ตอนที่ 19 เด็กชายไร้เงาและคณะผู้ไต่สวน

———–

“เด็กไม่มีเงางั้นเหรอ?”

“ครับ”

ชายแก่คนหนึ่งสวมหมวกที่มีลักษณะเฉพาะของนักบวช เสื้อสีขาวและชุดคลุมสีขาวซึ่งบริเวณปกคอที่ยื่นออกมามีตราที่ถูกปักด้วยทองคำเขาเป็นหัวหน้านักบวชของโบสถ์ผู้พิทักษ์แห่งสายลม ณ เมืองมาเชล

ซึ่งเขาเพิ่งจะได้รับรายงานพิเศษจากบาทหลวงประจำชุมชน โบสถ์ผู้พิทักษ์แห่งสายลมนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มขององค์กรที่ได้รับการดูแลจาก “ศาสนจักร” ที่มีขนาดใหญ่ซึ่งสามารถพบได้ทั่วไปในแต่ละแห่งของทวีป ซึ่งแต่ละองค์กรก็จะมีเทพผู้พิทักษ์ที่ตนนับถือเป็นของตนเองอีกที และโบสถ์แห่งนี้คือเทพผู้พิทักษ์แห่งสายลม

“ครับ เด็กกำพร้าจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอ้างว่าตนนั้นเห็นมันที่บริเวณชายหาด ตามที่เขาพูดมาเขาบอกว่ามีเด็กหนุ่มผู้ไม่มีเงากำลังลบน้ำทะเลส่วนหนึ่งออกไปเพื่อช่วยเหลือเด็กที่จมน้ำอยู่ครับ”

“อะไรนะ? ไอแบบนั้นมันก็ต้องเป็นเรื่องที่กุขึ้นมาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? อย่าไปสนใจเลย”

หัวหน้านักบวชไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้แล้วเริ่มเซ็นลายมือของตนลงบนกองเอกสารด้วยปากกาขนนก

“ถ้ามันเป็นอย่างนั้นก็คงจะดีครับ แต่. . .”

บาทหลวงเริ่มอธิบายแบบจริงจัง

“ตั้งแต่ที่เด็กกำพร้าคนนั้นเริ่มโวยวายมากขึ้น คนของทางเราก็เลยพาเขาไปในหาดที่เขาบอกในวันรุ่งขึ้น แล้ว…ดูเหมือนว่าจะมีร่องรอยพลังแห่งเทพสะสมอยู่มหาศาลในบริเวณนั้นครับ”

ถ้าหากเป็นแบบนั้นก็หมายความว่าต้องมีการใช้พลังบริเวณนั้นอย่างแน่นอน

“เดี๋ยวก่อนนะ เจ้าบอกว่าวันรุ่งขึ้นมันก็ยังหลงเหลืองั้นเหรอ?”

หัวหน้านักบวชคิดว่าเขาฟังผิด ถ้าหากศาสตร์แห่งเทพที่มีพลังระดับสูงขนาดนั้นถูกใช้ผู้ที่จะใช้มันก็คงจะมีแต่ระดับของจักรพรรดินีแล้วยังมีร่องรอยพลังตกค้างอยู่บริเวณนั้น เพราะศาสตร์แห่งเทพนั้นร่องรอยการตกค้างของมันจะสูญสลายหายไปในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่จะเชื่อได้ทันทีว่ามันอยู่เกินมาถึงหนึ่งวัน

“ผมแน่ใจครับว่าร่องรอยของพลังเวทย์นั้นไม่ได้หายไปไหน เพราะเหล่านักบวชที่ติดตามไปด้วยนั้นก็ต่างยืนยันเช่นนั้น”

นี่มันไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว หัวหน้านักบวชเริ่มคิดหนัก

“แล้วก็น้ำทะเลถูกลบหายไปงั้นเหรอ. . .? เขาใช้ศาสตร์เชิงลบของธาตุน้ำงั้นเหรอ?”

“ท่านคิดแบบนั้นงั้นเหรอครับ? ที่เด็กคนนั้นกล่าวมาคือ น้ำทะเลมันถูกลบหายไปเป็นช่องใหญ่เลยนะครับศาสตร์แห่งเทพปกติมันทำได้ขนาดนั้นเหรอครับ?”

ถ้าหากนั่นเป็นเรื่องจริง พลังที่ตกค้างนั่นด้วย หมายความว่าเด็กที่ไม่มีเงาคนนั้นต้องใช้ศาสตร์แห่งเทพอย่างแน่นอน แต่เขาไม่เคยได้ยินและเห็นเลยว่าความสามารถแบบนั้นมันมีอยู่ด้วย หัวหน้านักบวชที่กำลังลงมือเซ็นเอกสารอยู่นั้นเริ่มเผยรอยยิ้มและตั้งใจฟังในสิ่งที่กำลังบาทหลวงนั้นรายงานต่อไปนี้

แสงไฟหลากสีที่ส่องมาจากทางหน้าต่างทำให้บรรยากาศภายในห้องนั้นดูแปลกประหลาดภายในห้องขนาดใหญ่นั้นได้มีหัวหน้านักบวชนั่งอยู่ใกล้ๆ กับเปลวไฟของเทียนไขกำลังแสดงท่าทางเคร่งขรึมอยู่

“อืม ไม่เงาสินะ เดี๋ยวก่อนนะเรื่องนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นที่ไหนมาก่อนด้วยสินะ?”

