ตอนที่ 107 เถียหนิวเข้ามาหยุดรถ

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่ 107 เถียหนิวเข้ามาหยุดรถ

หลังรับประทานมื้อเย็น หลินม่ายก็ขับแทรกเตอร์คู่ใจกลับไปที่เมือง

ขณะที่กำลังขับรถออกจากเมืองซื่อเหม่ย หญิงสาวก็พบกับเถียหนิวที่ยืนอยู่ข้างทางแล้วโบกมือให้เธอ

หญิงสาวหยุดรถแล้วเอ่ยถามอย่างเฉยเมย “มีอะไรหรือเปล่า”

เถียหนิวหน้าแดงแล้วเอ่ยอย่างลังเลว่า “เธอยังขาดคนช่วยงานอยู่อีกไหม ฉันอยากไปทำงานกับเธอ เธอก็รู้ว่างานที่ฉันขยันทำงานขนาดไหน”

เธอกล่าวต่ออย่างเย็นชา “นายจะขยันทำงาน แล้วฉันก็จะต้องจ่ายเงินให้ แล้วมันต่างจากการทำงานที่นี่ยังไง”

ใบหน้าของเถียหนิวเปลี่ยนสี “เพราะเธอเป็นคนดี ฉันก็เลยอยากทำงานกับเธอ”

“แต่ฉันไม่ได้อยากให้นายมาช่วยงานแล้ว ฉันคิดว่านายน่าจะรู้ว่ามันเพราะอะไร” หลังพูดจบหลินม่ายก็ออกรถไปโดยไม่สนใจเขาอีก

ส่วนเถียหนิวก็กลับบ้านไปด้วยความโกรธ ทันทีที่พบหน้าแม่ นางก็ถามขึ้นอย่างรวดเร็ว “ได้เจอม่ายจื่อไหม หล่อนว่ายังไงบ้าง?”

เถียหนิวรับโพล่งออกมาด้วยความโมโห “แม่ทำให้หล่อนโกรธขนาดนั้น จะให้ต้องพูดอะไรกันล่ะครับ?”

ใบหน้าของแม่เถียหนิวเองก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้น “หมายความว่าหล่อนไม่อยากให้ไปช่วยงานแล้วงั้นเหรอ”

เถียหนิวตอบแม่อย่างอารมณ์เสีย “ก็เขารู้กันหมดแล้วว่าแม่ต้องการอะไร แล้วเขาจะยอมให้ไปทำงานด้วยได้ยังไงล่ะ!”

สีหน้าของคนเป็นแม่ยิ่งแย่ลงไปอีก “ฉันก็แค่ต้องการจับคู่หล่อนกับแกเอง ไม่ได้ทำอะไรเลวร้ายซักหน่อย ทำไมถึงต้องมาเกลียดกันขนาดนั้น เป็นบ้าอะไรเนี่ย!”

เถียหนิวเริ่มทนฟังไม่ได้จึงเถียงกลับไป “แม่ยังอยากให้ผมไปทำงานกับคนที่แม่เอาแต่คอยด่าว่า แบบนี้เราก็คงไม่ต่างจากพวกเขาหรอกมั้ง!”

แม่เถียหนิวโกรธจนจะอกแตกเมื่อได้ยินลูกชายตอบแบบนั้นออกมา

กว่าหลินม่ายจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาสี่ทุ่ม โต้วโต้วเข้านอนไปเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงโจวฉายอวิ๋นที่รอเธออยู่

ทันทีที่รถแทรกเตอร์ขับเข้ามาในบริเวณบ้าน โจวฉายอวิ๋นก็ออกมาช่วยขนของเข้าไปด้านใน

แม้ว่าจะเป็นอาคารสองชั้น แต่ก็มีขนาดเล็ก และชั้นล่างไม่สามารถวางของได้เพราะต้องใช้ขายของ

แต่ทั้งคู่ก็ยังมีห้องขนาดใหญ่ที่สามารถเก็บอาหาร น้ำมัน ไข่ และข้าวของอื่น ๆ ไว้ในนั้นได้

พวกเธอต่างเป็นคนที่มาจากชนบทจึงไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเท่าไรนัก

โจวฉายอวิ๋นหยิบเอาขวดน้ำมันพืชขนาดสามชั่งขึ้นมาดมกลิ่นน้ำมันงาที่ออกมาจากขวดน้ำมันแล้วพูดว่า “นี่มันอะไรกันเนี่ย เอาน้ำมันงาให้แทนน้ำมันพืชแบบนี้ ขาดทุนแย่เลย”

หลินม่ายได้ยินแบบนั้นก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย “เปล่า เขาไม่ได้ให้มาผิดหรอก ฉันซื้อน้ำมันงามาด้วยนิดหน่อย”

