟาร์มายิ่งเพิ่มความชื่นชอบของเขาที่มีต่อพ่อตนมากขึ้นกว่าเดิมจากก้นบึ้งของหัวใจ เขารู้สึกมีความสุขหลังฟังคำกล่าวของพ่อเขา
“แล้วทางเราก็มีเครื่องสำอางที่ดี ซึ่งขอแนะนำให้ลองดูครับ”
เขาพูดถึงเมดีกอย่างชาญฉลาด
เดี๋ยวก่อนนะ…..ไม่ใช่ว่าพลังธาตุเชิงลบของเราจะมีประโยชน์ในตอนนี้เหรอ?
ฟาร์มามีความรู้เกี่ยวกับความสามารของพลังธาตุเชิงบวกของตน แต่กับเชิงลบนั้นยังไม่ค่อยจะมีมากเท่าที่ควร เช่นในวันที่เขาได้สลายน้ำทะเลในพื้นที่ที่กำหนดให้หายไปได้ทั้งเกลือและแร่ธาตุทั้งหลายด้วย กับตอนนี้จะได้ผลหรือเปล่านะ?
ฟาร์มาต้องการจะตรวจสอบเรื่องนี้ให้แน่ใจ จึงเดินเข้าไปใกล้ถึงที่อยู่ตรงมุมของห้องโถงใหญ่ มือเขามีเกลือและผงเหล็กที่สร้างมาด้วยมือซ้ายและเทมันลงไปในถังน้ำ เขาได้เริ่มทำการทดสอบเกลือนั้นละลายลงไปในน้ำแต่เหล็กนั้นไม่สามารถละลายได้และจมลงไปที่ก้นถึง เป็นการทดสอบง่ายๆ ที่เขาตั้งใจจะพิสูจน์บางสิ่ง
“เธอมาทำอะไรตรงนี้กันเหรอ ฟาร์มาคุง? ทานมากไปเลยจะมาหาที่อาเจียนงั้นเหรอ?”
เพราะเธอเอเลนนั้นกำลังมีอาการมึนเมาอยู่เล็กน้อย เขาจึงคำรามได้ไล่เธอไป
“เราจะเริ่มการทดลองยังไงก่อนดีนะ?”
ฟาร์มาเริ่มจินตนาการของสถานการณ์ที่กำลังวิเคราะห์อยู่ในใจของเขาแต่ละหมวด
กลุ่มควบคุมแรก : สลายถังน้ำ→ล้มเหลว
กลุ่มควบคุมสอง : สลายน้ำ → สำเร็จ เกลือและผงเหล็กถูกทิ้งไว้ในถัง
การทดลองครั้งที่ 1 : วางมือลงไปบนน้ำเกลือ ลบน้ำเกลือ → สำเร็จ ผงเหล็กยังคงหลงเหลืออยู่ในถัง
เขาเริ่มเข้าใจในจุดนี้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม
การทดลองครั้งที่ 2: วางมือลงไปบนน้ำเกลือสลายทุกสิ่งโดยไม่แตะต้องผงเหล็ก→ สำเร็จ ไม่มีสสารใดหลงเหลืออยู่ภายในถึง
“แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ?”
ฟาร์มาเข้าสู่การทดลองขั้นตอนสุดท้าย
การทดลองครั้งที่ 3 : วางมือลงบนน้ำเกลือ สลายเฉพาะผงเหล็กโดยไม่สัมผัสมัน → สำเร็จ! เหลือเพียงน้ำเกลืออยู่ภายในถึงเท่านั้น
และข้อสรุปของเขาคือ
ภายในน้ำความสามารถในธาตุเชิงลบของเขานั้นจะถูกส่งผ่านสื่อกลางจำพวกของเหลว
ถ้าหากเป็นแบบนี้ อากาศที่ถูกรวมนับเป็นเหลวด้วยนั้นจะทำให้เขาสามารถสลายสสารเป้าหมายของเขาได้ตลอดหากเขาเข้าใจสูตรโครงสร้างของมันโดยไม่ต้องสัมผัส แน่นอนว่าเขาไม่รู้ว่าจะสามารถสสลายสสารที่มีอะไรมาบังไว้ได้ด้วยหรือเปล่า เรื่องนั้นคงต้องไปตรวจสอบภายหลังเพราะในเวลานี้มีเวลาไม่พอสำหรับเรื่องนั้น
สมมุติฐานได้ว่า
“หากเราคิดถึงส่วนประกอบเอาไว้ภายในตัวและตั้งเป้าหมายที่เลือกไว้ เราจะสามารถสลายสสารนั้นได้โดยไม่ต้องสัมผัสมันได้สินะ!?”
