กระต่ายตัวผู้ขนสีเทาที่มาอยู่เป็นรุ่นแรกถูกขังอยู่ในคอกกระต่ายอีกคอก พอเจ้าหนูน้อยเข้ามามันก็ยื่นหน้ามาที่หน้าประตูไม้ไผ่เพื่อรอให้เจ้าหนูน้อยป้อนอาหารให้ แต่น่าเสียดายที่เขากำลังสนใจลูกกระต่ายน้อยจนทำให้หลงลืมพ่อกระต่ายไปเสียแล้ว
กระต่ายที่พวกเขาเลี้ยงไว้มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ทั้งหมดนี้ต้องยกให้เป็นความดีความชอบของเจ้าหนูน้อย หลินเว่ยเว่ยลูบศีรษะเล็ก ๆ ของเขาด้วยความเอ็นดูแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า เย็นนี้ข้าจะทำซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานให้เป็นรางวัล !
ซี่โครงหมูที่หลินเว่ยเว่ยซื้อกลับมาหนักถึง 5 ชั่ง นางเลือกชิ้นที่มีขนาดกำลังพอดีแล้วตัดเป็นท่อนหนาประมาณ 5 หลีหมี่1 หลังจากล้างด้วยน้ำสะอาดแล้วนางก็นำซี่โครงหมูไปพักไว้ จากนั้นนำหม้อมาตั้งไฟแล้วใส่เกลือ พริกหม่าล่า เหล้าจีน ขิงและต้นหอมลงเคี่ยวจนได้ที่จึงนำซี่โครงหมูลงไปผัดจนกลายเป็นสีน้ำตาลอ่อน
และขั้นตอนสุดท้ายคือการผัดซี่โครงหมูกับน้ำเชื่อมซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุดเพราะต้องตั้งไฟให้ร้อน จากนั้นก็ใส่น้ำตาลสีขาวลงไปแล้วค่อยๆ เคี่ยวจนออกสีเหลืองนวลจึงจะใส่น้ำซุป ใส่ซี่โครงที่ผัดกับเครื่องเทศลงไปได้ จากนั้นก็เคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนกระทั่งเนื้อซี่โครงดูดน้ำซุปเข้าไปจนเกือบหมด เมื่อเนื้อสุกแล้วจึงใส่น้ำส้มสายชูตามลงไปอีกเล็กน้อย พอสุกได้ที่ก็ตักขึ้นจากกระทะแล้วโรยงาขาว
น้องสี่ อาหารเสร็จแล้ว เจ้าช่วยไปเรียกน้าเฝิงกับท่านแม่มาทานข้าวเร็ว ! หลินเว่ยเว่ยฉีกเนื้อซี่โครงมาเป่าไล่ความร้อนแล้วป้อนใส่ปากเจ้าหนูน้อย
เจ้าหนูน้อยเคี้ยวเนื้อซี่โครงที่มีรสหวานอมเปรี้ยวฉ่ำไปด้วยเครื่องเทศครบรส ทันใดนั้นดวงตาก็เปล่งประกายออกมา ‘ว้าว พี่รองทำอาหารจานใหม่ อร่อยมากเลย ! ’
เจียงโม่หานช่วยนางเฝิงตากผลชิงที่เชื่อมเสร็จไว้บนหลังคากระเบื้องของตระกูลหลินเพราะด้านบนหลังคามีแสงแดดเพียงพอ สามารถลดเวลาในการตากได้ เพียงแต่ต้องระวังไม่ให้นกมาจิกกิน
ทั้งสองครอบครัวนั่งล้อมโต๊ะหิน บนโต๊ะมีซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานจานใหญ่ มะเขือยาวผัดและแตงกวาผัด เจียงโม่หานคีบซี่โครงให้นางเฝิงก่อน จากนั้นตนถึงได้เริ่มทาน
ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานเป็นสีน้ำตาลสวยด้วยน้ำมันฉ่ำซอส เฉพาะแค่ ‘สี’ ของมันก็บ่งบอกแล้วว่ารสชาติฉ่ำซอสมากเพียงใด อีกทั้งเนื้อยังดูสดใหม่และหอมอร่อยนุ่มลิ้น ชวนให้ผู้คนอยากอาหาร แม้แต่คนที่ชอบจับผิดเยี่ยงเจียงโม่หานยังหาข้อบกพร่องของซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานจานนี้ไม่เจอ
หืม ? มะเขือยาวนี้…รสชาติแตกต่างออกไป ในไม่ช้าเจียงโม่หานก็พบความพิเศษของมะเขือยาวผัดจานนี้
หลินเว่ยเว่ยจึงทำสีหน้าภาคภูมิใจออกมา ข้าใส่ผงเครื่องเทศห้าชนิดที่เป็นสูตรลับเฉพาะลงในมะเขือยาวและแตงกวาผัด เป็นเช่นไรบ้าง ? อร่อยใช่หรือไม่ ?