เพราะเห็นว่าอากาศเริ่มจะร้อนขึ้นทุกวัน หลินม่ายจึงซื้อน้ำมันงาขวดนี้มาด้วย เพื่อจะใช้ทำเมนูแบบเย็นอย่างบะหมี่เย็นให้ฟางจั๋วหลานกิน แต่หญิงสาวเขินที่จะบอกกับโจวฉายอวิ๋นไปตามตรง

โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยถามเซ้าซี้อะไรต่อ

แม้ว่าเมื่อคืนจะนอนดึก แต่หลินม่ายก็ยังคงต้องตื่นนอนตั้งแต่ตีห้าและถีบสามล้อไปที่ตลาดมืดเพื่อซื้อวัตถุดิบ

ครั้งนี้ของที่ต้องซื้อไม่ได้มีแค่เนื้อขาหมูสำหรับทำซาลาเปาและเกี๊ยวต้ม แต่ยังต้องซื้อกระดูกหมูและมันหมูเพิ่มด้วย

ในยุคนี้หาร้านที่ขายเครื่องในหมูอย่างพวก ไส้ใหญ่ ไส้อ่อน และปอดหมูได้ยากมาก

เพราะเป็นยุคที่มีคนนิยมกินเครื่องในน้อยกว่าตอนปี 2021 มาก ในเมืองนี้เครื่องในจึงมีราคาถูก

คนที่นี่ไม่ค่อยกินปอดหมูกัน ทำให้ปอดหมูราคาถูกที่สุด

เพราะหลินม่ายซื้อเนื้อหมูเป็นจำนวนมาก พ่อค้าเลยมีกลยุทธ์ลดแลกแจกแถม คิดราคาค่าเครื่องในหมูเพียงแค่ 1.5 หยวน แล้วยังแถมปอดหมูให้ฟรี ๆ

พ่อค้าบอกกับหลินม่ายอย่างใจดีว่าถ้าเธอมาซื้อหมูที่แผงของเขาทุกวันเขาจะขายเครื่องในให้ในราคาถูกพร้อมกับแถมปอดให้ฟรีแบบนี้อีก

แต่หลินม่ายก็ไม่ได้หลงในกลยุทธ์นั้นของเขาในทันที

“ถ้าเนื้อหมูร้านนี้ถูกสุดในตลาด ฉันจะมาซื้อที่นี่นะคะ ฉันเองก็ไม่ได้เห็นแก่ของแถมเล็กน้อยอย่างเดียวจนจะยอมมาซื้อร้านคุณทุกวันได้แบบไม่ดูราคา”

คนขายหมูก็รีบรับคำเสียงดังด้วยท่าทีมั่นใจ “ไม่ต้องห่วงเลย ฉันไม่ให้ราคาถูกสุดกับเธอแน่นอนรับรองไม่มีลับหลัง”

ตอนนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อนปี 1982 มีการผ่อนคลายนโยบายการค้า ทำให้เกิดร้านค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก พ่อค้าแม่ค้าต่างมาที่ตลาดมืดเพื่อเอาผลผลิตทางการเกษตรมาขาย หมูพวกนี้ก็หาซื้อง่ายและมีตัวเลือกมากขึ้นในการจับจ่าย

มีร้านขายหมูหลายร้าน แข่งกันขายอย่างดุเดือด ลูกค้ารายใหญ่อย่างเธอร้านขายหมูไม่มีทางปล่อยให้หลุดมือไปเด็ดขาด

วันนี้เป็นวันแรกที่พนักงานใหม่ทั้งหมดจะเริ่มเข้ามาทำงาน

หลังจากซื้อวัตถุดิบเรียบร้อยหลินม่ายก็กลับมาที่บ้าน อีกสิบห้านาทีจะหกโมงเช้า ป้าสามคนที่จะมาทำงานครัวยังมาไม่ถึง

โจวฉายอวิ๋นที่กำลังนึ่งซาลาเปารอบแรกอยู่เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูหลังบ้านเธอก็รีบไปช่วยหลินม่ายขนวัตถุดิบเข้ามาในครัวทันที

เมื่อเห็นว่ามีปอดหมูเธอก็หันไปพูดกับอาหวงที่วอแวอยู่รอบ ๆ ขาตัวเองอย่างมีความสุขว่า “วันนี้มีปอดหมูอีกแล้ว”

เพราะบางครั้งที่บังเอิญได้ปอดหมูมากอจากตลาดมืดหลินม่ายก็จะเอามาใช้ทำอาหารให้กับอาหวง

อาหวงเป็นหมาป่า ต้องได้กินเนื้อบ้าง เพื่อการเติบโตที่ดี

เจ้าหมามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหลินม่ายแล้วส่ายหางไปมาเหมือนจะขอบคุณเธอ

หลินม่ายใช้ขาเขี่ยอาหวงให้หลบไป “วันนี้ไม่ได้ให้ปอดหมูแกหรอกนะ ฉันต้องเก็บไว้เป็นเมนูกลางวัน”

