บทที่ 121 แบบนี้ไม่ดีกระมัง

บทที่ 121 แบบนี้ไม่ดีกระมัง

“ท่านพี่ แตงโมของเสี่ยวเป่ากำลังจะสุกแล้ว ท่านต้องมากินแตงโมนะ แล้วเสี่ยวเป่าก็มีอีกเรื่องหนึ่งอยากจะถามท่าน โจวเหยียนส่งไข่มุกและอัญมณีจากนอกวังมาให้เสี่ยวเป่าตั้งเยอะ มีไข่มุกสีดำเม็ดใหญ่ด้วย เสี่ยวเป่ามอบให้ท่านพ่อแล้วเม็ดหนึ่ง ท่านพี่อยากได้หรือไม่ เสี่ยวเป่าอยากให้ไข่มุกเม็ดใหญ่ท่านพี่ด้วย”

คนตัวเล็กพูดเป็นน้ำไหลไฟดับราวกับอัดอั้นที่ไม่ได้คุยกับพี่ใหญ่ของตนมาหลายวัน

“ไม่ต้องให้พี่หรอก เสี่ยวเป่าชอบก็เก็บเอาไว้เถอะ”

คนพี่ว่าอย่างไร คนน้องก็ว่าอย่างนั้น

“ถ้าท่านพี่ไม่อยากได้ก็ไม่เป็นไรเพคะ ตอนนี้เสี่ยวเป่ากำลังให้ชุนสี่สอนทำถุงเงิน เช่นนั้นเสี่ยวเป่าจะทำถุงเงินสวย ๆ ให้พี่ใหญ่ อืม… แล้วก็พี่รอง พี่สามด้วย ถึงอย่างไรก็ต้องทำให้พวกพี่ ๆ คนละใบอยู่ดี เสี่ยวเป่าคงต้องทำไปอีกนานแน่เลย โอ๊ยมือเจ็บ เจ็บ เจ็บ พี่ใหญ่เป่าให้หน่อย”

ยังไม่ได้เริ่มทำด้วยซ้ำ แต่คนตัวเล็กกลับร้องปาว ๆ ว่ามือเจ็บ

หนานกงฉีซิวหลุดขำเล็กน้อยก่อนจะยอมเล่นตามน้ำไป

หลังจากบอกลาท่านพ่อแล้ว เสี่ยวเป่าก็หอบหิ้วถุงใบน้อยใหญ่ออกจากวังไปพร้อมกับพี่ใหญ่

สำหรับสิ่งของในถุงนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นปลาแห้งตัวเล็ก กับกระดูกชิ้นใหญ่

ในเมื่อพวกเขามาช่วยแล้วก็ควรจะได้รับอาหารเป็นการตอบแทน

เสี่ยวเป่ามาที่ถนนเส้นเล็ก ๆ ที่เคยมาเยือนเมื่อคราวนั้น แต่การมาคราวนี้มีเพียงหนานกงฉีซิวและองครักษ์เงาที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดเท่านั้นที่ตามมาด้วย

นางเดินพลางส่งเสียงเรียกพลางไปตลอดทาง ทันใดนั้น แมวดำตัวหนึ่งก็กระโดดขึ้นมาบนกำแพง แกว่งหางไปมา สายตาจับจ้องมาทางพวกเขา

พอเสี่ยวเป่ากวักมือเรียก แมวดำก็กระโดดลงจากกำแพงอย่างเชื่อฟัง

ช่างบังเอิญที่กำแพงตรงนั้นดันเป็นกำแพงที่หนานกงสือเยวียนถีบคนร้ายลอยไปกระแทกจนมันพัง

แต่ตอนนี้มันได้รับการซ่อมแซมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“เมี้ยว~”

แมวดำเดินเข้าไปคลอเคลียที่เท้าของเสี่ยวเป่า ทั้งยังใช้หางม้วนรอบข้อเท้านางไว้ ทำราวกับเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันมานานหลายปี

แต่ความเป็นจริงนั้น หนึ่งคนกับหนึ่งตัวเพิ่งจะพบกันเป็นครั้งที่สอง แม้กระทั่งคราแรกที่พบกันมันก็ยังอยู่รวมกันกับแมวตัวอื่น ๆ อีกไม่น้อย เสี่ยวเป่าแทบแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าตัวใดเป็นตัวใด

อีกทั้งเจ้าตัวนี้ยังมีขนสีดำทั้งตัว ยิ่งในยามค่ำคืนที่มืดมิด หากมองไม่เห็นมันก็คงไม่แปลก

“ช่วยพาข้าไปหาหมาแมวตัวอื่นที ข้าเอาอาหารมาให้พวกเจ้าด้วยนะ”

นางยกของในมือขึ้นพร้อมระบายยิ้มนุ่มนวล

แมวดำร้องเหมียว ๆ พร้อมเดินนำทางไป

พอเดินตามมันไปเรื่อย ๆ ถนนหนทางก็ยิ่งกันดาร รถเข็นของหนานกงฉีซิวจึงเข็นเข้าไปค่อนข้างลำบาก

แต่หากค่อย ๆ เข็นก็สามารถไปต่อได้อย่างไม่ยากเย็นเกินไปนัก

คนตัวเล็กตั้งหน้าตั้งตาเดินตามไปพลางกวาดตามองรอบ ๆ สภาพแวดล้อมล้วนแปลกตา ขาสั้น ๆ เดินทอดน่องราวกับกำลังเดินเล่น

แมวดำพาพวกเขาไปยังอารามร้าง ด้วยเสียงร้องเพียงครั้งเดียว แมวจำนวนหนึ่งทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ก็กระโดดลงมาจากหลังคา มีแม้กระทั่งรูปปั้นหินที่ทรุดโทรม

นี่คือแมวจรที่อาศัยอยู่แถวนี้ คราวนั้นพวกมันสัมผัสได้ถึงเสียงเรียกของเสี่ยวเป่าจึงรวมตัวกันไปช่วย

ดังนั้น ไม่ว่าจะเมื่อก่อนที่เป็นภูตพฤกษาหรือเกิดใหม่เป็นมนุษย์แล้วก็ตาม สวรรค์ล้วนบันดาลให้นางเป็นที่รักใคร่ของพืชพันธุ์และสัตว์น้อยใหญ่อยู่ร่ำไป

“เรื่องเมื่อคราวก่อนเสี่ยวเป่าต้องขอบคุณพวกเจ้ามากที่มาช่วย วันนี้เสี่ยวเป่าก็เลยขอให้พ่อครัวอู๋ทอดปลาแห้งมาให้”

ข้างในถุงใบหนึ่งเต็มไปด้วยปลาแห้งทอดตัวเท่าฝ่ามือ ทันทีที่เปิดถุงออก กลิ่นหอมของปลาแห้งที่ถูกทอดจนกรอบสีเหลืองสวยงาม และไม่มีการปรุงรส เพราะตั้งใจทำมาเพื่อแมวโดยเฉพาะ

แต่พอได้กลิ่นหอมหวนชวนน้ำลายสอ เสี่ยวเป่าเองก็อยากกินเหมือนกัน

นางได้แต่สะกดกลั้นตนเองเอาไว้ด้วยการกลืนน้ำลายแล้วแขม่วพุง ท่องไว้ ๆ นี่มันของแมว!

เมื่อแมวน้อยใหญ่ทั้งหลายได้กลิ่น พวกมันถึงกับยกหางขึ้นแล้วเดินมาล้อมนาง เพียงพริบตาเดียว นางก็ถูกห้อมล้อมด้วยแมวมากกว่ายี่สิบตัว

ในฝูงแมวจรยังมีลูกแมวตัวน้อยเดินยังไม่ค่อยแข็งแรงด้วย

เสี่ยวเป่าทำเสียงเล็กเสียงน้อยเรียกพวกมันให้มาหา

“ท่านพี่อยากเลี้ยงแมวหรือไม่?”