พวกเครื่องเทศที่เจ้าซื้อมาจากร้านขายยาใช่หรือไม่ ? ตอนนั้นกว่า ‘เครื่องเทศ’ จะบดเสร็จก็ทำให้พวกเขาเกือบพลาดเกวียนไปแล้ว
ก็ใช่น่ะสิ ! แม้ว่าเครื่องเทศเหล่านั้นขายในร้านด้วยราคาที่สูงไปหน่อย แต่เมื่อเทียบกับอาหารอร่อยที่ได้มาแล้ว เงินที่จ่ายไปก็ถือว่าคุ้มค่า !
เจียงโม่หานอดถามไม่ได้ว่า เจ้าทำอาหารพวกนี้เป็นได้อย่างไร ?
เพราะข้าฉลาดไงเล่า ! หลินเว่ยเว่ยยิ้มกริ่ม
เจียงโม่หานจึงย้อนถามอีก หรือข้าไม่ฉลาด ? เหตุใดข้าจึงไม่รู้เรื่องพวกนี้มาก่อน ?
ตำราที่เจ้าร่ำเรียนไม่ได้บอกหรือว่า ‘แต่ละคนมีด้านที่เก่งไม่เหมือนกัน’ ความฉลาดของเจ้าใช้ในการเล่าเรียน ส่วนความฉลาดของข้าอยู่ที่การคิดค้นอาหารอร่อย ! เลิกถามได้แล้ว หากยังถามต่ออีก ข้าได้ฉลาดกว่าเจ้าเป็นแน่ ! ความฉลาดของข้าที่หายไปเมื่อสิบกว่าปีก่อนได้กลับมาแล้ว ทำให้ข้าฉลาดเป็นทวีคูณ หลินเว่ยเว่ยส่งสายตาให้เขาเป็นเชิงว่า ‘เจ้าเข้าใจหรือไม่ ? ’
‘ไม่ ข้าไม่เข้าใจ ! คิดจะหลอกผู้ใดหรือ ? คำอธิบายเหล่านี้แม้แต่ตัวเจ้าเองก็เชื่อหรือไร ? ’
หลินเว่ยเว่ยยิ้มตาหยี ‘ไม่เชื่อแล้วอย่างไร ? เจ้าจะเค้นข้าได้หรือ ? ’
เจียงโม่หานมองนางด้วยสายตาคมกริบ ‘ไม่ช้าก็เร็วข้าจะเค้นเอาความจริงจากเจ้าให้ได้ ! ’
ทั้งคู่ห้ำหั่นกันทางสายตา แต่ดูเหมือนไม่ส่งผลกระทบต่อความเร็วในการแทะซี่โครงหมูของพวกเขาเลยสักนิด ไม่นานซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานกว่าสามชั่งและอาหารสองจานก็ถูกทานจนหมดเกลี้ยง
หลินเว่ยเว่ยลูบท้องของตนแล้วถอนหายใจออกมาอย่างพึงพอใจ หากทานมื้อเย็นมากเกินไปอาจทำให้อ้วนได้ ข้าจะไปรดน้ำในแปลงนาแล้ววิ่งขึ้นเขาสักสองรอบ จะได้ย่อยอาหารที่ทานเข้าไป !
นางหวงได้ยินเช่นนั้นจึงบ่นบุตรสาวพร้อมรอยยิ้ม เจ้านี่นะ ! ชอบทำสิ่งที่แปลกประหลาดอยู่เรื่อย ! ผู้อื่นมีแต่อยากเจ้าเนื้อ ส่วนเจ้าบ่นว่าจะลดน้ำหนักทั้งวัน
นั่นเพราะพวกเขาไม่ได้อ้วนไงเล่า ! หลินเว่ยเว่ยทำหน้าแง่งอน จากนั้นนางก็บีบแก้มที่เนียนนุ่มเหมือนผิวเด็กของตน
ไอหยา หน้าซาลาเปาของข้ากลายเป็นใบหน้ากลมเรียวเหมือนผลแตงตั้งแต่เมื่อไร ?
แม้แต่พี่สาวคนโตก็ยังอดประชดไม่ได้ ที่เจ้าอ้วนก็มาจากการทานทั้งนั้นไม่ใช่หรือ ? เจ้าได้ใช้วัตถุดิบมากมายและสิ้นเปลืองไปมากเพียงนั้น แต่จะไปวิ่งลดน้ำหนัก !
