ตอนที่ 136 ต่อยกัน
มู่เทียนซิงยังนั่งเป่าแอร์ชิวๆอยู่บ้าน มองดูหนังสือ
ปากกาที่อยู่ในมือนั้นเอามาจากโต๊ะหนังสือของหลิงเล่ เธออ่านหนังสือไปด้วย และในมือก็พลางควงปากกาไป พอเห็นตอนที่สนใจมากๆ ปากสวยๆนั้ก็จะอ่านตามไปด้วยแบบเงียบๆ
“กลิ่นหอมหนังสือ,ความอบอุ่นของแสงอาทิตย์,สีสันของบุคคล。”
แล้วฉวีซือก็วิ่งลงมาจากชั้นบนอย่างเร่งรีบ เธอเดินไปถึงด้านหน้าของมู่เทียนซิงแบบเร่งรีบ มองดูเธอ:”คุณหนูมู่ รถของซือซ่าวเกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้ฉันจะไปดูพวกเขาที่โรงพยาบาล คุณจะไปด้วยมั้ย?”
ปากกาบนมือหล่นลงพื้นอย่างฉับพลัน กลิ้งลงบนโต๊ะหนังสือ หมุนไปหลายรอบ แล้วตกลงบนพื้น
มู่เทียนซิงอ้าปากกว้าง พูดแบบไม่น่าเชื่อว่า:”คุณพูดเล่นอะไร คุณลุงกำลังทำโอทีที่บริษัทไม่ใช่หรอ?”
ฉวีซือส่ายหัว ว่า:”พวกเขาไปท่าอากาศยานแล้ว ไปดูคุณหญิงเยว่หยา แต่โดนคนอื่นดักตีไว้ คนพวกนั้นเกือบจะฆ่าคุณชายหนีเลยนะ!”
สีหน้าของมู่เทียนซิงซีดขาว!
ตกใจจนพูดอะไรออกมาไม่ได้สักประโยค!
เหมือนกับว่าเธอจะถามมาหนึ่งประโยค:”คุณลุงเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
แต่ว่า คำพูดอยู่ในลำคอ เพราะว่าตกใจเกินไปเลยพูดออกมาไม่ได้!
ฉวีซือพูดต่อว่า:”ตอนแรกมีแค่จั๋วหรันขับรถพาพวกเขาไป แต่จั๋วซีบอกว่า เขาอยากถ่ายรูปของโม่หลินไว้เพราะงั้นจึงอยากไปด้วย!ดีที่พวกเขาไปด้วยกัน โอ้พระเจ้าของฉัน ฉันตกใจแทบตายเลยนะ คืนนี้จั๋วหรันกับจั๋วซีนั้นจัดการผู้ฆ่าไปตั้งสี่คน!ถ้ามีแค่จั๋วหรันตามไปคนเดียว ซือซ่าวเขาอาจไม่รอดกลับมาแล้ว!”
มู่เทียนซิงลุกขึ้นทันที กระวนกระวายมาก พุ่งไปเอากระเป๋าเป้ที่อยู่ติดตัวตลอดออกมาจากห้องนอน พูดกับฉวีซือว่า:”พี่ซือ พวกฉันรีบไปกัน!รีบไปนะ!”
สองคนนั้นขึ้นรถพร้อมกัน มู่เทียนซิงยังอยากจะเอามือถือออกมาโทรหาหลิงเล่ แต่ก็คิดได้ว่า มือถือของตนโดนหนีหย่าจูนเอาไปแล้ว!
หลังจากที่เขาโทรหาคุณหญิงเยว่หยาแล้ว ก็ไม่ได้คืนเธอเลย!
มู่เทียนซิงถึงกับหายใจเข้าออกอย่างแรงในรถเพื่อที่จะสงบลง อยากจะถามฉวีซือว่าเธอรู้มั้ยว่าพวกหลิงเล่เขาเป็นยังไงบ้างแล้ว แต่ก็กลัวว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรจริง จะกระทบกับอารมณ์ของฉวีซือ ขับรถออกมาตอนดึกๆนี้ไม่ปลอดภัยเลย!
ปิดปากทนไว้ กว่าจะมาถึงโรงพยาบาล ฉวีซือก็พามู่เทียนซิงวิ่งไปทางห้องพักผู้ป่วยอย่างเร็ว!