“ผมคิดว่าบางทีนั่นอาจจะเป็นปีศาจก็ได้นะครับ?”

เพราะว่าพวกปีศาจนั้นจะไม่มีทางปรากฏตัวในตอนกลางวันอยู่แล้ว อีกทั้งมันยังไม่สามารถสะสมพลังจากศาสตร์แห่งเทพได้อีกด้วยเพราะพวกมันไม่ได้รับพรจากพระเจ้า นั่นคือข้อสรุปที่หัวหน้านักบวชได้รับ

“แล้วเด็กคนนั้นบอกมาว่า ลักษณะเด็กที่ไม่มีเงาคนนั้นคือ มีผมสีบลอนด์อ่อนและผิวค่อนข้างออกไปทางขาวเหลือง แต่ภายในเมืองมาเชลนั้นไม่มีเด็กคนไหนเลยที่ผมสีบลอนด์และมีคุณสมบัติธาตุน้ำเชิงลบเลยนะครับ”

นี่มันเป็นเรื่องแปลกๆ มากๆ แม้ตัวหัวหน้านักบวชนั้นจะเป็นผู้ทรงอำนาจมานานพอสมควร แต่เขาก็จำไม่ได้เลยว่าจะมีใครที่ตรงกับเงื่อนไขที่ว่ามานั้น ประการแรกคือตัวเขานั้นจำเด็กทุกคนในเมืองมาร์เซย์ที่มีธาตุเชิงลบได้ทั้งหมดด้วยปริมาณที่น้อยด้วยนั่นเอง

“แล้วเด็กคนนั้นจำหน้าของเขาได้หรือเปล่า? บางที่อาจจะเป็นคนที่มาจากเมืองอื่นก็เป็นได้”

หัวหน้านักบวชเริ่มถามหาคำตอบ

“เพราะพวกเขาอยู่ห่างไปไกลมาก เด็กคนนั้นเลยมองไม่ค่อยจะเห็นชักนักครับ”

ถ้าหากเขาคิดอย่างรอบคอบเด็กหนุ่มปริศนาที่ไม่มีเงาคนนั้นซึ่งสามารถใช้ศาสตร์แห่งเทพเชิงลบได้อย่างมีประสิทธิภาพขนาดนั้น เขาจึงตัดสินใจติดต่อกับเบื้องบนเพราะหากปล่อยไว้แบบนี้บางทีเด็กคนนั้นอาจจะนำพลังนั้นไปใช้ในทางที่ผิดเนื่องจากวุฒิภาวะและช่วงอายุของเขานั้นมีแนวโน้มสูงมาก เพื่อไม่ให้เป็นเช่นนั้นควรจะให้เขาได้รับการฝึกอบรมจากหน่วยงานพิเศษของทางองค์กร

“จงไปติดต่อเหล่าผู้ไต่สวนและตามหาเด็กคนนั้นซะ”

“น้อมรับคำสั่งครับ”

สภาไต่สวนแห่งวิหารเทพ..เป็นกลุ่มที่ทำหน้าที่ลงทัณฑ์พวกนอกรีตและขับไล่เหล่าปีศาจวิญญาณร้ายโดยเฉพาะ

ไม่กี่วันต่อมาได้มีคำสั่งให้ค้นหาตัวเด็กชายผู้นั้นถูกส่งไปยังทุกโบสถ์ทั่วทวีป

______________________

เหตุการณ์ดังกล่าวนั้น ฟาร์มาไม่อาจล่วงรู้ได้เลย

ฟาร์มาและกลุ่มของเขาได้เสร็จสิ้นจากการตรวจสอบภายในเมืองมาเชลและเดินทางกลับไปยังเมืองหลวง ในขณะที่พวกเขามานี่ที่ร้านขายยาของพวกเขาก็ปิดทำการมาถึงหนึ่งสัปดาห์แล้ว ขณะที่ฟาร์มากำลังเตรียมเพื่อกลับไปทำงานอัศวินผู้เป็นหัวหน้าในการเฝ้ายามของร้านขายยาก็รีบวิ่งเข้ามาในคฤหาสน์เมดิซิส

“มีเกวียนมาชนร้านขายยา!?”

