ตอนที่ 71 โดนเอาคืน !
ตกลง ตกลง ! เจ้าค่อย ๆ เดินและค่อย ๆ ไปแล้วกัน ! หลินเว่ยเว่ยกลอกตามองบนหนึ่งทีพร้อมก้าวเท้าอย่างกระฉับกระเฉงเพื่อมุ่งหน้าไปยังบ่อน้ำลึกบนภูเขา ขณะเดินปากก็ฮัมเพลงไปด้วยว่า นอกศาลา ริมทางโบราณ ต้นหญ้าเขียวขจีสูงเสียดฟ้า สายลมราตรีต้องกิ่งหลิว เสียงขลุ่ยสะดุดลง ตะวันตกดินลับหุบเขา…
เสียงเพลงดังแผ่วขึ้นลงตามจังหวะอย่างไพเราะ มันดังก้องกังวานอยู่ในหุบเขาพร้อมแสงอาทิตย์สีส้มแดงที่ใกล้ลาลับนภา ตามด้วยสายลมแผ่วเบากับเสียงใบไม้ปลิวไสวร่ายรำไปตามท่วงทำนองธรรมชาติ…
เจ้า…เจ้าคือผู้ใดกันแน่ ? เจ้ามาจากที่ใด ? น้ำเสียงของเจียงโม่หานแสนเยือกเย็นและสายตาก็จับจ้องมายังร่างอวบที่อยู่เบื้องหน้า
ฝีเท้าของหลินเว่ยเว่ยหยุดชะงักราวกับว่าถูกคนกดปุ่มหยุดเอาไว้ จากนั้นนางก็ค่อย ๆ หมุนตัวกลับมาพลางก้มศีรษะลงต่ำจนติดหน้าอก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นทีละนิดแล้วกลอกตาขึ้นจนไม่เห็นลูกตาดำ นางพยายามกดเสียงให้ต่ำเพื่อสร้างบรรยากาศน่ากลัวแล้วกล่าวว่า
ข้าคือวิญญาณร้ายที่กลับมายังโลกมนุษย์เพื่อกัดกินบัณฑิตน้อยรูปงามและโดดเดี่ยวโดยเฉพาะ บอกข้ามาสิว่าเจ้ากลัวหรือไม่ !
สร้างเรื่อง เจ้าสร้างเรื่องขึ้นอีกแล้ว ! เจียงโม่หานมองนางอย่างเรียบเฉย ใบหน้าที่งดงามของเขาท่ามกลางแสงสีทองของดวงอาทิตย์ยามอัสดงช่างดึงดูดผู้คนให้อยากเข้าหาราวกับแมลงเม่าที่บินเข้ากองไฟ
ทำไม ? เจ้าไม่เชื่อข้าหรือ ? หลินเว่ยเว่ยกลอกลูกตาอีกครั้งแล้วยื่นมือออกมาพลางกล่าวว่า ไม่เชื่อเจ้าก็ลองจับมือของข้าสิ ดูว่ามันเย็นราวกับน้ำแข็งหรือไม่…
เดิมทีนางคิดว่าผู้ที่จองหองและหัวโบราณเช่นบัณฑิตผู้นี้ต้องไม่ยอมแตะต้องมือของหญิงสาวเป็นแน่ แต่นางคาดไม่ถึงว่า…ในขณะที่ยังไม่ทันได้กล่าวจบ มือของนางก็ถูกมือที่ผอมแห้งแต่อบอุ่นกุมไว้เบา ๆ จึงทำให้นางถึงขั้นหยุดชะงัก คำพูดที่เหลืออยู่จึงถูกกลืนลงคออย่างรวดเร็ว
มันยังอุ่น ! เจียงโม่หานจ้องนางที่ยืนแข็งทื่อราวกับโดนกดจุดเอาไว้ ทันใดนั้นภายในใจของเขาก็รู้สึกพอใจขึ้นมา แววตาจึงแฝงความสนุกเอาไว้ ทว่าใบหน้ายังเรียบเฉยดังเดิม เหมือนว่าเขา…หาวิธีจัดการนางได้แล้ว !