หนานกงฉีซิวมองแมวพวกนั้นแล้วส่ายหัว อันที่จริง เขาอยากจะให้เสี่ยวเป่าหยุดให้อาหารพวกมันด้วยซ้ำ

แม้แมวจะเป็นสัตว์รักสะอาด แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกมันก็เป็นแมวจร ย่อมต้องมีหมัดและสัตว์ตัวเล็ก ๆ อยู่บนตัว

เห็นทีว่าพอกลับไปแล้วจะต้องให้เสี่ยวเป่าอาบน้ำสระผมทันที

พอเริ่มให้ปลาแห้งแก่แมว หมาจรที่เคยช่วยเหลือนางก็เริ่มทยอยออกมาหานาง

สิ่งที่เสี่ยวเป่าเตรียมไว้สำหรับหมาจรพวกนี้ก็คือ กระดูกชิ้นใหญ่ที่มีเนื้อติดอยู่ แต่ละตัวต่างก็ตั้งหน้าตั้งตาแทะกระดูกของตนอย่างมีความสุข สะบัดหางกันแทบหลุด

หนานกงฉีซิวไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่พวกค้ามนุษย์ถูกหมาแมวพวกนี้รุมทำร้าย เพียงเคยได้ยินเสด็จอาเจ็ดคุยโวให้ฟัง

ตามนิสัยของผู้เล่าแล้ว ทุก ๆ อย่างจะต้องเกินจริง ตอนที่ได้ฟังเขายังเกือบคิดว่าเสด็จอาเจ็ดกำลังเล่านิทานในตำนาน แต่ตอนนี้เขากลับคิดว่าแม้มันจะฟังดูเกินจริงไปหน่อย แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าทึ่งไม่น้อย

ชายหนุ่มเฝ้ามองน้องสาวที่กำลังถูกห้อมล้อม แม้ภาพตรงหน้าจะดูน่าปลื้มปริ่มเพียงใด ทว่านี่ยิ่งทำให้เขาอยากจะดึงคนตัวเล็กออกมาเสียเดี๋ยวนี้!

หลังจากให้อาหารหมาแมวที่เคยช่วยเหลือกันในยามยากแล้ว เสี่ยวเป่าจึงจำต้องจากที่นี่ไปพร้อมพี่ใหญ่ของตน

หนานกงฉีซิวรีบสั่งสาวใช้ให้พาเสี่ยวเป่าไปอาบน้ำทันทีที่กลับมาถึงจวนจิ้นอ๋อง ทั้งยังกำชับด้วยว่าต้องสระผมนางให้สะอาดหมดจด และต้องตรวจสอบให้ดีว่าไม่มีเห็บหมัดจากหมาแมวพวกนั้น

เสี่ยวเป่านั่งหน้ามุ่ยเปลือยกายอยู่ในอ่างน้ำ ในขณะที่ปากเล็ก ๆ ก็พร่ำบ่น มือน้อยก็ตีน้ำไปมา ท่าทางเหมือนคนกำลังน้อยใจ

“ท่านพี่รังเกียจเสี่ยวเป่าแล้ว!”

สาวใช้สองคนคลี่ยิ้ม “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ จิ้นอ๋องทรงเป็นห่วงองค์หญิงมากนะเพคะ แมวจรพวกนั้นอาศัยอยู่ในป่า บนตัวย่อมมีหมัดและแมลงเล็ก ๆ อยู่ องค์ชายกลัวว่าท่านจะไม่สบายต่างหากล่ะเพคะ”

น้ำเสียงของเสี่ยวเป่าร่าเริงขึ้นมาทันใด “เช่นนั้นไปหาพวกมันคราวหน้า เสี่ยวเป่าจะอาบน้ำพวกมันให้สะอาดหมดจดเลย”

เหล่าสาวใช้คิดว่านางเพียงล้อเล่น แมวพวกนั้นเป็นแมวจร จะจับพวกมันมาอาบน้ำได้อย่างไร