เจ้าหมาดูมีท่าทางผิดหวังหลังจากได้ยินแบบนั้น ถึงกับส่งเสียงร้องหงุงหงิงออกมาอย่างไม่พอใจ

โจวฉายอวิ๋นดูไม่เห็นด้วยเท่าไร “จะมีลูกค้าอยากซื้อปอดหมูกินเหรอ”

หลินม่ายขยิบตาให้เธอพร้อมตอบอย่างมั่นใจ “รับรองว่าติดใจแน่นอน”

โจวฉายอวิ๋นขมวดคิ้ว

หลินม่ายเอากระดูกหมูสองสามชิ้นออกมา “เคี่ยวกะดูกหมูนี่กับหัวไชเท้าด้วย”

คนที่ฟังอยู่ก็ยังไม่เข้าใจ พ่นลมหายใจออกมา “เมื่อคืนก็เคี่ยวซุปกระดูกหมูสำหรับทำเกี๊ยวไปแล้วไม่ใช่เหรอ

ทำไมต้องเคี่ยวเพิ่มอีก แล้วซุปสำหรับเกี๊ยวไม่ต้องใส่หัวไชเท้านี่”

หลินม่ายจัดการเอาปอดหมูลงไปในอ่างขนาดใหญ่ “พี่ก็น่าจะได้ยินว่าลูกค้าบ่นว่าไม่มีซุปกินคู่กับข้าวผัดไข่ตอนเที่ยงเมื่อวาน ฉันก็เลยซื้อกระดูกหมูกับหัวไชเท้ามาทำซุปไว้กินกับข้าวผัดไข่”

โจวฉายอวิ๋นถอนหายใจแล้วเอากระดูกหมูไปล้าง

หญิงสาวคิดกับตัวเองในหัวอย่างเข้าใจแล้วว่าทำไมตัวเองถึงเป็นได้เพียงผู้ช่วย ส่วนม่ายจื่อเป็นเจ้าของธุรกิจ นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นคนที่ใส่ใจทุกความต้องการของลูกค้าอยู่เสมอสินะ

อีกห้านาทีจะหกโมงเช้าพนักงานใหม่ที่จะมาช่วยงานครัวก็ทยอยมาถึง

หลังจากทักทายกันเล็กน้อย ทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำงาน ห่อเกี๊ยว และ ต้มเกี๊ยว

เมื่อเกี๊ยวทั้งหมดพร้อมขายเรียบร้อย ป้าที่ช่วยทำเกี๊ยวก็มาช่วยหลินม่ายหั่นหมู

การสับหมูหั่นหมูเป็นอะไรที่ต้องใช้แรงอย่างมาก หลินม่ายวางแผนว่าจะจ้างคนมาทำงานนี้โดยเฉพาะให้ได้ในอนาคตเมื่อร้านขยับขยาย

ถ้าเธอต้องมาคอยสับหมูเป็นเวลานาน ๆ มีหวังคงกล้ามขึ้นแขนใหญ่กันไปพอดี

หลินม่ายเคยทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงดูตระกูลอู๋และตระกูลหลินในชาติที่แล้ว โดยเฉพาะหลินเพ่ย หล่อนได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเป็นพิเศษ

หลินเพ่ยและอู๋เสี่ยวเจี๋ยนมักจะชอบหัวเราะเยาะแขนใหญ่หนาราวกับชายหนุ่มของเธออยู่เสมอ

แต่คนพวกนั้นไม่เคยได้สนใจเลยด้วยซ้ำว่าสาเหตุของแขนหนา ๆ นั่นมันมาจากไหน เพียงแค่มองว่ามันเหมาะกับเธอดีแล้ว

เมื่อถึงหกโมงครึ่งเสี่ยวลี่ที่ต้องรับผิดชอบงานขายก็เดินเข้ามาจากทางด้านหลังบ้าน หลินม่ายให้โจวฉายอวิ๋นช่วยเปิดหน้าร้าน

โจวฉายอวิ๋นที่ออกไปเปิดร้านกลับเข้ามาด้วยความโกรธจนทำให้หลินม่ายสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น “มีเรื่องอะไรแต่เช้าล่ะเนี่ย”

คนเป็นพี่ตอบอย่างโกรธเคือง ดวงตาของเธอแดงก่ำ “บ้านหยางหยางก็ขายซาลาเปาด้วยเหมือนกัน”

เหล่าแม่ครัวที่กำลังง่วนอยู่กับอาหารเมื่อได้ยินแบบนั้นก็พากันออกไปดู แล้วกลับเข้ามาด้วยท่าทางเคร่งเครียด

……………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ป้านี่ยังไม่หยุดอีกเหรอ ทั้งที่โดนปฏิเสธไปขนาดนั้นแล้วเนี่ยนะ ตายยากจริง

ขายเหมือนกันอีก งั้นก็มาดูเลยว่าระหว่างร้านของม่ายจื่อกับร้านป้าใครจะซื้อเยอะกว่ากัน

ไหหม่า(海馬)