มันเกิดขึ้นในขณะที่บรูโนกำลังรับประทานอาหารเช้าอยู่กับฟาร์มา

“ครับ คุณท่าน ประตูและสินค้าภายในร้านบางส่วนได้รับความเสียหายครับ โดยปกติแล้วพวกเรานั้นจะแบ่งเวรยามเฝ้าร้านกันเป็นกะละสองคน เมื่อเช้านี้ขณะพวกเราก็กำลังจะทำการเปิดประตูเหล็กของร้านเตรียมรอรับท่านฟาร์มา ก็มีเกวียนสองคันที่ไม่มีคนขี่พุ่งเข้าไปผ่านช่องว่างประตูอย่างรวดเร็วจนเกิดความเสียหายขึ้นภายในร้านครับ ทั้งๆ ที่พวกเราก็อยู่ที่นั่นด้วยแท้แต่กลับทำอะไรไม่ได้ พวกเรารู้สึกเสียใจจริงๆ ครับคุณท่าน อีกทั้งเรายังไม่ทราบเจ้าของของเกวียนเล่มพวกนั้นด้วยครับเนื่องจากมันไม่ติดป้ายทะเบียนเอาไว้”

“แล้วห้องผสมตัวยาเป็นยังไงบ้าง?”

ห้องผสมนั้นตั้งอยู่หลังเคาน์เตอร์และยังเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของร้านด้วย ฟาร์มาต้องลำบากใจแน่ๆ ถ้าหากห้องนั้นได้รับความเสียหายไปด้วย

“ห้องผสมยังปลอดภัยดีครับ”

“แล้วภายในนั้นบรรทุกอะไรอยู่บ้างเหรอครับ?”

ฟาร์มานั้นสามารถกำจัดพวกของที่อยู่ภายในรถม้านั้นและกลับมาเปิดร้านได้อย่างง่ายดายหากมันเป็นพวกสารเคมีหรืออะไรทำนองนั้น นอกจากนั้นวันนี้ที่เขาแจ้งว่าจะกลับมาเปิดร้าน นั่นหมายความว่าผู้ป่วยจำนวนมากที่กำลังรอเข้าอยู่ต้องโหมกันเข้ามาที่ร้านเพื่อรับยาตามใบสั่งอย่างแน่นอน การกลับมาของเขานั้นต้องกู้ยอดการขายที่หายไปในระหว่างปิดร้านได้อย่างแน่นอน

“มันเป็นพวกขยะสดกับทรายครับ”

อัศวินรายงานด้วยเสียงที่สั่น

อ้า ถ้าเป็นแบบนั้นเราก็คงจะต้องปิดร้านชั่วคราวอีกแล้วสินะ และฟาร์มาก็ต้องยอมแพ้ในการเปิดร้านวันนี้ ก่อนจะถึงเวลาเปิดร้านต้องรีบเขียนหนังสือแจ้งไปที่ร้านโดยด่วนก่อนที่เหล่าผู้ป่วยจะมา

“ถึงแบบนั้น. . . ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องดีที่แรงปะทะของมันนั้นหมดไปในตอนที่เกวียนนั้นล้มลงไปแล้วไม่งั้นความเสียหายคงจะมากกว่านี้”

แม่ของเขาแสดงความเป็นห่วงออกมา เมื่อลอตเต้และเซดริกเข้ามาภายในห้องพวกเขาก็เข้าใจบรรยากาศที่ผิดปกตินี้ทันทีและเงียบไป

“มีใครบางคนพยายามก่อกวนร้านของเรา..”

บรูโนที่กำลังทานอาหารเสร็จแล้วพูดขึ้นมา ซึ่งฟาร์มาเองก็คิดเช่นนั้น

“บางกรณี อาจจะเป็นเพราะร้านนี้นั้นขายยาที่แปลกออกไปจากที่อื่น จนทำให้คนบางกลุ่มนั้นรู้สึกกลัวและคิดว่าสถานที่ที่ดูอันตรายก็เป็นไปได้อยู่นะครับ”

แม้มันจะดูค่อนข้างจะเป็นไปไม่ได้กับพวกคนในแวดวงธุรกิจนี้ แต่ร้านที่ดูแตกต่างไปจากที่อื่นก็อาจจะทำให้เหล่าลูกค้าบางกลุ่มมองว่าเป็นภัยได้

“บางที. . .”

เขารู้สึกไม่ค่อยดีว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นที่ร้านเมดีกหรือเปล่า

“เราต้องรีบกลับมาเปิดร้านให้ได้เร็วที่สุดครับ เพราะถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้ลูกค้าคงได้หายไปกันหมดแน่”

“นี่มัน. . .”