และเขาได้สังเกตถึงความน่ากลัวของมันอีกอย่างหนึ่ง เมื่อใดก็ตามที่เขาใช้ความสามารถของธาตุเชิงลบที่มือขวา มือขวาของเขานั้นจะกลายสภาพเป็นโปร่งแสงเหมือนกับผีและยังสามารถเจาะผ่านสิ่งของวัตถุได้หากตั้งใจจะทำเช่นนั้น
เพราะฟาร์มาทำงานของเขาอย่างเงียบๆ อยู่บริเวณมุมห้องจึงไม่มีใครสนใจและเดินผ่านไปมาโดยคิดแค่ว่าอาจจะกำลังอาเจียนอยู่ บางครั้งลอตเต้ก็เดินเข้ามาถามว่า “สบายดีหรือเปล่าคะ?” บ้าง “ให้ฉันลูบหลังให้ไหมคะ?” บ้าง ฟาร์มาได้แต่เพียงตอบด้วยความรู้สึกหดหู่ว่าไม่เป็นไร
“เพราะแบบนี้. . .”
อ้าา ที่เรายิ่งสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปมากขึ้นกว่าเดิมอีกนี่นา
เขาค่อนข้างจะเสียใจอยู่เหมือนกัน แต่ในเมื่อเขาเสียชีวิตไปแล้วและกลับมาอยู่บนโลกใบนี้เขาก็จำเป็นจะต้องรับหน้าที่ดูแลชีวิตแทนเด็กหนุ่มฟาร์มาคนนี้
“นอกจากนั้นยังไม่มีเงาอีก นี่เราเป็นผีที่คนสามารถมองเห็นได้หรือไงกัน ถ้าเป็นแบบนั้นจริงเรื่องคงง่ายขึ้นเยอะเลยแฮะ”
ก็เพราะเราตายไปแล้วนี่นา จะกลายเป็นผีก็ไม่เห็นแปลก ฟาร์มาได้พยายามยอมรับตัวเองในมุมมองของเขาเอง
พ่อของเขาก็ยังคงพยายามแนะนำเครื่องสำอางเมดีกให้กับเอิร์ล ฟาร์มาเช็ดปากของเขาด้วยผ้าเช็ดหน้าก่อนจะเดินเข้ามาทักทายทั้งสองคน
“อะ..แฮ่ม ขอประทานโทษนะครับท่านพ่อ ขอให้ผมได้เลือกเครื่องสำอางที่เหมาะกับท่านเอิร์ลเถอะนะครับ”
“ได้สิ….ลูกของผมรู้รายละเอียดเรื่องนี้ดีกว่าผมครับ”
เนื่องจากเอิร์ลได้ยินเรื่องของฟาร์มาที่ทำมาบ้าง เขาจึงตั้งใจฟังคำพูดของฟาร์มา
“ก่อนหน้านั้น ท่านช่วยกรุณาแสดงตัวยาที่ท่านใช้อยู่ก่อนหน้านี้ได้หรือเปล่าครับ? เพราะผมอยากจะตรวจสอบดูว่ามันสามารถเข้ากับของทางนี้ได้หรือเปล่า”
“ก็มียาหลายตัวเลยนะที่ผมมีไว้เพื่อดูแลสุขภาพตัวเอง”
เอิร์ลสั่งให้ผู้ช่วยไปหยิบกล่องยาของเขาออกมา
ภายในนั้นเรียงรายไปด้วยยาที่เหมือนกับอัญมณี เอิร์ลแม้จะยังอายุน้อยแต่ก็ใส่ใจในสุขภาพมากกว่าที่คิด ซึ่งภายในนั้นมีทั้งอาหารเสริมและเครื่องดื่มชูกำลัง เอิร์ลค่อยๆ หยิบออกมาดูทีละขวดแล้วดูสรรพคุณของมัน
“นี่มัน. . .”