“จั๋วหรันโทรกลับมา บอกว่าซือซ่าวกับคุณชายหนีก็อยู่ตรงห้องผู้ป่วยvipในชั้นแปดกันทั้งสองคน เพราะว่าผู้ฆ่าพวกนั้นตั้งใจจะเองคุณชายหนี เพราะงั้นตอนนี้หน้าประตูของคุณชายหนีนั้นเต็มไปด้วยตำรวจที่เตรียมตัวมาพร้อม ไม่ยอมให้คนเข้าไป!พวกฉันไปดูซือซ่าวกันก่อนนะ!”
“คุณลุง คุณลุงเขามีเรื่องอะไรมั้ย?”
“ซือซ่าวตื่นมาแล้ว น่าจะไม่มีอะไรมากแล้ว!”
ฉวีซือดึงมู่เทียนซิงไว้เดินไปบอกไปด้วย เงาที่สละสลวยและเร่งรีบของสองคนนั้นสะท้อนอยู่บนแผ่นหินอ่อน เหมือนกับวิวที่สะท้อนออกมาจากกระจก
“รอแป๊บหนึ่ง!”
มู่เทียนซิงมองดูประตูลิฟต์ที่กำลังจะปิดลง แล้วตะโกนเสียงดัง แล้วก็วิ่งออกไปด้วยความเร็ว ขนาดฉวีซือที่ฝึกมา ยังวิ่งไม่เท่ามู่เทียนซิง และโดนเธอลากไปด้วยเลยนะ
คนที่อยู่ในลิฟต์นั้นได้ยินเสียง ก็กดปุ่มเปิดประตูให้กับพวกเธอ
พวกเธอวิ่งเข้าไปเบียดโดยที่ไม่ได้ดูอะไรเลย:”ขอบคุณ!ขอบคุณ!”
รอพวกเธอหันหลังกลับ ตอนที่กำลังจะกดปุ่มชั้นแปดนั้น พบว่าไฟของชั้นแปดนั้นสว่างอยู่ แสดงว่ามีคนกดแล้ว
มู่เทียนซิงคิด บังเอิญขนาดนี้เลยหรอ?
สายตานั้นมองดูแบบไม่ตั้งใจ เธอรู้สึกสะดุ้ง!
ผู้หญิงที่ยืนอยู่ด้านหลังนี้ หน้าตาสะสวยนี้……ก็คือคุณหญิงเยว่หยาไม่ใช่หรอ?
เธออ้าปากกว้าง มองดูหนีซีโย่วไว้ รู้สึกอึ้งไปทั้งคน!
ฉวีซือหันหัวมอง ก็ตกใจเช่นกัน แล้วรีบเรียกว่า:”คุณหญิง!”
หนีซีโย่วนั้นรู้จักฉวีซืออยู่แล้ว แล้วมองดูหน้าตา อายุของมู่เทียนซิง กับเสื้อที่เป็นสีฟ้าทะเลทั้งตัวนั้น กับไพลินศรีลังกาที่สว่างไสวบนหน้าอกของเธอเม็ดนั้น หนีซีโย่วก็ดูออกแล้วว่า:”คุณหนูมู่”
มู่เทียนซิงรีบคำนับแล้วกล่าวขอโทษว่า:”ขอโทษ คุณหญิง เมื่อกี๊เสียมารยาท ฉันคิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับคุณตรงนี้”
มารยาทของประเทศหนิงคือ ถ้าประชาชนเจอกับข้ารับใช้ในวังขั้นสามหรือขั้นสามขึ้นไป ก็ต้องคำนับทั้งหมด
หนีซีโย่วอยู่ถึงขั้นของคุณหญิง
และคุณหญิงนั้น ก็เป็นหญิงสาวในวังของประเทศหนิง ขั้นที่สูงที่สุด อยู่ที่ขั้นหนึ่ง
โม่หลินที่นืนอยู่ข้างๆตัวเธอนั้น ปีนี้เพิ่งจะสอบเข้าได้ และเป็นปีนี้เพิ่งจะสอบเข้าได้ และเอยู่ขั้นสี่
เมื่อก่อนเพื่อนที่เล่นด้วยกันในวังนั้น หรือรุ่นพี่ที่มองดูเธอเติบโตขึ้น ก็ภายในคืนเดียวนั้น ต้องเปลี่ยนจาก”โม่หลินน้อย”เปลี่ยนเป็นเรียกเธอว่า”โม่หลินซ่างซือ”
“ไม่เป็นไร”หนีซีโย่วยิ้มบางๆ แล้วไม่พูดอะไรอีก
ในใจของมู่เทียนซิงนั้นกระตุกอย่างแรง เธอไม่รู้เลยว่าจะได้เจอกับแม่ยายในลิฟต์นี้
พอคิดได้ว่าคุณลุงอยากเห็นหน้าของแม่มากขนาดนั้น มู่เทียนซิงก็รู้สึกตื่นเต้น และกำลังจะล้นออกมา!