“นี่มันเลวร้ายสุดๆ เลยค่ะ. . . ร้านเละเทะไปหมดเลย”

เมื่อฟาร์มา ลอตเต้ และเซดริกเดินทางมาถึงร้านเขาก็พบกับสภาพของร้านที่ดูเละเทะ สิ่งสงปรกจากพวกขยะของเน่าเสียงั้นเหรอ? ร้านอบอวลไปด้วยกลิ่นที่แย่มากๆ และหลายส่วนของร้านก็ถูกปกคลุมไปได้ของเน่าเสีย สิ่งปฏิกูลและทราย โชคดีที่เหล่าอัศวินกล่าวว่าห้องพักรวมนั้นยังปลอดภัย

เนื่องจากเซดริกนั้นมีคุณสมบัติของศาสตร์แห่งเทพเป็นธาตุดินเชิงบวก จึงทำให้เขาไม่สามารถจัดการกับสิ่งสกปรกและทรายเหล่านี้ด้วยศาสตร์แห่งเทพได้ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังพอจะสามารถขจัดดินที่ปนเปื้อนอยู่ในนั้นได้บ้าง

“ชำระล้าง (La épuration) ”

เซดริกจับคทาและเริ่มร่ายมนตร์เพื่อกระตุ้นการชำระล้างดิน

“ขอบคุณมากครับ คุณเซดริกกลิ่นตอนนี้ดีขึ้นเยอะเลย”

“ผมก็ทำเท่าที่ผมทำได้เท่านั้นแหละครับ”

เซดริกสูดหายใจเข้าด้วยความกังวล

“นี่มันหมายความว่ายังไงกัน!?”

เอเลนเดินทางมาจากคฤหาสน์บอนฟัวได้ตะโกนถามถึงสภาพในตอนนี้โดยไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้เลย

“เอเลนคุณช่วยเอายาพวกนี้ไปทำในส่วนของห้องผสมที่ร้านเมดีกแทนแล้วเริ่มทำงานที่นั่นไปแทนร้านนี้ก่อนได้หรือเปล่า? ผมอยากกจะส่งผู้ป่วยที่ดูแลที่นั่นแทนก่อน”

ฟาร์มาเข้าไปที่ห้องผสมซึ่งยังอยู่ในสภาพที่สะอาดเพราะถูกคั่นไว้ด้วยผนังและเริ่มผสมยาทั้งหมดที่จะใช้สำหรับผู้ป่วยในวันนี้ หลักจากเสร็จสิ้นเขาก็มอบถุงยาและรายชื่อของผู้ป่วยให้กับเอเลน นอกจากนั้นยังรวมถึงชุดผสมและขวดด้วย

“นี่. . . คงจะพอสำหรับผู้ป่วยทั้งหมดที่จะมาภายในวันนี้ ดังนั้นหากมีผู้ป่วยคนใหม่มาผมจะเขียนใบสั่งยาแล้วส่งไปให้ที่ร้านเมดีกเอง”

“อะ อืม เข้าใจแล้ว”

เมื่อไม่นานมานี้เอลลนได้เรียนรู้เทคนิคต่างๆ ของฟาร์มาและเริ่มผสมผสานยาต่างๆ เข้าด้วยกันด้วยวิธีการสมัยใหม่ซึ่งได้มาจากเทคนิคของฟาร์มา ถ้าเธอไม่ได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้มาจากฟาร์มาเธอก็คงไม่สามารถรับมือกับโรคที่ไม่ใช่โรคทั่วไปได้แน่นอน เพราะเธอเชื่อว่ายาที่ฟาร์มาทำนั้นมีประสิทธิภาพมากจากปัจจุบันนี้เธอจึงได้เปลี่ยนรูปแบบการทำยาของเธอมาเหมือนกับฟาร์มา

“แล้วก็อย่างสุดท้าย อย่าเปิดประตูเหล็กหน้าร้านเมดีกทิ้งไว้เด็ดขาดนะ”

“ทำไมล่ะ? ที่นั่นจะก็โดนด้วยงั้นเหรอ?”

“ก็เป็นแค่ข้อควรระวังไว้ อีกอย่างหนึ่งพาลอตเต้ไปช่วยงานคุณด้วย”

“เอ๋!? แต่ฉันอยากอยู่ช่วยท่านที่นี่นะคะ!”

“เข้าใจแล้ว ไปกันเถอะลอตเต้จัง เธอควรจะฟังที่หัวหน้าพูดด้วยนะ”

“เข้าใจแล้วค่ะ”

“ถ้าหากมีพวกน่าสงสัยเข้ามาฉันจะเป่ามันด้วยพลังของฉันเอง!”

ฟาร์มาสามารถฝากเรื่องนี้กับเอเลนได้เพราะเธอเป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพธาตุน้ำที่เก่งกาจ

ตัวเขานั้นยังคงอยู่ที่ร้านขายยาต่างโลกและทำการเก็บกวาดร้าน

“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน….ใครมันบังอาจมาทำกับร้านโปรดของข้ากัน!?”

ตาณองเดินเข้ามาในร้านเป็นคนแรกของเช้านี้ก่อนที่ร้านจะเปิดซะอีก หลังจากที่เขาได้เห็นสภาพของร้านแล้วความโกรธของเขาก็โพยพุ่งขึ้นมาทันที

“ทั้งที่คิดว่าวันนี้จะได้มาซื้อลูกอมแล้วแท้ๆ เชียว! แบบนี้ก็หมายความว่าข้าก็ดื่มน้ำจากที่นี่ไม่ได้ด้วยงั้นสิー!?”