หลินเว่ยเว่ยหยุดนิ่งไปชั่วอึดใจหนึ่งแล้วดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเขินอาย จากนั้นนางก็ขมวดคิ้วแล้วมองไปยังบัณฑิตหนุ่ม น่าเกลียด ! เจ้าจับมือของผู้อื่นแล้วต้องรับผิดชอบด้วย…
ได้ ! ข้าจะรับผิดชอบ ! เจียงโม่หานตัดบทของหญิงสาวอีกครั้ง เมื่อเห็นสีหน้าตกใจที่เผยออกมาบนใบหน้าของนางแล้ว เขาก็รู้สาเหตุที่นางชอบแกล้งกันขึ้นมาทันที ‘ฮ่าฮ่า ความรู้สึกของการแกล้งคนยอดเยี่ยมเช่นนี้เอง ! ’
ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…ฟ้าใกล้มืดแล้ว ข้าต้องรีบไปทำงานก่อน เจ้าค่อย ๆ เดินเล่นไปก็แล้วกัน ลาก่อน ข้าไม่ส่งนะ ! หลินเว่ยเว่ยยกถังน้ำขึ้นมาพลางหัวเราะกลบเกลื่อนแล้ววิ่งขึ้นเขาไปราวกับว่ามีผีไล่ตามอยู่ข้างหลัง
เจียงโม่หานหุบยิ้มที่มุมปากพร้อมตามนางไปแล้วกล่าวว่า ข้าช่วย !
ไม่ต้อง ! ข้าทำเองได้ ! ! หลินเว่ยเว่ยเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิม ไม่นานนางก็มาถึงบ่อน้ำลึกแล้วทิ้งตัวนั่งบนก้อนหินริมบ่อพร้อมหอบหายใจอย่างหนักหน่วง
ชาวบ้านที่กำลังตักน้ำอยู่ก็มองนางอย่างแปลกใจแล้วถามว่า เป็นอันใดไป ? มีสิ่งใดตามหลังเจ้ามาหรือ ?
มีหมาป่าตัวหนึ่งไล่ตามหลังข้ามา ! หลินเว่ยเว่ยรู้สึกว่าบัณฑิตหนุ่มผิดแปลกไปจากปกติ เขาน่ากลัวกว่าหมาป่าเสียอีก
พอชาวบ้านได้ยินเช่นนั้นก็พากันตกใจกลัวจนเลิกตักน้ำแล้วรีบลงเขา ช่วงนี้ถนนบนภูเขามีฝูงหมาป่าอยู่จริง หากไม่ใช่เพราะตอนกลางวันมีคนมาตักน้ำจำนวนมากก็ไม่แน่ว่าพวกมันอาจออกมาทำร้ายมนุษย์ไปแล้วก็ได้
ยามนี้ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดมิด ผู้คนบนเขาเริ่มน้อยลงเช่นกัน หากใครมาคนเดียวแล้วบังเอิญเจอเข้ากับฝูงหมาป่าก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าเขาคนนั้นจะมีชีวิตรอดกลับไปหรือไม่ !
หลินเว่ยเว่ยใช้สองมือวักน้ำขึ้นมาล้างหน้า เมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้นางก็อดขมวดคิ้วมิได้ ‘เมื่อครู่นางฟังผิดใช่หรือไม่ ? เหตุใดบัณฑิตน้อยจึงกล่าวว่าจะรับผิดชอบต่อนาง ? หรือว่า…เขาถูกผีป่าหรือภูตภูเขาเข้าสิงร่างกันนะ ? ’
‘บัณฑิตน้อยมาจับมือนางเองมิใช่หรือ ? นี่คือบัณฑิตที่ปากเอาแต่บอกทั้งวันว่าจะไม่สุงสิงเรื่องชายหญิงหรือไร ? ผิดปกติ ! เช่นนี้มันผิดปกติมาก ! ’
นางมองไปที่ริมบ่อน้ำก็เห็นว่ามีต้นท้อเอนเอียงอยู่ต้นหนึ่ง จากนั้นนางจึงหักกิ่งต้นท้อมาหนึ่งกิ่งเพราะว่ากันว่ากิ่งท้อสามารถปัดเป่าความชั่วร้ายได้ นางจึงอยากลองว่าวิญญาณแห่งขุนเขาและภูตผีที่ดุร้ายกับนางผู้โตมาภายใต้ผืนธงสีแดง ใครจะเหนือกว่ากัน
นางเสียบกิ่งท้อไว้ที่เอวแล้วรีบเดินลงเขาพร้อมถังน้ำในมือสองถัง ระหว่างทางบัณฑิตหนุ่มนั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ ปากก็พร่ำบทกวีที่เข้ากับสถานการณ์พอดิบพอดี
หลินเว่ยเว่ยเดินมาถึงด้านหน้าของเขา จากนั้นก็วางถังน้ำลงพื้นแล้วจ้องเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ตอนนี้เจียงโม่หานอารมณ์ดีเป็นอย่างยิ่ง นัยน์ตาของเขามีประกายลุกโชน เขายกยิ้มที่มุมปากและหางตาก็แฝงด้วยอารมณ์รักใคร่ของหนุ่มสาว เจ้ายังโกรธอันใดอีก ? ข้าก็บอกแล้วว่าจะรับผิดชอบเอง นี่ ! เจ้าจะทำอันใด ! !
