78 – สังหารอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงเดินออกจากป่าสนไม่มีใครจำเขาได้เพราะใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นงูจงอางแล้ว
เอี้ยนลี่เฉียงสวมหมวกไม้ไผ่ของเขาและถือธนูงูเหลือมเขาพร้อมกับลูกธนูที่สั่นไหว เขาโยนตะกร้าและจอบลงในพุ่มไม้ก่อนที่เขาจะเดินไปที่เชิงเขา …
ดวงอาทิตย์ตกและท้องฟ้าก็มืดลงเมื่อเอี้ยนลี่เฉียงมาถึงป่าท้อที่ตั้งอยู่ที่ตีนเขา
หลังจากค้นหาอยู่ชั่วคู่ก็ไม่มีใครอยู่รอบๆ เอี้ยนลี่เฉียงก็เข้าไปในป่าท้ออย่างรวดเร็ว
…
ไม่นานหลังจากเข้าไปเอี้ยนลี่เฉียงก็เห็นร่างที่อวบอ้วนเล็กน้อยเดินไปมาในส่วนลึกของป่าท้อ
คนนี้จะเป็นใครได้อีกถ้าไม่ใช่หงอานลุงของหงต๋า?
ไม่มีใครจากตระกูลหงที่มาพร้อมกับหงอาน เรื่องแบบนี้ควรเก็บไว้ในที่มืดยิ่งมีผู้เกี่ยวข้องน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี เว้นแต่จะเป็นคนจากตระกูลหง หากคนอื่นรู้เรื่องนี้ตระกูลหงคงไม่สบายใจ
เอี้ยนลี่เฉียงหายใจเข้าลึกๆ เขาเอื้อมมือไปข้างหลังจับธนูงูเหลือมเขาไว้ในมือทันที หลังจากทำสมาธิชั่วคู่เขาจึงปล่อยลูกศรตรงไปยังหงอานในระยะมากกว่าหนึ่งร้อยจ้าง
ปู!
ลูกศรยาวแทงทะลุตาซ้ายของหงอานทะลวงสมองของเขาไปด้านหลัง หงอานทรุดตัวลงกับพื้นอย่างไร้เสียง
เมื่อศิลปะการยิงธนูประสบความสำเร็จการฆ่าคนก็เหมือนกับการฆ่าไก่วาดคันธนูและปล่อยลูกศร ผู้คนที่อยู่ในรัศมีร้อยจ้างจะถูกเขาสังหารอย่างง่ายดาย
…
เอี้ยนลี่เฉียงใช้เวลาอีกประมาณครึ่งชั่วยามในการฝังศพของหงอาน เมื่อท้องฟ้ามืดสนิทจากนั้นเขาก็หยิบธนูและเดินทางกลับมาที่เมืองหลิวเหอ
มันเป็นช่วงเวลาที่พิธีไหว้บรรพบุรุษของตระกูลหงกำลังจะสิ้นสุดลง ตอนนี้ครอบครัวของตระกูลหงกำลังเลี้ยงอาหารที่บ้านของพวกเขา …
คฤหาสน์ของตระกูลหงตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองหลิวเหอ คฤหาสน์ทั้งหมดกินเนื้อที่มากกว่ายี่สิบมู่ พวกเขาเป็นตระกูลอันดับหนึ่งของหลิวเหออย่างแท้จริง
วันนี้ตระกูลหงกำลังบูชาบรรพบุรุษของพวกเขาและยุ่งเกือบทั้งวันตั้งแต่เช้าจนถึงพระอาทิตย์ตก เมื่อถึงเวลากลางคืนและพวกเขาไหว้บรรพบุรุษเสร็จสิ้นทั้งตระกูลหงก็สว่างไสวเต็มไปด้วยเสียงและกิจกรรมต่างๆ
พวกเขาจัดงานเลี้ยงขนาดใหญ่และคึกคักไปด้วยเสียงและความตื่นเต้น เพียงแค่ยืนอยู่ที่ชานเมืองหลิวเหอก็จะสามารถมองเห็นแสงที่เปล่งประกายออกมาจากภายในคฤหาสน์ตระกูลหงได้
ภายในห้องอาหารในสวนหลังบ้านของตระกูลหงนายผู้เฒ่าของตระกูลหง หงเฉิงโจว หงฟ่านพ่อของหงต๋า หงติงอาคนที่สามของหงต๋า หงหรงอาคนที่สี่ทุกคนต่างล้อมวงเข้ามาที่โต๊ะอาหาร
ระหว่างรอหงอานกลับมานายผู้เฒ่าหงเฉิงโจวมีลูกชายสี่คนและลูกสาวสองคนโดยลูกสาวทั้งสองแต่งงานออกจากเรือนแล้ว