ฟาร์มาไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้หลังจากที่ได้ยินเสียงของชายแก่คนนั้น เขาเริ่มทำการหาลูกลงเรือที่อยู่ภายในร้านที่ของทั้งหมดกระจัดจายไปในที่ต่างๆ และบางอันก็ถูกฝังไว้ในกองขขยะและทรายด้วย แต่โชคดีที่ลูกอมนั้นปลอดภัยเพราะถูกเก็บไว้ในโถด้านขวาบนของชั้นวางที่ดูท่าจะล้มลงมาได้ทุกเมื่อ ฟาร์มานำโถลงมาก่อนจะส่งมันให้กับตาณอง

“แม้โถนี้ข้างนอกจะดูสกปรกไปบ้างแต่ข้างในปลอดภัยดีครับ เพราะตาณองเป็นลูกค้าคนสำคัญของผม ผมเลยขอมอบสิ่งนี้ให้ครับ หลังจากที่ร้านจัดการกับเรื่องพรุ่งนี้เสร็จแล้วกรุณาแวะกลับมาใช้บริการอีกนะครับ”

“ว๊าวววววว . .! เจ้าให้ข้าฟรีเลยงั้นเรอะ!?”

ตาณองพูดขึ้นมาด้วยเสียงสั่น ก่อนจะวิ่งหนีไปกับโถที่อยู่ในมือของเขาด้วยความเร็วที่แม้แต่ฟาร์มาก็ไม่คิดว่าชายแก่แบบเขาจะทำได้

“ท่านแพทย์โอสถหลวงอย่าท้อแท้ไปเลยครับ”

“ถ้ามีอะไรที่ฉันพอช่วยได้ก็บอกเลยนะคะ”

“เราไปช่วยเขากันเถอะ”

เหล่าเจ้าของร้านบริเวณใกล้เคียง ได้ออกมาหาฟาร์มาและแสดงความเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ พวกเขากล่าวว่าจะให้ยืมมือจัดการกับพวกซากปรักหักพักนี้ด้วยรถม้าของที่นำมา

“ขอบคุณครับ ช่วยผมได้มากจริงๆ”

ทีละเล็กทีละน้อย เหล่าผู้คนที่มาช่วยเขานั้นค่อยๆ เพิ่มขึ้น

ช่วงเวลาที่ร้านนั้นกลับมาเปิดเป็นปกติ เหล่าลูกค้าทุกคนต่างรอคอยวันนั้นมาอย่างยาวนาน เมื่อมีเหล่าผู้ป่วยหรือลูกค้าคนใหม่เข้ามาเห็นสภาพร้านแบบนี้ก็ทำได้แค่เพียงส่ายหัวไปมา ผู้ป่วยที่จำเป็นจะต้องใช้ยาจะถูกส่งไปยังร้านแห่งที่สอง สำหรับผู้ป่วยใหม่ฟาร์มาจะเขียนไปสั่งยาแล้วบอกให้ผู้ป่วยนำมันไปรับยาที่ร้านแห่งที่สองเช่นกัน

เหล่าผู้คนในเมืองที่เดินผ่านมาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็ต่างอาสาเข้ามาช่วยกันทำความสะอาด

“ทุกๆ คน. . .ขอบพระคุณมากเลยครับ!”

ฟาร์มาโค้งคำนับเพื่อเป็นการขอบคุณเหล่าอาสาสมัครเหล่านี้

“ก็เพราะร้านขายยานี้เป็นสถานที่สำคัญสำหรับพวกเราน่ะสิ”

ชายคนหนึ่งผู้ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง ยิ้มออกมาและหัวเราะในขณะที่หน้าเต็มไปด้วยเหงื่อจากการทำงาน

เซดริกกล่าวเสริมว่า “ดูเหมือนว่าร้านขายยานี้จะเป็นที่รู้จักและสร้างรากฐานที่มั่นคงขึ้นมาในเมืองหลวงแห่งนี้ซะแล้วนะครับ” ด้วยสายตาอันมุ่งมั่น

“พวกข้ามาช่วยแล้ว”

หลังจากผ่านไปพักหนึ่ง ตาณองได้นำ พวกคนหนุ่มที่ดูท่าทางแข็งแรงซึ่งทั้งตัวเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเปลือยเปล่าบริเวณท่อนบนจำนวนสิบคนเข้ามาในร้าน ฟาร์มาถึงกับตกใจในสิ่งที่เห็น

“คนพวกนี้เป็นใครกันครับ?”

