คนอื่นพลันเผยเสียงหัวเราะและพูดขึ้น “แต่ก็คงไม่เป็นไรหรอก ยังไงเราก็ต้องตามไปดูเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นหน่อย มอเตอร์ไซค์ของหมอนั่นเสียงดังจะตายไป ถ้าพวกหยุนปิงกำลังวางแผนจะทำอะไร… เราก็ถ่ายวิดีโอเก็บไว้ แล้วก็เอาไปแบล็กเมล์พวกมันทีหลังได้นี่”

พี่ใหญ่หลินพลันครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ และเนื่องจากคืนนี้พวกเขาเองก็ไม่มีอะไรต้องทำอยู่แล้ว ทุกคนเลยขึ้นรถและขับตามเสี่ยวเฉิงไป

ในตอนนั้นเอง เสี่ยวเฉิงที่กำลังขับรถด้วยมือข้างเดียวพลันโบกมืออีกข้างไปมากลางอากาศ เสี่ยวเฉิงพยายามค้นหาว่าความรู้สึกตอนที่เขาจับแมลงวันได้ด้วยตะเกียบคืออะไรกันแน่ และทันทีที่เห็นรถสปอร์ตพุ่งเข้ามาตัดหน้า เสี่ยวเฉิงก็รีบลดความเร็วลงและเหยียบเบรก โชคยังดีที่การตอบสนองของเขานั้นรวดเร็ว ไม่งั้นก็คงจะชนท้ายรถสปอร์ตตรงหน้าไปแล้ว

แต่ในช่วงเวลาเมื่อครู่ ดูเหมือนจิตใต้สำนึกของเสี่ยวเฉิงจะถูกจุดประกายขึ้นมาอีกครั้ง มันเป็นสาเหตุที่ทำให้ขาของเขานั้นเหยียบเบรกอย่างรวดเร็ว ทว่า การเบรกอย่างกระทันหันนั้นทำให้ช่วงท้ายของรถมอเตอร์ไซค์โยกไปโยกมา แต่โชคยังดีที่ระยะห่างของยานพาหนะทั้งสองยังคงเหลืออยู่อีกตั้งสองเซนติเมตร

ในตอนนั้นเอง หลายคนที่อยู่ในรถสปอร์ตทั้งรุ่นจากัวร์แล้วก็บีเอ็มดับเบิลยูพลันกระโดดลงมาจากรถ ผู้ชายที่เป็นเจ้าของรถสปอร์ตสวมเสื้อกั๊กสีดำและมีโซ่สีทองรอบคอ เขาพลันตะโกนใส่เสี่ยวเฉิงทันทีระหว่างเดินตรงมา “แกตาบอดหรือยังไงกัน?!”

เจ้าของรถคันอื่นก็พูดแทรกขึ้นมาเช่นกัน “ไอ้บัดซบ ไม่มีลูกตาหรือยังไงกัน? จ่ายค่าเสียหายมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”

“เดินมาดูเองสิ ฉันไม่ได้ชนเขาสักหน่อย” เสี่ยวเฉิงลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์แล้วกล่าวคำพูดกับอีกฝ่าย

ชายที่สวมโซ่สีทองรีบเดินไปถีบรถมอเตอร์ไซค์ของเสี่ยวเฉิงจนล้มลงและตะโกนด่าทอขึ้น “คิดว่าตัวเองเป็นตำรวจแล้วจะทำอะไรก็ได้หรือยังไงกัน? ระบบตรวจจับความปลอดภัยในรถฉันบอกว่าแกชนท้ายแล้วด้วยซ้ำ! ขอพูดตรงนี้เลยนะ ถ้าแกไม่ยอมจ่ายค่าเสียหายมา แกก็จะไม่ได้ออกไปจากที่นี่แน่! ฉันไม่สนใจหรอกว่าแกจะเป็นตำรวจหรือเป็นใคร แต่แกต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้น!”

ทันทีที่เห็นชายคนนั้นพุ่งเข้ามาถีบมอเตอร์ไซค์ของตนเองจนล้มลง เสี่ยวเฉิงก็เผยท่าทีที่เปลี่ยนไป เขาเดินตรงไปยกคอเสื้อของชายที่สวมโซ่ทองขึ้นและรู้สึกโกรธเล็กน้อย “แล้วนายคิดจะทำอะไรกันล่ะ?”