เอิร์ลหยุดมือของเขาไปที่ขวดๆ หนึ่ง
“อ่าฮะ คุณสนใจสิ่งนี้งั้นเหรอครับ? นี่เป็นยาคุณภาพสูงที่ช่วยในการปรับการไหลเวียนของของเหลวในร่างกายแล้วยังช่วยในการป้องกันโรคได้อีกด้วยครับ”
ตัวยามันถูกหอด้วยฟอยล์สีเงิน ซึ่งตัวขวดยานั้นมีขนาดใหญ่ เขาไม่รู้ชื่อยาแต่เขารู้ว่ามันมีสมุนไพรที่ไม่ได้เป็นพิษต่อร่างกาย ซึ่งเขาทานมันถึงวันละ 10 เม็ดเพื่อดูแลสุขภาพและทานมันมานานกว่า 7 ปีแล้วด้วย
“กรุณาหยุดทานยาตัวนี้ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปด้วยนะครับ”
ฟาร์มาบอกกับเอิร์ลอย่างจริงจัง
“ทำไมล่ะ? สุขภาพของผมก็ดีมาโดยตลอดนะครับตั้งแต่ทานสิ่งนี้ไป ดังนั้นเป็นไปไม่ได้หรอกครับ”
“ในแง่ของการทานซิลเวอร์นั้นถ้าหากในปริมาณที่น้อยจะไม่เป็นปัญหาอะไรหรอกครับ แต่ถ้าหากในปริมาณที่มากแล้วละก็”
“เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่. . .!?”
บรูโนรู้สึกตกใจกับเรื่องนี้มาก เพราะตัวเขานั้นก็ใช้ฟอยล์สีเงินเป็นแคปซูลในการใส่ยา เพราะเม็ดยาห่อฟอยล์สีเงินนั้นมีโอกาศน้อยที่จะเน่าเสียและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในหมู่แพทย์โอสถและแพทย์หลวง
“พอมาลองคิดดูทำไมอาการนี้ถึงเกิดแต่กับชนชั้นสูงเท่านั้นล่ะ”
บรูโนเล่าว่าเขาไม่เคยเห็นสามัญชนมีอาการที่ร่างกายเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเลย น่าจะเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยใช้เม็ดยาห่อฟอยล์สีเงินเลย
“ฟอยล์สีเงินที่คุณทานมันอยู่ทุกวันวันละนิดทุกๆ วันจนสะสมคือสาเหตุที่ทำให้ผิวของคุณเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินครับ”
“แล้วทำไมมันถึงต้องเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินกันล่ะ?”
บรูโนถามและฟาร์มาก็ตอบกลับทันที
“เมื่อเงินนั้นสัมผัสกับแสงแดดมันจะค่อยๆ คล้ำขึ้นครับ”
“แล้วผมจะรักษาอาการนี้ยังไงดีล่ะครับ? จะดีขึ้นไหมถ้าผมปรับเป็นทานยานี้วันละหนึ่งเม็ดแทน?”
“ก่อนอื่นก็ขอให้หยุดการทานยาตัวนี้ไว้ก่อนนะครับ”
ฟาร์มาเน้นเสียงของเขาขึ้นเล็กน้อย
“ผะ ผมเข้าใจแล้วครับ แล้วแบบนี้หมายความว่าผิวของผมไม่สามารถรักษาให้หายได้แล้วงั้นเหรอครับ. . .!?”