“พวกคนหนุ่มๆ ที่บ้านข้าเอง นี่เป็นค่าตอบแทนสำหรับลูกอมลงเรือของเจ้า”

ตาณองเชิดหน้าขึ้นและนำคนเหล่านี้เข้ามาช่วยฟาร์มา จากรอยสักสมอและชื่อของเรือจากแขนพวกเขาทำให้รู้ว่าคนพวกนี้คือชาวประมง แต่คนพวกนั้นดูเชื่อฟังชายแก่คนนี้เป็นอย่างมาก แม้ว่าฟาร์มาจะพอคาดเดาได้ว่าชายแก่คนนี้คือกัปตันเรือที่เกษียณอายุตัวเองมาแล้ว ซึ่งเขาก็ไม่ได้บอกอะไรได้มากกว่านี้นัก

ขอบพระคุณสำหรับเหล่าผู้ช่วยคนใหม่ครับและเหล่าทรายก็ถูกตักใส่กระสอบและแบกออกไปนอกร้านด้วยความรวดเร็ว อีกทั้งเมื่อจักรพรรดินีได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น เธอได้ส่งเหล่าทหารรักษาพระองค์มาช่วยดูแลความปลอดภัยของร้านเมดีกมาขึ้น ทุกๆ อย่างและทุกๆ ความช่วยเหลือในที่แห่งนี้นั้นถูกสั่งการโดยโนอาร์ผู้เป็นข้ารับใช้ส่วนตัวของจักรพรรดินี

“จักพรรดินีโกรธมากเลยนะ นายรู้หรือเปล่า เพราะเป็นร้านที่มีตราหลวงอยู่ด้วยยิ่งทำให้หนักขึ้นไปอีก ผมล่ะกลัวสุดๆ เลยー”

โนอาร์ที่ได้เห็นความโกรธของเธอนั้นแทบอยากจะหนีออกไปให้โดยเร็ว

“นายคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้เหรอ? แล้วฝ่าบาทมีมาตรการตอบโต้อะไรไหม?”

“ผมคิดว่ามันคงเป็นการกลั่นแกล้งแน่ๆ นายคิดว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้กันล่ะ?”

“ที่ผมคิดไว้ก็มีหลาย กลุ่มอยู่เหมือนกันนะ ฉะนั้นคงยืนยันอะไรไม่ได้หรอก”

กิลด์แพทย์โอสถก็เป็นหนึ่งในความเป็นไปได้มากที่สุด แต่หากเขาพูดออกไปอย่างมั่นใจเช่นนั้นโดยไม่มีหลักฐานใดๆ แล้วเรื่องดันไปถึงจักรพรรดินีเธอคงไม่แคล้วจะสั่งจับพวกนั้นทันที และหากไม่ได้เป็นฝีมือของคนพวกนั้นขึ้นมานั่นคงเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายสุดๆ เป็นแน่

“ฝ่าบาทส่งเหล่าช่างฝีมือบางคนมาช่วยงานตกแต่งภายในด้วยนะ ถ้านายทำความสะอาดร้านทั้งหมดเสร็จในวันนี้ พวกเขาสามารถเข้ามาช่วยจัดการซ่อมแซมร้านภายในพรุ่งนี้และพร้อมเปิดร้านได้อีกในวันถัดไปทันที”

อย่างที่คาดเอาไว้พระองค์กระทำการต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว การที่เขาได้รับการสนับสนุนที่ดีขนาดนี้ช่างรู้สึกโชคดีจริงๆ ฟาร์มารู้สึกขอบคุณกับเรื่องนี้

“มาพักทานอาหารกลางวันกันเถอะครับทุกคน เหนื่อยกันหน่อยนะครับ ผมรู้สึกขอบคุณทุกท่านจากหัวใจจริงๆ”

“นั่นสินะ ถึงเวลาแล้วนี่นา”

“ช่างดีจริงๆ”

เมื่อถึงเวลาพักรับประทานอาหารกลางวัน ฟาร์มาและเซดริกลุกขึ้นและกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยคราบสกปรก จากนั้นพวกเขาก็ไปทานอาหารที่ร้านฝั่งตรงข้าม

“ท่านฟาร์มา ดูเหมือนว่างานพวกเราจะเสร็จก่อนถึงช่วงเย็นนะครับ”

“ก็เพราะได้ทุกคนช่วยนั่นแหละครับ”

เมื่อฟาร์มาและเซดริกนั่งพัก ก็ได้มีเสียงจากข้างนอกเรียกพวกเขา

“ท่านแพทย์โอสถหลวง เรามีผู้ป่วย กรุณาช่วยเหลือเราด้วย!”

หญิงสาวผู้ตื่นตกใจกลัวได้วิ่งเข้ามาหาฟาร์มา

“พ่อของฉันทำงานกลางแดดร้อนแล้วก็ล้มลงไปค่ะ แล้วเขาไม่ตื่นเลยมาอีกเลย! ได้โปรดเถอะค่ะ เขาอยู่ใกล้ๆ นี้เอง!”

“เป็นลมแดดงั้นเหรอ? เข้าใจแล้วครับ ไปกันเถอะครับ”

ฟาร์มาเดินกลับไปที่ร้านของเขาและเอาถุงเครื่องมือของเขาออกมาจากนั้นก็ปืนขึ้นม้าและตามม้าที่หญิงสาวนำมาไป

“ท่านฟาร์มาจะดีเหรอครับ ที่ไปคนเดียวแบบนั้น?”