“หือ? แกเป็นฝ่ายผิดแล้วยังคิดจะมาหาเรื่องอีกงั้นเหรอ?” ชายคนนั้นพลันตะคอกใส่ “ถึงฉันจะเอารถมอเตอร์ไซค์ของแกไปขาย แต่เงินที่ได้ยังเอามาจ่ายค่าทำสีรถสปอร์ตไม่ได้เลยด้วยซ้ำ! ไปโทรหาใครก็ได้ไป! แล้วก็เอาค่าเสียหายสามแสนหยวนมาให้ฉันด้วย!”

“อยากได้เงินขนาดนั้น ทำไมไม่ลองไปปล้นธนาคารดูล่ะ?” เสี่ยวเฉิงพลันขมวดคิ้ว “ลองกลับไปดูที่ระบบตรวจจับความปลอดภัยอีกทีสิ ส่องดูให้ชัดว่าฉันชนโดนรถนายจริงหรือเปล่า!”

ชายที่สวมโซ่สีทองดันใบหน้าของตัวเองเข้ามาใกล้เสี่ยวเฉิงพร้อมกล่าวคำพูดขึ้น “คิดว่าตัวเองเป็นตำรวจแล้วจะไม่จ่ายค่าเสียหายก็ได้งั้นเหรอ?! ฉันจะให้เวลาแกแค่สิบนาทีเท่านั้น ถ้าไม่มีเงินมากองตรงหน้า แกก็คงต้องจ่ายด้วยร่างกายของตัวเองแล้วแหละ ฮ่าฮ่า!”

เสี่ยวเฉิงพลันตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะหาเรื่อง อีกทั้งในช่วงเวลาที่ดึกขนาดนี้ ก็ไม่มีใครอยู่ในระแวกนี้เลยด้วย ถึงแม้ว่าจะมีการจำกัดความเร็ว แต่การที่ใครคนหนึ่งขับรถมาตัดหน้าอีกฝ่ายถือเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะสร้างสถานการณ์ทำให้เหมือนเสี่ยวเฉิงชนท้ายพวกเขา

“แต่เมื่อกี้พวกนายละเมิดกฎหมายจราจร… ยังไงก็เถอะ หยิบใบขับขี่มาดู” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ

ทว่า ระหว่างที่เสี่ยวเฉิงกำลังขอใบขับขี่และเริ่มสอบสวนอีกฝ่ายในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจ… ชายตรงหน้าทั้งเจ็ดคนก็เผยสีหน้าสุดอันตรายขึ้นมา

พวกเขายืนล้อมเสี่ยวเฉิงเอาไว้ ชายที่สวมโซ่ทองพลันจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิง เขาเผยให้เห็นใบหน้าเพียงครึ่งเดียวภายใต้แสงไฟบนถนน “ลองนึกดูอีกทีสิ แกเป็นคนมาชนท้ายฉันเองนะ ยังกล้ามาพล่ามว่าพวกเราทำผิดกฎหมายอีกงั้นเหรอ? ยังไงก็เถอะ ตอนนี้ผ่านไปแล้วสองนาที เหลืออีกแค่แปด…”

ถึงกระนั้น เสี่ยวเฉิงพลันรู้สึกเบื่อหน่ายกับเรื่องไร้สาระเช่นนี้ไม่น้อย “งั้นฉันจะขอเดินไปดูระบบตรวจจับความปลอดภัยในรถนายหน่อยก็แล้วกัน”

แต่ทว่า ในตอนนั้นเอง ชายทั้งเจ็ดคนเริ่มเดินเข้ามาล้อมเสี่ยวเฉิงใกล้ขึ้นกว่าเดิม ใกล้เสียจนเขามองไม่เห็นทางข้างหน้าเลยด้วยซ้ำ ทันใดนั้น เหตุการณ์ตรงหน้าก็ทำให้เสี่ยวเฉิงต้องตกอยู่ในสถาการณ์ที่เข้าตาจน!

แก๊งสี่จตุรเทพถูกแบ่งออกเป็นสี่กลุ่มตามทิศ แต่ละกลุ่มมีชื่อเรียกเป็นของตัวเอง

แก๊งมังกรฟ้า (สี่จตุรเทพทิศตะวันออก)

แก๊งเสือขาว (สี่จตุรเทพทิศตะวันตก)

แก๊งหงส์แดง (สี่จตุรเทพทิศใต้)

แก๊งเต่าดำ (สี่จตุรเทพทิศเหนือ)