เล่นอยู่ที่จวนพี่ใหญ่อยู่สักพักใหญ่ เสี่ยวเป่าก็ไปหาท่านอาเจ็ด

แต่ท่านอาเจ็ดไม่อยู่ เสี่ยวเป่าจึงถือโอกาสไปอ้อนขอขนมอาหญิงกิน

บัดนี้ เสี่ยวเป่านั่งส่ายหัวน้อย ๆ อย่างสบายอกสบายใจอยู่ในอ้อมแขนอาหญิง ปากก็กำลังกินขนมอบเกาลัดอย่างเอร็ดอร่อย

ชายาเซียวเหยาอ๋องยังบีบแก้มกลมของคนตัวเล็กเพราะนึกมันเขี้ยว เจ้าตัวเล็กนุ่มนิ่มนี้กอดได้ถนัดมือจริง ๆ

“เสี่ยวเป่าอยากกินสิ่งใดอีก อาหญิงจะได้สั่งพ่อครัวรีบทำมาให้”

เสี่ยวเป่าที่ยังถือขนมเต็มมือทั้งสองข้าง ปากน้อย ๆ เลอะเศษขนมอยู่ไม่น้อย ดวงตากลมโตคู่หนึ่งกลอกกลิ้งไปมา

“มีเยอะแล้วเพคะ แค่นี้เสี่ยวเป่าก็กินอิ่มแล้ว ท่านอาหญิงก็กินด้วยสิ”

คนตัวเล็กเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงไพเราะเพราะพริ้ง มันช่างแตกต่างจากเสียงที่ทั้งแหลมและดังของบุตรชายเมื่อตอนยังเป็นเด็กโดยสิ้นเชิง

เด็กน้อยที่เชื่อฟังและมีเหตุผลเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ชายาเซียวเหยาอ๋องไขว่คว้ามาได้ยากยิ่ง

“เสี่ยวเป่าเป็นเด็กดีจริง ๆ เลย”

ตัวเล็กแค่นี้ยังรู้จักแบ่งปัน ป้อนขนมให้นางกินด้วย

ก่อนออกจากวังนางก็กินมาจนอิ่ม ออกมานอกวังนางก็ยังกินเข้าไปอีก ท้องเจ้าก้อนแป้งจึงกลมกลึงในบัดดล

“กลืนไม่ลงแล้วเพคะ”

เสี่ยวเป่าลูบท้องพลางมองขนมอบแสนอร่อยที่เหลืออยู่บนโต๊ะอย่างนึกเสียดาย

ชายาเซียวเหยาอ๋องเห็นเช่นนั้นก็ลูบพุงนางเบา ๆ

“กินต่อไม่ได้แล้วจริง ๆ ด้วย แต่หากเจ้าชอบก็ห่อกลับไปด้วยสิ หิวเมื่อใดก็เอาออกมากินได้ทันที”

เสี่ยวเป่าถูมือน้อย ๆ ด้วยท่าทางลำบากใจ “แบบนี้ไม่ดีกระมังเพคะ”

ชายาเซียวเหยาอ๋องหัวเราะพลางบีบแก้มนุ่มนิ่มจนเกิดความลังเลที่จะปล่อยมือ

“มีอันใดไม่ดีกัน ที่นี่ยังมีอีกเยอะ เดี๋ยวอาหญิงจะสั่งให้คนห่อมาให้เจ้านะ”

รอยยิ้มขวยเขินปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเด็กน้อย จากนั้นนางก็คว้าถุงใบเล็กออกมาจากเอวด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน

“ท่านอาหญิงไม่ต้องลำบาก เอาใส่ถุงของเสี่ยวเป่าก็ได้เพคะ”

ชายาเซียวเหยาอ๋อง “…”

นางหลุดหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เหตุใดเด็กน้อยคนนี้ถึงได้น่าขบขันนักนะ

“ไยเจ้าไม่มาเกิดเป็นบุตรสาวของอานะ”

นางชักอยากจะได้บุตรสาวที่เชื่อฟังทั้งยังรู้ความ แต่ก็มีความแปลกประหลาดที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูเช่นนี้เสียแล้วสิ