ตอนที่ 21: เข้าตาจน

ทว่า เสี่ยวเฉิงพลันดีดบุหรี่ในมือของวัยรุ่นผมบลอนด์จนกระเด็นไป “เพิ่งจะอายุแค่นี้ ดูบุหรี่ทำไมกัน? ดูดตั้งแต่ตอนนี้ แก่ไปมันเสียสุขภาพนะ!”

“ขนาดอาจารย์ยังไม่เคยห้ามเลย แต่นายกลับมาบ่นฉันเนี่ยนะ?” เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว “แค่ใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ก็น่าเบื่อพออยู่แล้ว ถ้าสูบบุหรี่ตามที่อยากไม่ได้อีก ชีวิตมันจะไปมีค่าอะไรกัน?”

“พี่นายไม่เคยสั่งสอนอะไรหน่อยเลยหรือยังไงกัน?” เสี่ยวเฉิงพลันถามขึ้น

“พี่หลินก็มีเรื่องของตัวเองต้องจัดการ ส่วนฉันก็ต้องมาเรียนทุกวัน มันน่าเบื่อมากเลยนะรู้ไหม?”

ทันใดนั้นเอง พี่ใหญ่หลินและพรรคพวกก็ขับรถสปอร์ตมารับน้องชาย

เด็กชายผมบลอนด์พลันหัวเราะออกมา “พี่แพ้พนันฉันแล้วล่ะ ฮ่าฮ่า”

“ดูเหมือนจะใช่” พี่ใหญ่หลินพลันกระโดดลงจากรถและมองไปยังเสี่ยวเฉิงราวกับสงสัยว่าเขาได้รับบาดเจ็บอะไรบ้างไหม

แต่หลังจากมองดูแล้วว่าไม่มีแม้แต่รอยฟกช้ำหรือบาดแผลอะไร พี่ใหญ่หลินก็กล่าวคำพูดขึ้น “นี่นายยังกล้าออกลาดตระเวนอยู่อีกเหรอ? ฉันได้ยินมาว่าไอ้พวกนายน้อยหยุนถูกกุมขังต่ออีกตั้งสิบห้าวัน อุตส่าห์พนันกับน้องชายว่านายคงจะโดนเล่นไปตั้งแต่คืนนั้นเสียอีก”

เด็กชายผมบลอนด์พลันหันไปเตือนเสี่ยวเฉิง “พี่ชายฉันอยู่ในแวดวงพวกนี้มานาน เขารู้แทบจะทุกอย่าง ถ้าพี่บอกว่านายอาจจะโดนเล่น ยังไงก็น่าจะหาที่ซ่อนตัวเอาไว้สักหน่อยนะ”

“ตำรวจเองก็เป็นอาชีพที่อันตรายอยู่แล้ว อันที่จริง ฉันกลัวว่าจะตกงานมากกว่าจะโดนเล่นงานจากพวกอันธาพาลนั่นเสียอีก” ดูเหมือนเสี่ยวเฉิงจะไม่สนใจอะไรเลย และทันทีที่สูบบุหรี่เสร็จ เหล่านักเรียนและนักศึกษาก็ออกไปจากมหาวิทยาลัยกันหมดแล้ว และแล้วก็ถึงเวลาทำหน้าที่ออกลาดตระเวน

“นายก็เป็นแค่เจ้าหน้าที่ลาดตระเวน ทำไมต้องพยายามทำทุกอย่างเกินตัวขนาดนี้ด้วย?” ชายผมบลอนด์มองไปยังเสี่ยวเฉิงที่กำลังจะเดินจากไป

เสี่ยวเฉิงพลันหันมาและตอบกลับ “ฉันรู้ดีว่าเมืองซ่างเฉิงช่วงกลางคืนมันอันตราย แต่ทุกคนก็มีหน้าที่ต้องทำ พวกนายเองก็ต้องทำตามกฎหมาย ส่วนฉันเองก็เหมือนกัน”

ทว่า พี่ใหญ่หลินก็พลันตะโกนขึ้นมาทันใด “งั้นฉันขอทำนายโชคชะตาให้นายหน่อยก็แล้วกัน…ในอีกสองวันข้างหน้า นายจะได้เห็นการนองเลือดแน่ รอดูเลย”

เสี่ยวเฉิงเผยยิ้มเป็นการตอบกลับและขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไป

ในตอนนั้น พี่ใหญ่หลินและพรรคพวกก็หันมาพูดคุยกันระหว่างที่เสี่ยวเฉิงขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไป

“ฉันได้ยินมาว่าเพื่อนรักของไอ้นายน้อยหยุนที่ชื่อหลัวเฉ่าเดินทางไปจ้างพวกแก๊งสี่จตุรเทพทิศเหนือ (แก๊งเต่าดำ) เพื่อให้มาจัดการเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนคนนั้นด้วย” ชายคนหนึ่งกล่าวกับพี่ใหญ่หลิน และคำว่าจัดการในที่นี้ก็หมายถึงการทรมานอย่างไร้มนุษยธรรม

“ถึงแก๊งเต่าดำจะอ่อนปวกเปียกที่สุดในสี่จตุรเทพก็เถอะ แต่การที่ต้องเข้าไปพัวพันกับคนพวกนั้นมันน่ารำคาญไม่น้อยเลย ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับแก๊งเต่าดำมาหลายปีแล้วด้วย แถมตอนนี้พวกมันก็ยังรู้เรื่องกฎหมายมากกว่าเดิมอีก” พี่ใหญ่หลินตอบกลับ

“ขนาดรัฐบาลเองก็ยังไม่กล้าเข้าไปยุ่งด้วยเลย แต่อย่างว่าแหละ เราไม่ต้องไปสนใจขนาดนั้นหรอก” ใครคนหนึ่งพูดกับพี่ใหญ่หลิน “หรือนายอยากวางพนันหน่อยไหมล่ะ?”

“พนันอะไรกัน?” พี่ใหญ่หลินพลันตอบกลับ

“นายก็รู้นี่… มาพนันกันว่าเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนคนนั้นจะอยู่ได้กี่วันกันเถอะ”

ทว่า ชายอีกคนก็พลันพูดขึ้นมาเช่นกัน “ทำไมไม่เดิมพันอะไรที่มันใหญ่กว่านั้นหน่อยล่ะ?”

ทุกคนพลันเลิกคิ้ว พวกเขาไม่รู้ว่าเพื่อนของตนนั้นต้องการจะสื่ออะไร

“ก็อย่าง…พนันว่าเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนคนนั้นจะหายไปจากเมืองซ่างเฉิงไหมยังไงล่ะ? ทันทีที่หมอนั่นถูกไล่ออกจากงาน ก็ถือว่าจบพนัน”

เด็กชายวัยรุ่นพลันปัดผมแต่พูดแทรกขึ้นมา “ฉันคิดว่าหมอนั่นจะต้องทำให้พวกเราตกใจเลยล่ะ”

“หลินดง… นายยังเด็กเกินไป นายไม่รู้หรอกว่าพวกแก๊งสี่จตุรเทพมันโหดร้ายแล้วก็น่ากลัวขนาดไหน ถ้าหมอนั่นฉลาดจริง เขาก็คงจะเปลี่ยนไปทำงานที่อื่นแล้ว เมื่อหลายปีก่อน แก๊งสี่จตุรเทพนั้นเป็นที่เลื่องลือและดังกระฉ่อนได้ก็เพราะวิธีการโคตรป่าเถื่อนที่พวกมันใช้กัน” พี่ใหญ่หลินกล่าวกับน้องชายของตน “อันที่จริง ฉันเองก็ตกใจเหมือนกันนะที่เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนคนนั้นขังหยุนปิงแล้วก็พรรคพวกของมันต่ออีกตั้งสิบห้าวัน”

คนอื่นพลันพยักหน้าและพูดแทรกขึ้นมา “ยังมีอีกหลายต่อหลายคนเลยที่กำลังตามหาตัวหมอนั่นอยู่ ชายคนนี้คงจะไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังจะสู้อยู่กับอะไร…”

เด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่ชื่อหลินดงพลันโยนบุหรี่ทิ้งและกล่าวคำพูด “พี่หลิน เราตามไปดูเขากันหน่อยไหม? ถ้าพี่บอกว่าคืนนี้ตำรวจคนนั้นจะโดนเล่น เราก็น่าจะไปดูหน่อยว่าสถานการณ์จะเป็นยังไงต่อไป”

“ตอนนี้ไอ้หมอนั่นเข้าไปพัวพันกับพวกแก๊งสี่จตุรเทพแล้ว พวกเราเองก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว” พี่ใหญ่หลินพลันขมวดคิ้วและพูดกับน้องชาย