บุตรชายทั้งสี่ของเขามีชื่อว่า “อาน ติง ฟ่าน หรง” ต่อเนื่องกันซึ่งหมายถึง ‘ความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคง’ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความหวังของนายผู้เฒ่าหงที่มีต่ออนาคตของตระกูล
ในขณะที่เขากำลังสักการะบรรพบุรุษในวันนี้นายผู้เฒ่าหงระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีตด้วยความสะทกสะท้อน
เขาพูดคุยกันที่โต๊ะอาหารเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตระกูลหงและเขาคร่ำครวญว่าสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเขาได้รับความยากลำบากมาก
หลังจากสนทนากันนานพอสมควรนายผู้เฒ่าหงก็มองออกไปด้านนอก เขาขมวดคิ้วและถามว่า “ทำไมหงอานยังไม่กลับมา”
ทุกคนในห้องมีความสำคัญต่อตระกูลหงดังนั้นจึงสามารถพูดประเด็นหรือเรื่องสำคัญใดๆ ด้อย่างตรงไปตรงมา
หงต๋าเป็นสมาชิกที่โดดเด่นในรุ่นปัจจุบันของตระกูลหงและเป็นคนเดียวที่มีความสนใจในด้านศิลปะการต่อสู้ซึ่งแตกต่างจากญาติคนอื่นๆ
บุคคลเหล่านั้นล้วนชื่นชอบสุรานารีพวกเขาไม่สามารถทนต่อความลำบากได้ ได้ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช่คนที่เหมาะสมในการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้
นี่เป็นสาเหตุที่ผู้เฒ่าหงคาดหวังอย่างมากกับหงต๋า หลังจากการสอบเบื้องต้นเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้เขายังสามารถเข้าร่วมในกิจการลับของตระกูลหงและเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลต่อตระกูลไม่น้อย
ปัจจุบันเขาได้รับการวางตัวจากนายผู้เฒ่าหงให้เป็นทายาทที่จะปกครองตระกูลต่อจากเขา
“เขาอาจจะใช้เวลาพอสมควรในการทำงานเนื่องจากภูเขาร้อยจ้างไม่ได้มีขนาดเล็กมากนัก หากลูกชายของช่างตีเหล็กเอี้ยนได้วิ่งเข้าไปในป่าบนภูเขาจริงๆ มันจะไม่ง่ายเลยที่จะพบเขาในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้นต้องใช้เวลาสักพักกว่าเขาจะทำจัดการเรื่องจนเสร็จสิ้น! “
หงติงมองออกไปข้างนอกเพื่อดูสภาพอากาศ “ถ้าเขาไม่กลับมาภายในสองชั่วยามข้าก็จะส่งคนออกไปช่วยเขาเอง!”
“ อืม….” นายผู้เฒ่าหงผงกศีรษะการแสดงออกของเขาลึกล้ำเหมือนมหาสมุทร
“ ท่านพ่อที่นาสองร้อยหมู่ในเมืองลิ่วเหอจะเป็นจุดเริ่มต้นของตระกูลหงของพวกเรา ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเราต้องไม่ยอมให้ใครมาครอบครองมัน
เด็กน้อยไร้ประสบการณ์จากตระกูลเอี้ยนต้องการที่จะเป็นนักรบ เฮ้…เฮ้…ถ้าอย่างนั้นเราจะให้เขากลับชาติมาเกิดอีกครั้งเพื่อดูว่ามันจะเป็นยังไง!” หงหรงกล่าวด้วยรอยยิ้มเย็นชา ลักษณะของหงหรงค่อนข้างคล้ายกับนายผู้เฒ่าหง
อย่างไรก็ตามใบหน้าของเขายาวขึ้นดวงตาของเขาแคบมากและริมฝีปากของเขาบางราวกับกระดาษทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว