ตอนที่ 137 พบกัน
พอโม่หลินตะโกนออก พวกตำรวจก็มองงงกัน
ไม่รู้จริงๆว่าพวกเธอสองคนใครเป็นคนของคุณหญิงเยว่หยา พวกเขาจึงไม่รู้ต้องช่วยอย่างไง
และในตอนนี้ มู่เทียนซิงก็ลากคุณหญิงเยว่หยาไปถึงหน้าห้องผู้ป่วยของหลิงเล่แล้ว พอได้ยินเสียง ทุกคนก็มองไปพร้อมกัน มองดูฝั่งนู้นของระเบียง ผู้หญิงสองคนกำลังตีกันอยู่!
สักพักเดียว โม่หลินก็โดนฉวีซือปรับลงแล้ว
ละในตอนนี้ หนีซีโย่วเชิดคางขึ้นแบบทำอะไรไม่ได้แล้ว บอกกับฝั่งนู้นของระเบียงว่า:”อาซือ!ปล่อยเธอเถอะ เธอเป็นน้องสาวของจั๋วหรัน!”
ประโยคเดียว ทั้งคนของจั๋วซีก็เกรงขึ้นมา ถึงกับลืมคำนับให้กับคุณหญิงเยว่หยา กลัวว่าน้องสาวตนจะเจ็บอะไร แล้ววิ่งไปแบบก้าวขายาว:”พี่สะใภ้!คุณเบาหน่อย! ไว้มือเถอะนะ!”
ฉากตรงหน้านี้เปลี่ยนไปไวเกิน จึงทำให้มู่เทียนซิงทำอะไรไม่ถูก
และเหมือนกับว่าคนที่อนู่ในประตูนั้นจะได้ยินสิ่งที่อยู่ด้านนอก จึงเปิดประตูดู แล้วจั๋วหรันก็อึ้งไปทั้งคน แล้วก็รีบคำนับว่า:”คุณหญิง!”
จั๋วหรันรู้สึกตื่นเต้นมาก แล้วพอคิดได้ว่าซือซ่าวอยากเห็นแม่แล้ว จึงเปิดประตูห้องให้กว้างถึงสุดๆ และเขาเองก็ถอยลงไปเรื่อยๆ ลดการแสดงตัวตนให้เหลือน้อยที่สุด!
เตียงของหลิงเล่นั้น มองเห็นทุกอย่างที่อยู่หน้าประตูได้อย่างชัดเจน!
ตอนที่ร่างสีเหลืองอ่อนๆนั้น เทลงหน้าประตูเหมือนกับแสงจันทร์นั้น ตาของหลิงเล่ก็จ้องตรงมาเลย!
หนีซีโย่วได้ยินมานานแล้วว่า เด็กคนนี้มีหน้าตาที่เหมือนกับคุณลุงเทียนหลิง
วันนี้ได้เจอกัน ถึงจะรู้ว่าไม่ใช่แค่เหมือน แต่สภาพตอนนี้ของหลิงเล่ เธอบอกได้ว่า ถ้าโล่เจปู้มองเห็นแล้วก็ มั่นใจได้ตั้งแต่แวบแรกเลยว่า:หลิงเล่ได้เขามาหมดเลย!
ตาของเธอ ก็จมลงไปลึกๆในสายตาของเขา ยี่สิบหกปีแล้ว นี้ยังเป็นครั้งแรกที่พบเจอกัน!
เหมือนกับว่าหลิงเล่ก็รู้สึกตกใจเช่นเดียวกัน
แต่ว่า ตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าพูดออกมา กลัวว่าจะทำให้การพบเจอที่ได้มายากเช่นนี้จะหายไป!
หน้าระเบียง—
ตอนที่จั๋วซีวิ่งเข้าไปอย่างเร็วนั้น ฉวีซือก็ปล่อยโม่หลินแล้ว
ฉวีซือคิดไม่ได้เลยว่าเด็กสาวที่อยู่ข้างหน้านี้ก็คือโม่หลิน ดีใจและโล่งใจที่ตนไม่ได้ทำให้เธอบาดเจ็บจริง:”โม่หลินโนเป็นพี่สะใภ้คุณเอง ฉันเป็นภรรยาของจั๋วหรัน!”
เธอยื่นมือไปให้กับเด็กสาว โม่หลินก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน จึงรีบจับมือกับเธอ แล้วก็สังเกตเธออย่างตั้งใจ:”คุณเป็นพี่สะใภ้ของฉัน?คุณดูดีจัง!ดูดีกว่าที่ฉันคิดไว้อีก!”
โม่หลินได้ยินมาว่า พี่ชายของตนแต่งงานกับผู้หญิงที่ทักษะการตีเก่ง แล้วทำกับข้าวเป็น
เพราะงั้นเธอจึงคิดไปเองว่า ฉวีซือจะเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง แล้วก็คลอดลูกชายได้ด้วย
แต่ดูจากตอนนี้แล้ว ฉวีซือจะเป็นหญิงสาวที่ผอมๆเล็กๆ สะอาด แล้วก็ดูดีมากคนหนึ่ง
คิดไม่ถึงจริงๆ!
ตาของจั๋วซีนั้น จ้องดูโม่หลินตลอด จากล่างขึ้นบน จากบนลงล่าง ดูจนเขารู้สึกตื่นเต้นมาก
“ผมเป็นพี่คนรองของคุณ ผมคือจั๋วซี!”
เขาพูดไปหนึ่งประโยค แล้วมองตรงๆ บีบหน้าของเด็กสาวนั้น เดี๋ยวก็บีบคางเธอ เดี๋ยวก็บีบจมูกเธอ เดี๋ยวก็บีบหูของเธอ เหมือนกับว่าจะทดลองดูว่าคนข้างหน้านี้เป็นคนจริงหรือเปล่า
หน้าเล็กๆของโม่หลินโดนเขาบีบจนแดง
เจ็บนิดหน่อย แต่ก็ทนไว้ไม่ออกเสียง
เขินนิดหน่อย ยังไงตนก็เป็นสาวแล้วนะ:”พี่ชาย!ฉันสิบแปดปีแล้วนะ คุณจับหน้าของฉันแบบนี้ ไม่เหมาะนะ!”
ขนาดคุณพ่อนั่วยียังไม่ค่อยมีทีท่าที่จะจับเนื่อต้องตัวเธอเลย แล้วตอนนี้ก็ ชายหญิงต่างกันแล้วนะ!
แต่จั๋วซีก็ยิ้มออกมาโดยที่ไม่ได้เป็นอะไร:”กลัวอะไร!คุณเป็นน้องสาวแท้ๆของผม ผมแค่สงสัย น้องสาวผมหน้าตาแบบนี้นี้เอง”
“เห้อๆ”โม่หลินหลุดขำออกมา หันหัวไปดูที่ไกลออกไป เพิ่งจะนึกถึงหนีซีโย่ว:”ไม่คุยกับพวกคุณแล้ว ฉันออกมากับคุณหญิง!ฉันต้องปกป้องคุณหญิงนะ!”
จั๋วซีพูดไม่ออก
ฝีมือที่ไม่ค่อยเก่งของเธอนั้น เขาก็มองเห็นหมดแล้ว
ถ้าคุณหญิงเยว่หยาให้เธอมาปกป้อง งั้นก็เป็นห่วงอยู่นะ!
เด็กสาวหันหลังกลับแบบรีบรน ก้าวเท้ายาวไปทางของหนีซีโย่วเธอพบว่าหนีซีโย่วนี้นยืนแปลกๆอยู่ตรงหน้าของห้องผู้ป่วยบางห้อง หันหน้าเข้าไปด้านใน เหม่อลอยแบบเงียบๆ!
ตอนที่โม่หลินใกล้จะเดินเข้าไป ก็เรียกออกไปหนึ่งคำว่า:”คุณหญิง!”
หลังจากที่หนีซีโย่วได้สติกลับมา พอเห็นว่าโม่หลินจะมาแล้ว ก็รีบดูหลิงเล่อีกรอบ ตาเริ่มแดงนิดๆแล้วยื่นแขนออกปิดประตูห้องผู้ป่วยด้วยมือของเธอเอง!