เซดริกเรียกเขาด้วยความเป็นห่วง

“ถ้าหากมีอะไรเกินมือผม ผมจะรีบกลับมาขอความช่วยเหลือเองครับ”

“ถ้าเช่นนั้น กระผมจะดูแลเรื่องทางนี้เองครับ”

“ขอบคุณครับ”

ฟาร์มาขี่ม้าตามหญิงสาวที่นำทางไปด้วยความรวดเร็ว จนพวกเขามาถึงเนินเขาของปลายเขตเมืองหลวง หากพวกเขาไม่ได้มาที่นี่แบบเร่งด่วนคงจะได้ใช้เวลาไปกับวิวที่สวยงามระหว่างทางซึ่งมองเห็นเมืองหลวงอยู่ใกล้ๆ . . ฟาร์มารู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที เพราะบริเวณที่มาถึงนั้นเป็นเป็นที่รกร้าง

“ที่นี่แหละค่ะ”

“คุณพูดอะไรกันครับ?”

ฟาร์มาลงจากม้าพร้อมกับหญิงสาว

ผมสงสัยจริงๆ ว่ามันจะมีคนล้มในที่แบบนี้จริงเหรอ แล้วยิ่งกว่านั้นเขามาทำอะไรในที่แบบนี้กัน?

“ผู้ป่วยอยู่ー”

ก่อนฟาร์มาพูดจบ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมา

เหล่าชายชุดขาวขี่ม้าลงมาจากเนินเขา ส่วนตัวหญิงสาวนั้นหายไปไหนก็ไม่อาจทราบ

นี่เป็นกับดัก!

ฟาร์มาเริ่มมองดูพวกรอบๆ ที่มีจำนวนมากกว่าตน และทุกคนที่อยู่บนม้าก็พกคทาแห่งเทพกันมาด้วย นั่นหมายความว่าพวกเข้าเป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพไม่ใช่แค่พวกอันธพาลทั่วไป

“พวกเราคือกลุ่มผู้ไต่สวนแห่งคณะไต่สวนของวิหารเทพ”

พวกเขาทั้งหมดสวมเสื้อผ้าสีขาวซึ่งมีลักษณะแตกต่างกัน นั่นน่าจะเป็นเครื่องป้องกันศาสตร์แห่งเทพ อีกทั้งปลอกแขนที่พวกเขาสวมนั้นแสดงได้ถึงตำแหน่งครูเซเดอร์ของทางโบสถ์

“พวกคุณมีธุระอะไรกับผมงั้นเหรอ?”

“จากคำสั่งของวิหารเทพเราได้รับหน้าที่สืบหายตัวเด็กชายผมสีบลอนด์ที่ไม่มีเงา”

ก็เราไม่ใช่เหรอ! คนพวกนี้ตามหาตัวเรามานานแค่ไหนแล้วกันนะ!?

ดูท่านอกจากฟาร์มาแล้วคงไม่มีเด็กคนอื่นที่ไม่มีเงาแล้วหล่ะ

“เราประมาทไปเองจริงๆ ที่ออกไปเดินข้างนอกกลางวันแสกๆ”

“ทำไมเจ้าถึงไม่มีเงากัน?”

ดวงอาทิตย์ยังคงส่องแสง ฟ้าที่เปิดไร้ซึ่งเมฆเหนือเนินเขา ถึงเป็นเช่นนั้นเท้าของฟาร์มานั้นก็ยังไร้ซึ่งเงาใดๆ ถ้าหากเขาใส่ชุดหนาๆ เขาก็ยังพอจะมีเงาจากรอยเงาของพวกเสื้อ แต่ตอนนี้เขาแต่งกายด้วยชุดลำลองทั่วไปจึงเห็นได้ชัดเลยว่าเงาของเขามันหายไป ในขณะที่เหล่าผู้ไต่สวนนั้นต่างมีเงาดำอยู่ที่ใต้เท้าของพวกเขา

“เจ้าเป็นปีศาจร้ายงั้นเหรอ?”

“ผมไม่ใช่ปีศาจ!”

ที่เลวร้ายสุดๆ ก็แค่ผีนะครับตัวผมน่ะ ไม่น่าจะใช่ปีศาจร้ายอะไรนั่นหรอก นั่นคือสิ่งที่ฟาร์มาคิด

“ถ้าอย่างงั้นมันคืออะไรกันล่ะ!?”

ชายคนหนึ่งเริ่มหมดความอดทนหลังจากที่พวกเขาหยุดนิ่งรอฟังคำตอบจากฟาร์มา

“ยกมือขึ้นแล้วถอยหลังไปสิบก้าว”

ชายคนนั้นเริ่มตะโกนออกมาด้วยเสียงขู่ ฟาร์มาโดนสั่งให้ถอยกลับไปสิบก้าวไปยังจุดที่เป็นพื้นราบและไม่มีหญ้า

” จับกุม! (Arrestation) ”

ชายคนนั้นตะโกนออกมาในขณะที่กระโดดลงจากม้าพร้อมแทงคทาแห่งเทพลงไปในดิน จากนั้นก็เริ่มร่ายมนตร์ที่ดูท่าจะเป็นข่ายกักกันปีศาจร้าย เป็นการสร้างเกราะป้องกันศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาที่พื้น แสงสีแดงพุ่งออกมาจากพื้นแสงประกายนั้นโจมตีเข้าไปยังตาของฟาร์มา ถึงอย่างนั้น

“อะー อะไรกัน!?”