ในแต่ละวันเจ้าทำงานไม่เท่าไรแต่ทานเยอะมาก เช่นนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าสิ้นเปลืองวัตถุดิบทำอาหารเช่นกันหรือ ? เหตุใดเจ้าไม่บอกว่าข้าหาเงินได้มากกว่าที่ทานบ้างล่ะ ? วันใดไม่ได้กัดข้า วันนั้นจะไม่มีความสุขหรือไร ? หลินเว่ยเว่ยไม่ยอมโอนอ่อนตามเช่นกัน
ทุกครั้งที่สองพี่น้องปะทะฝีปากกัน ล้วนเป็นพี่สาวที่มาหาเรื่องก่อนทั้งสิ้นและสุดท้ายก็มักจบลงที่ความพ่ายแพ้ของตนเอง เพราะไม่สามารถเถียงสู้หลินเว่ยเว่ยได้ หากจะให้ตีกันก็สู้ไม่ได้อีก ดังนั้นจึงทำได้เพียงอดกลั้นโทสะเอาไว้ !
นางหวงเห็นบุตรสาวแบกถังน้ำไปที่แปลงนาจึงอยากตามไปช่วย แต่ก็โดนหลินเว่ยเว่ยห้ามไว้ ข้าต้องเดินขึ้นเขาไปหลายลี้เพื่อตักน้ำ หากท่านไปด้วย ข้าก็ต้องมาเป็นกังวลว่าท่านจะหกล้ม มันจะทำให้ท่านเหนื่อยเอาเปล่า ๆ เจ้าค่ะ แค่ท่านอยู่บ้านอย่างสงบก็ถือว่าช่วยข้ามากแล้ว
ท่านแม่เจ้าคะ ท่านพักผ่อนอยู่บ้านเถิด ประเดี๋ยวข้าจะไปช่วยน้องรองเอง ! พี่สาวคนโตโดนกระตุ้นเพราะหลินเว่ยเว่ยเพิ่งเอ่ยไปว่านางทานเก่งแต่ทำงานน้อย นางจึงยกถังน้ำขึ้นมาแล้วเดินออกไป
หากนางตามไปด้วย แล้วหลินเว่ยเว่ยจะแอบอู้เอาน้ำในมิติน้ำพุวิญญาณออกมาได้อย่างไร
ดังนั้นหลินเว่ยเว่ยจึงยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์แล้วพูดกับพี่สาวว่า ครั้งที่แล้วตอนข้าช่วยย่าเถียน ข้าพบฝูงหมาในเข้าฝูงหนึ่ง หากตอนนั้นข้าไปช้าอีกก้าวเดียว ย่าเถียนอาจ…บัณฑิตน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่าหมาในชอบกัดตรงส่วนไหนของเหยื่อมากที่สุด ? มันชอบกัดทวารของเหยื่อ ! มันชอบเริ่มกัดบริเวณทวารเพื่อที่จะเอาไส้และเครื่องในของเหยื่อออกมา…
ในระหว่างที่บรรยายอยู่นั้น นางก็ใช้สายตาดุร้ายจ้องมองไปยังก้นของพี่สาว
คำที่เอ่ยออกมาทำให้พี่สาวถึงขั้นหวาดกลัวจนตัวสั่น นางโยนถังน้ำในมือลงพื้นแล้วชี้หน้าหลินเว่ยเว่ยด้วยความโกรธระคนกลัว เจ้า ! เด็ก ! อ้วน ! เจ้าจงใจกลั่นแกล้งข้าใช่หรือไม่ ?
ข้าเตือนเจ้าด้วยความปรารถนาดีต่างหาก ! หลินเว่ยเว่ยปัดนิ้วของอีกฝ่ายออก จากนั้นก็ยกถังน้ำขึ้นมาแล้วเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง ทิ้งให้พี่สาวได้แต่กระทืบเท้าอยู่ตรงนั้น
หลินเว่ยเว่ยฮัมเพลงเดินขึ้นเขาภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกราวกับว่ามีคนเดินตามมา พอหันไปมองก็พบว่าบัณฑิตหนุ่มรูปงามกำลังเดินตามมานั่นเอง
เหตุใดเจ้าจึงตามข้ามา ? ไป ไป ไป ไป รีบกลับไปเสีย ! หลินเว่ยเว่ยโบกมือไล่เขาราวกับกำลังไล่ลูกไก่
เจียงโม่หานที่มือหนึ่งถือพัดส่วนอีกมือก็เอาไพล่ไว้ด้านหลังได้เดินผ่านนางขึ้นไปทางภูเขาอย่างไม่สะทกสะท้าน เหตุใดเล่า ? ทีเจ้ายังขึ้นเขาไปตักน้ำเพื่อย่อยอาหารได้แล้วไม่ให้ข้าขึ้นเขาเพื่อเดินย่อยบ้างหรือ ? เจ้าซื้อเขาลูกนี้ไว้เองจึงมีสิทธิ์มาห้ามผู้อื่นหรือไร ?
1 หลีหมี่ คือ เซนติเมตร
ตอนต่อไป