ชั่วเวลาที่ประตูห้องปิด และก็ปิดแสงสว่างของสายตาหลิงเล่ไว้ด้วย
“คุณหญิง คุณชายหนีอยู่ด้านในมั้ย?”โม่หลินมองไปทางประตูที่ปิดไว้
หนีซีโย่วส่ายหัว ว่า:”ไม่มี พี่ใหญ่คุณอยู่ในนั้น ฉันได้คุยกับพี่ชายคุณ”
โม่หลินใบหน้าตื่นเต้น อยากจะยื่นมือไปเปิดประตู แต่โดนหนีซีโย่วดึงไว้:”พวกฉันไปหาหน่าจูนก่อน พอเจอหย่าจูนแล้ว แล้วค่อยให้พี่น้องพวกคุณได้มีเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน”
พอคิดถึงอาชีพที่ตนได้ทำ โม่หลินก็พยักหน้ารับ:”ได้”
หนีซีโย่วมองดูมู่เทียนซิงอยู่แวบหนึ่ง แล้วยิ้มบางๆ มีท่าทีอ่อนโยน
แต่ว่าตอนที่เธอเดินสวนทางกับมู่เทียนซิงนั้น ก็ใช่แค่เสียงที่ได้ยินเพียงสองคนนั้น พูดแบบขี้เล่นว่า:”ถ้ารอบหน้ายังดื้ออีก ระวังฉันตีก้นคุณนะ!”
มู่เทียนซิงมองเขาแบบแปลกๆ แต่ก็เห็นแสงสว่างที่ดูเหมือนขี้เล่นนั้นอยู่ในสายตาของเขา แต่หลังจากชั่วเวลาที่พวกเธอเดินผ่านกัน เธอก็รีบเปลี่ยนเป็นทีท่าที่สง่าไว้ ขนาดตอนเดินนั้นยังรู้สึกสง่างามเลย แล้วหายไปจากสายตาของเธออย่างช้าๆ!
มุมปากของมู่เทียนซิงกระตุกนิดๆ ที่แท้แล้วแม่ยายของเธอ ในสายเลือดนั้น ยังเป็นคนที่น่ารักขี้เล่นเช่นนี้?
ตีก้น…..ของเธอ?
หลุดขำออกมาแบบทนไม่ได้ มู่เทียนซิงเคาะประตูห้อง
หลังจากที่จั๋วหรันเปิดประตูออก ก็รีบมองออกไปทางระเบียงทางเดิน มู่เทียนซืงรู้ว่าเขามองอะไร ว่า:”โม่หลินไปกับคุณหญิงเยว่หยาแล้ว”
ในตาของจั๋วหรันนั้นมีความเสียดายแวบผ่าน แล้วมองเห็นภรรยากับน้องชายเดินมาถึงด้านหน้าแล้ว ก็พูดว่า:”ซือซ่าวอยู่ด้านใน คุณหนูมู่ เชิญ”
มู่เทียนซิงมองดูผู้ชายที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยนั้น แล้ววิ่งเข้าไปแบบเป็นห่วง ไม่กล้าจับเขา ถามว่า:”มีเจ็บปวดตรงไหนบ้าง ให้ฉันดูหน่อย รุนแรงหรือเปล่า?คุณหมอว่าไง?”
หลิงเล่มองดูเธอ แล้วมือใหญ่ก็ยื่นมาเลย กำมือเล็กของเธอไว้แน่นๆ
เธอมองเห็นแผลบนหลังมือของเขา แล้วเห็นผ้าก๊อตสีขาวสี่เหลี่ยมที่ติดอยู่บนหน้าผากของเขา จึงพูดออกมาแบบเจ็บใจว่า:”ฉันตกใจแทบตายนะ ดีที่เป็นแค่แผลภายนอก ใช่มั้ย?”
เขาพยักหน้า สายตานั้นลึกลับ
เธอบอกอีกว่า:”เมื่อกี๊คุณหญิงเยว่หยามาเยี่ยมคุณแล้ว ก็คงจะเจ็บใจมากเช่นกัน ดูสภาพที่มีแต่บาดแผลแบบคุณเช่นนี้ น่าสงสารจริงๆ”
ตามแรงพาจากข้อมือของเขา มู่เทียนซิงนั่งลงข้างเตียงของหลิงเล่ หันหน้ามองเขา แล้วยิ้ม:”คุณลุง แผลบนหน้าผากของคุณจะกลายเป็นแผลเป็นมั้ยนะ?”
เขาไม่พูด
เธอพูดอีกว่า:”ถ้าเหลือแผลเป็นไว้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่มีใครมาแย่งคุณจากฉันอีก!”