เอิร์ลถอนหายใจออกมา บรูโนที่รู้สึกสงสารเขานั้นได้ลุกยืนขึ้นและยื่นข้อเสนอให้กับเขา
“ผมก็ไม่รู้วิธีรักษาหรอกนะครับแต่. . .กรุณาลุกขึ้นยืนด้วยครับ ให้ผมได้ลองปรับสมดุลของเหลวในร่างกายคุณดู”
“ขะ ขอความกรุณาด้วยนะครับ แล้วผมจะจ่ายค่ารักษาให้นะครับ!”
“เพราะผมก็ได้ทานอาหารที่นี่ฟรีแล้วด้วยสิ ดังนั้นไม่ต้องไปใส่ใจหรอกครับ”
บรูโนจับตัวของเขาเอาไว้และยืนอยู่ข้างหลังเอิร์ล บรูโน่สวดบทร่ายอะไรบางอย่างและเคาะคทาแห่งเทพไปที่หลังของเอิร์ลซึ่งเหมือนจะไปกระตุ้นตรงจุดสำคัญ เอิร์ลที่ได้รับการรักษาก็มีอาการโล่งใจขึ้นมา
อ้าจริงสิ เราควรจะลองใช้มันตอนนี้แหละ
ฟาร์มามองคนที่อยู่รอบๆ นี้ไปมาเพื่อให้แน่ใจ ก่อนจะดึงแขนเสื้อขึ้นมายื่นมือขวาออกมาก่อนจะ จินตนาการถึงส่วนประกอบโครงสร้างของเงินและเปิดใช้งานความสามารถธาตุเชิงลบของเขา
“นี่ นายกำลังทำอะไรอยู่เหรอ ฟาร์มาคุงงง . .!?”
เอเลนสังเกตเห็นแขนขวาของเขาว่าสีของมือขวานั้นจางลงไป เธอจึงจ้องมันแบบไม่กะพริบตาซึ่งนั่นหมายความว่าเธอรู้แล้วว่าฟาร์มากำลังใช้พลังของเขาอยู่อย่างแน่นอน
ฟาร์มาไม่ได้สนใจและจ้องมองไปยังเอิร์ล
“Ag (เงิน) , Ag+ สลาย”
เขาทำเช่นเดียวกับตอนที่ทดลอง เขาจินตนาการถึงพื้นที่ครอบคลุมทั้งตัวของเอิร์ล โดยไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับธาตุอื่นๆ ภายในร่างแม้แต่ของเหลวหรือเกลืออื่นๆ และลบเพียงเฉพาะเงิน (Ag, Ag+) ที่เป็นเป้าหมาย
เนื่องจากคทาของฟาร์มานั้นทำมาจากเงิน มันจะหายแน่นอนหากเขาเข้าไปใกล้แต่คทาของพ่อเขานั้นทำมาจากทองจึงไม่มีปัญหาใดๆ
ถึงอย่างนั้นหนึ่งในแหวนของเอิร์ลกลับหายไปและเม็ดอัญมณีที่อยู่ตรงกลางก็ตกกลิ้งลงไปที่พื้น
ในจังหวะเดียวกับที่บรูโน่รักษาผิวของเคาท์ชิลลอนได้เปลี่ยนเป็นสีแดงที่ดูมีน้ำมีนวล ผิวสีน้ำเงินเข้มที่ดูเหมือนเป็นมนุษย์ต่างดาวกลับกลายมาเป็นผิวที่สวยดังเดิม ไม่มีใครรู้แต่หากมองใกล้ๆ แล้วเคาท์ชิลลอนนั้นเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาพอสมควร
“ไม่จริงน่า. . . ผิวของผมกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว”
เคาท์ชิลลอน ตะโกนเรียกผู้ช่วย
“กระー กระจก! ไปเอากระจกมาที!”
เขาสั่งให้ผู้ช่วยไปเอากระจกมาหลังจากที่ตัวเขานั้นไม่ได้ใช้มันมานานมากแล้ว เพราะมันเป็นความขมขื่นทุกครั้งที่เขาได้มองมัน และในตอนนี้ก็เช่นกันเขามองไปยังกระจกด้วยความตกใจ
“ผิวของผม . . มันกลับมาแล้ว!”