หลินเว่ยเว่ยถือกิ่งท้อไว้ในมือแล้วตีไปที่ตัวของบัณฑิตหนุ่ม ปากก็ท่องพึมพำว่า ไท่ซ่างเหล่าจวิน1 รวดเร็วตามกฎ ! วิญญาณร้ายล่าถอย ! ทหารและนักรบจัดทัพอยู่เบื้องหน้า วิญญาณภูตภูเขาและผีป่าจงออกจากร่างบัณฑิตน้อยไปเสีย !
หยุด ! กิ่งท้อที่ฟาดบนตัวก็เหมือนแส้ แม้เจียงโม่หานเกิดมาแล้วสองชาติก็จริง แต่เขายังไม่เคยถูก ‘เฆี่ยนตี’ เช่นนี้มาก่อน เขาจึงหลบด้วยความโกรธพร้อมตะโกนใส่หลินเว่ยเว่ยว่า หลินเว่ยเว่ย ! เจ้าเป็นบ้าอันใด !
เฮ้ ! เจ้าเป็นภูตภูเขาหรือผีป่ากันแน่ ? แต่ไม่ว่าเจ้าเป็นอันใดก็รีบออกจากร่างของบัณฑิตน้อยไปเสีย ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าใจร้าย ! หลินเว่ยเว่ยชี้กิ่งท้อไปที่เจียงโม่หานราวกับรูปปั้นยักษ์ที่ดูโกรธเกรี้ยว นางจ้องเขาด้วยดวงตากลมโต
เจียงโม่หานลูบแขนที่โดนตีจนเจ็บ เขากัดฟันแล้วกล่าวว่า เด็กคนนี้ เจ้าทำบ้าอันใด ? ขับไล่ผีอันใดกัน ข้าคิดว่าเจ้าอยากหาข้ออ้างมาตีข้ามากกว่า
หลินเว่ยเว่ยใช้กิ่งท้อเขี่ยแก้มของอีกฝ่าย ทว่าโดนเจียงโม่หานคว้ากิ่งท้ออีกด้านเอาไว้ได้ เขาแย่งไปแล้วหักมันทิ้งและโยนลงพื้น
เหตุใดเจ้าจึงทำลายเครื่องรางของข้า ? ข้ากำลังขับไล่สิ่งชั่วร้ายให้เจ้าอยู่ ! หลินเว่ยเว่ยขมวดคิ้วแล้วมองไปยังเศษกิ่งท้อที่โดนทำลาย เจ้าไม่ใช่ผีป่าจริงหรือ ?
เจ้าต่างหากที่เป็นผีป่า ! ในหัวของเจ้าใส่อันใดไว้กันนะ ? เจียงโม่หานจิ้มลงที่ศีรษะของนางอย่างหงุดหงิด เขาพับแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นรอยแดงเป็นทางอยู่บนแขน
พอหลินเว่ยเว่ยเห็นจึงเอ่ยอย่างสำนึกผิดว่า ข้าตีเจ้าเบา ๆ เอง…
เจ้าแรงเยอะเพียงใด ไม่รู้ตัวบ้างหรือ ? ข้าไม่เคยถูกเฆี่ยนตีอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้มาก่อน เจ้าจะชดใช้ข้าอย่างไร ? เจียงโม่หานจ้องนางด้วยความโกรธ
ชดใช้อย่างไรหรือ ? ประเดี๋ยวข้าจะทำของอร่อยให้เจ้าทาน บำรุงร่างกายให้เจ้า ! แล้วยังชดใช้อย่างไรได้อีก คงไม่ถึงขั้นต้องยกใจให้หรอกนะ ! หลินเว่ยเว่ยดึงแขนเขาเข้ามาแล้วดูอย่างละเอียด ผิวของบัณฑิตหนุ่มทั้งขาวทั้งนุ่ม มองแล้วช่างน่าหลงใหล เฮ้อ น่าเสียดายที่มีรอยแดงเสียแล้ว !
เจียงโม่หานส่งเสียงไม่พอใจพลางย้อนถาม เหตุใดหรือ ? แต่งกับข้าลำบากมากหรือไร ?
ไม่ ไม่ ! ข้ากลัวว่าเจ้าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมต่างหาก ! คนที่มีความรู้ความสามารถมากมายและประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยจนน่าอัศจรรย์เช่นเจ้า…ผู้ที่เจอพายุก็กลายเป็นมังกรเช่นเจ้าจะมาถูกหญิงชาวบ้านเช่นข้าทำให้เสียเวลาได้อย่างไร ? หลินเว่ยเว่ยรีบประจบบัณฑิตหนุ่มผู้เย่อหยิ่งอย่างรู้งาน
1 ไท่ซ่างเหล่าจวิน มีรูปลักษณ์เป็นชายแก่ ผมขาว หนวดเคราขาวยาวถือแส้ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของนักพรตในลัทธิเต๋า
ตอนต่อไป