พอประตูลิฟต์เปิดออกช้าๆ หน้าประตูนั้นก็มีตำรวจที่ยืนถือปืนไว้สี่นาย
พอเห็นว่าคนในลิฟต์นั้นเป็นคุณหญิงเยว่หยาที่จะได้เจอในข่าวของทีวีอย่างเดียวนั้น ก็อึ้งไปทั้งหมด แล้วรีบวางปืนลงยืนนิ่ง คำนับว่า:”คุณหญิง”
หนีซีโย่วพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินออกจากลิฟต์ไปเลย
โม่หลินก็ตามหลังไปอย่างใกล้ชิด
ทันได้นั้น ก็มีเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบดังมา มู่เทียนซิงวิ่งไปก้าวยาว แล้วจับมือของหนีซีโย่วไว้ จับเธอวิ่งไปตรงด้านหน้า!
หนีซีโย่วใส่ส้นสูงที่สง่าไว้ เสียงเคาะลงบนพื้นนั้น ไพเราะต้องหูมาก
มู่เทียนซิงวิ่งไปด้วย พลางหันมามองเธอ แล้วในใจก็นับถือตนเองตอนที่อยู่สุสานในเมืองเอชนั้นรู้สึกว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงสุสานจะมีลูกแบบหลิงเล่ไม่ได้ ตอนนี้ดูมาก็ไม่ผิดสักนิด
คนที่ดูดีเช่นนี้ ต้องเป็นคุณหญิงเยว่หยาแน่นอน
“คุณหนูมู่!”
หนีซีโย่วเรียกเธอไว้ แล้วชักมือมือตนเองกลับมา พบว่าเด็กสาวนี้มีแรงเยอะจนน่ากลัว
เธออยากจะทรงตัวไว้ แต่ก็พบว่ามู่เทียนซิงจับเธอวิ่งไปข้างหน้าเร็วมาก เธอเบรกไม่ได้เลย แล้วถ้าใช่แรงเยอะเกิน ก็กลัวว่าเด็กสาวจะล้มลงไปด้วยแรงเฉื่อย
ตาที่คมชัดของมู่เทียนซิงนั้นมิงเห็นจั๋วซีแล้ว!
จั๋วซีในตอนนี้ กำลังยืนอยู่หร้าประตูห้องผู้ป่วย มองดูทางที่เธอวิ่งมานั้นอย่างตกตะลึง
มู่เทียนซิงคิดในใจว่า ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว ใกล้จะถึงแล้ว คุณลุง ฉันพาแม่ของคุณมาแล้ว!
“คุณหนูมู่!”
หนีซีโย่วเรียกเธออีกรอบ แต่ว่าเธอก็ไม่สน สนแต่จะวิ่งไปด้านหน้า!
และด้านหลังของพวกเธอ โม่หลินกับฉวีซือเริ่มตีกันแล้ว
เพราะว่าตอนที่มู่เทียนซิงลากหนีซีโย่ววิ่งแบบไม่มีมารยาทนั้น บนหน้าของโม่หลินก็มีความเกรี้ยวกราดขึ้น และเตรียมที่จะลงมือทำร้ายมู่เทียนซิง!
ส่วนอาชีพของฉวีซือก็คือปกป้องมู่เทียนซิง ก็เลยตอนที่โม่หลินเริ่มลงมือนั้น ฉวีซือก็ไม่ขัดเธอทันที!
ฉวีซือนั้นฝึกวิชาตั้งแต่เด็ก โม่หลินก็เป็นแค่สาวอ่อนโยนที่มีวิชานิดหน่อยเท่านั้น ตอนที่รู้สึกว่าตนจะตีไม่ไหวนั้น เธอกับตะโกนกับตำรวจไปหนึ่งประโยคว่า:”รีบมาช่วยเร็ว!”