เอิร์ลกระโดดไปมาด้วยความดีใจจากตรงจุดที่เขายืนและเต้นไปมากับผู้ช่วยของเขาในเวลาเดียวกัน
“อย่างที่คิดไว้จริงๆ ศาสตร์แห่งเทพของท่านแกรนดยุกช่างยอดเยี่ยม!”
“เอ๋?”
บรูโนถึงกับสับสน เพราะเขารู้ถึงผลกระทบของพลังทั้งหมดที่ใช้ไปกับเอิร์ล เพื่อให้สภาพร่างกายมีความเสถียรมากยิ่งขึ้น ผลเพียงหนึ่งเดียวของพลังที่เขาใช้นั้นคือทำให้อารมณ์ของเอิร์ลรู้สึกดีขึ้น
“ในที่สุดผมก็หมดห่วงกับเรื่องนี้ได้เสียที แล้วค่ารักษาเท่าไหร่เหรอครับ? ถึงแม้จริงๆ แล้วภรรยาของผมจะยอมแพ้ในเรื่องนี้แล้วก็หนีผมไปแล้วก็เถอะ…..”
ฟาร์มาได้ยินเรื่องนี้
ขอบคุณพระเจ้าที่เขาไม่ได้ฆาตกรรมภรรยาของตัวเองเหมือนในกรณีของจ้าวเคราคราม
และเขาก็ถอนหายใจออกมา
แต่ข่าวลือเรื่องห้องเล็กๆ ที่เอเลนได้ยินล่ะ? คำถามนี้ยังคงอยู่ในใจของเขา
หลังจากที่สถานการณ์กลับเข้าสู่สภาวะปกติ ฟาร์มาก็เดินไปหาพ่อของเขา
“นั่นเป็นฝีมือเจ้าใช่ไหม?”
คำพูดของพ่อเขานั้นถามเพื่อยืนยันในขณะที่เดินไปหยิบแก้วไวน์
หลังจากนั้นเอิร์ลที่อารมณ์ดีเป็นอย่างมากนั้นได้เปิดไวน์ภายในงานมากขึ้นและแจกจ่ายไปยังภายในงาน การฟื้นตัวของเขาจากอาการป่วยนี่ทำให้เกิดเป็นที่สนใจจากผู้คนในงานอย่างมาก แต่งานเลี้ยงนั้นยังไม่เลิกรา เมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาที่ดึกขึ้นพวกเด็กๆ ทั้งหลายก็เริ่มงอแงขึ้นมา
“ขออภัยที่พวกผมจะขอกลับไปก่อนนะครับ ขอให้เป็นคืนที่ดีนะครับ ลาก่อน”
ฟาร์มาและพวกเด็กๆ ถูกโจมตีด้วยความง่วงอย่างแรงเพราะปกติแล้วเวลานี้พวกเขาจะต้องนอนอยู่บนเตียงแล้ว แต่เอิร์ลกลับเรียกตัวพวกเขาไว้
“ผมรู้จักที่ที่หนึ่งที่น่าจะเหมาะกับพวกเธอนะ ตามผมมาสิ”
“แต่พวกเรากลับไปนอนที่บ้านน่าจะดีกว่านะครับ”
“ไปกันเถอะนะน่า”
เพราะเขาพูดแบบนั้น ฟาร์มา บลานช์ และ ลอตเต้จึงถูกพามายังสถานที่แห่งหนึ่งพวกเขาเดินลงไปที่ชั้นใต้ดินผ่านบันไดหินและถูกพาไปยังห้องเล็กๆ ที่ดูน่ากลัวตรงปลายสุดของทางเดิน
“เข้าไปในนั้นได้เลยครับ ไม่ต้องกลัว”
อย่าบอกนะ. . . ว่าในห้องนั้นมีร่างของภรรยาเขาที่ถูกฆ่าตายอยู่เหมือนกับที่เอเลนพูด. . .!?
ไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่งฟาร์มาได้เตรียมใช้พลังของเขาหากจำเป็น เขาจึงเดินตามเอิร์ลไปอยู่ข้างหน้าสุดเพื่อที่จะสามารถปกป้องบลานช์ กับ ลอตเต้ได้
ภายในห้องนั้นเขารู้สึกได้ถึงสายตาอันนับไม่ถ้วนจับจ้องเขาอยู่ ฟาร์มาถึงกับต้องตั้งท่ารอรับ
“ทุกคน วันนี้เรามีแขกมาหานะ”
อีกฝ่ายที่เอิร์ลพูดถึงนั้นคือเหล่าตุ๊กตาแสนสวยและน่ารักที่เรียงรายอยู่ในห้อง ดูเหมือนว่าห้องใต้ดินนี้จะเป็นห้องเก็บตุ๊กตา มันงดงามมากราวกับว่ามีชีวิตซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างประณีตและจัดเรื่องไว้ในจุดต่างๆ
ว๊าวー!
ฟาร์มารู้สึกตกใจและแทบจะกรีดร้องออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ ตุ๊กตาที่ดูเหมือนมีชีวิต เอิร์ลผู้มีความตั้งใจอันแน่วแน่ได้แนะนำให้ฟาร์มาเอาตุ๊กตาตัวใหญ่นี้ไปหนุนพัก
“วู้ วันนี้ผมก็รู้สึกดีมากๆ ด้วยสิ จะเอาตัวไหนกลับไปก็ได้นะถ้าพวกคุณชอบ ทุกตัวในนี้ก็มีราคาแพงซะด้วยสิ แต่มันคงจะน่าเสียดายแย่ถ้าพวกคุณไม่ชอบกัน”
เอิร์ลกอดและลูบแก้มของตุ๊กตาตัวใหญ่ที่ดูราวกับมีชีวิตนั้น
“ตัวนี้ชื่อว่าหนูน้อยอลิซ ดูที่เธอสิ ผมจะแนะนำเธอให้กับคุณนะ ผิวของเธอช่างอ่อนนุ่มราวกับว่าเธอมีชีวิตอยู่เลย! อ้า อยากให้เธอมาเป็นภรรยาของผมจังเลยนะ ขอแนะนำให้คุณนอนกับเธอในคืนนี้นะครับสามารถใช้เตียงร่วมกันได้เลย”
“ฮะ ฮะ. . .”
สำหรับลอตเต้และบลานช์นั้นตุ๊กตาตัวใหญ่ดูน่ากลัวสำหรับพวกเธอมาก
“ภรรยาของผมเหล่านี้ไม่เลวเลยใช่หรือเปล่าล่ะ ผมเอาพวกเธอไปนอนด้วยกันทุกคนกับผมอยู่เลยนะ ที่จริงทั้งหมดนี่ผมก็ทำไว้ให้กับเหล่าภรรยาคนเก่าของผมด้วยแหละนะ…”
เอิร์ลกล่าวออกมาอย่างเสียใจในขณะที่ ฟาร์มาและลอตเต้ได้ข้อสรุปแบบเดียวกันว่า ตุ๊กตาเหล่านี้ก็เป็นหนึ่งในคู่นอนของเขา
“ผมละเชื่อเลยจริงๆ”
เหตุผลที่ภรรยาของเขานั้นยอมแพ้แล้วหนีไปหนึ่งในนั้นน่าจะเป็นเพราะตุ๊กตาขนาดใหญ่ที่เขาใช้นอนกอดด้วยทุกคืนนี่แหละทำให้พื้นที่บนเตียงนั้นน้อยลงไปด้วย
ดูท่าจะไม่ใช่ตำนานจ้าวเคราครามซะแล้วสิ
เหล่าภรรยาของเอิร์ลไม่ได้ถูกเขาฆ่าหรอกนะ อีกทั้งเขายังมีเหล่าภรรยาทั้งหลายอยู่ด้วยอีกเยอะเลย นั่นคือสิ่งที่ฟาร์มาบอกกับเอเลนในวันต่อมา
________________________________________
ไวฟุ อิส ดา เบสสสส // น่าเสียดายที่มังงะตัดส่วนนี้เหลือเพียงสั้นๆ
Note : สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913