เสียงระเบิดดังขึ้นบริเวณเป้าหมาย

“ข่ายกักกันปีศาจไม่ได้ผล!?”

“เอ่อ ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าผมไม่ใช่ปีศาจ”

คำเหล่านั้นช่างน่าขนลุก

คนอื่นๆ พยายามคิดค้นหาตัวตนที่แท้จริงของฟาร์มา

“เผยตัวตนที่แท้จริงออกมาซะ!”

” พายุเปลวเพลิง (Tempête de la flamme) ”

ทันทีที่กล่าวคำนั้นออกมา เปลวไฟก็ได้พวยพุ่งขึ้นมา

สัญญาณการต่อสู้ได้เริ่มขึ้นแล้ว

ฟาร์มาโยนกระเป๋าแพทย์ของเขาทิ้งไปบนเนินเขา ก่อนจะยกมือซ้ายขึ้นมาและสร้างไนโตรเจนจำนวนมาก ก่อนจะถอนหายใจ ในเวลาเดียวกันออกซิเจนรอบๆ ตัวก็ถูกลบออกไปจากเปลวไฟ เขาได้รับการฝึกฝนนี้มาจากการซ้อมรบกับเอเลนเผื่อเหตุที่คาดไม่ถึงตามที่เอเลนบอก นั่นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชนชั้นสูง สำหรับร่างกายของฟาร์มานั้นมีพลังป้องกันที่สูงมากแม้จะโดนโจมตีเข้ามาแต่ก็สามารถสร้างบาดแผลได้เพียงแค่รอยข่วน แม้แต่กับพลังของเอเลนก็ยังไม่สามารถทำให้เลือดของเขาไหลออกมาได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว “เราจะเผลอไปฆ่าฝ่ายตรงข้ามไหมเนี่ยแบบนี้” ก่อนที่เปลวไฟจะพุ่งมาถึงตัวเขา เพื่อป้องกันอาการหน้ามืดจากควันไฟ เขาจึงได้สลายไนโตรเจนออกไปด้วย

“มะ. . . มือเปล่า!? คุณสมบัติเชิงลบของธาตุไฟ!?”

หนึ่งในคนกลุ่มนั้นเป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพธาตุน้ำได้โจมตีโดยใช้แท่งน้ำแข็ง แต่ฟาร์มาก็สลายมันไปด้วยความสามารถในมือขวาของเขาได้ไม่ยาก

“คุณสมบัติเชิงลบของธาตุน้ำก็ด้วย!?”

โดยปกติแล้วผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพนั้นจะไม่ปรากฏคุณสมบัติที่สามารถใช้ได้หลากหลายธาตุอยู่เลย พวกเขาจึงเกิดความสับสนขึ้นมา

การระเหยของไอน้ำจะทำให้ระคายเคืองหรือเปล่านะ? อ้า จะเป็นลมแล้วจริงๆ ด้วยสิ

เราทำให้พวกนั้นหมดสติไปได้ด้วยการสลายน้ำในร่างกายหรือทำให้ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้หรือเปล่านะ?

ฟาร์มากำลังสำรวจและวิเคราะห์หาวิธีการเอาชีวิตรอดไปจากที่นี่โดยไม่ทำร้ายคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไรบ้าง แต่ถ้าปล่อยพวกเขาไปสุดท้ายตำแหน่งของร้านขายยาก็ถูกคนพวกนี้รู้หมดแล้วและพวกนี้ต้องกลับมาอีกแน่ๆ เขาสามารถจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบๆ ได้เพียงแค่ที่นี่เท่านั้น แต่อาจจะมีใครอยู่แถวนี้แล้วเห็นเข้าก็ได้ แม้ว่าตัวเลือกในการฆ่าคนพวกนี้จะไม่ได้เป็นตัวเลือกเริ่มต้นก็เถอะ

“ตามคำสั่งที่ได้รับมาจะจับเป็นหรือตายก็ได้ ดังนั้นฆ่ามันซะ”

เอ๋ーー!?

คำสั่งฆ่าออกมาจากชายผู้สวมปลอกแขนเส้นคู่ขนานซึ่งแสดงว่าเขานั้นเป็นผู้นำของกลุ่มนี้

พวกนอกรีตสมควรตาย นั่นคือสิ่งที่อยู่ในใจของเขา

ด้วยเหตุนี้คงจะจบเรื่องนี้โดยปราศจากผู้บาดเจ็บไม่ได้เสียแล้ว

__________________________________

Note : สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913