ตอนที่ 60

The simple life of the emperor

ในขณะที่งานประมูลกำลังดำเนินไปด้วยความครื้นเครงแต่สำหรับเทียนหลางแล้วค่อนข้างจะน่าเบื่อ ตามที่หลี่ไห่บอกมาว่าจะมีผู้บ่มเพาะมาเข้าร่วมงานประมูลด้วยซึ่งเทียนหลางก็เห็นบ้างเป็นบางคนแต่คนพวกนั้นอยู่ระดับต่ำสะจนทำให้เทียนหลางไม่อยากจะสนใจ และสิ่งของที่ถูกนำมาประมูลก็ค่อนข้างทั่วไป แม้จะมีบ้างที่ดูน่าสนใจแต่มันก็ไม่มากพอที่จะทำให้เทียนหลางต้องถึงกับสิ้นเปลืองเงินของตัวเอง

เฟิงหยวนถอนหายใจออกมาขณะจิบไวน์ในแก้ว

”งานประมูลของโลกมนุษย์ค่อนข้างน่าเบื่อนะ”

เทียนหลางที่ได้ยินก็หัวเราะออกมา

”ทำยังไงได้ของพวกนี้สำหรับพวกเราแล้วไม่จำเป็นเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นของที่ดูน่าสนใจเลยไม่ค่อยจะมีให้เห็นมากนัก”

เฟิงหยวนพยักหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ในขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งเบื่อกันอยู่นั้นก็มีของชิ้นหนึ่งที่สะดุดตาของเขา มันเป็นท่อนไม้สีฟ้าครามขนาดประมาณสองเมตร เมื่อมันสะท้อนกับแสงไฟทำให้มันส่องประกายระยิบระยับออกมา

เทียนหลางมองมันเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา

”ไม่น่าเชื่อว่าจะเจอ ไม้หยกแสงจันทร์ที่นี้”

”เป็นของหายากน่าดู คุณต้องการมันงั้นเหรอ ? แต่ว่ามันไม่มีประโยชน์กับคุณเลยนะ”

เทียนหลางยิ้มก่อนจะตอบกลับ

”มันเหมาะกับการมาทำเป็นที่รองแขนเวลาผมอ่านหนังสือนะ”

เฟิงหยวนที่ได้ยินก็หัวเราะออกมาเบาๆ

”เป็นผู้ชายที่ฟุ่มเฟือยเสียจริง”

”หากคุณยายรู้ว่าเรามางานประมูลโดยไม่ใช้เงินสักเหรียญก็คงจะแย่”

เฟิงหยวนยิ้มและไม่ตอบอะไรเพียงแค่มองไปที่เวทีขณะที่พิธีกรกำลังกล่าวรายละเอียดของไม้หยกแสงจันทร์

”ท่อนไม้ถูกพบในป่าลึกของทวีปยุโรป ผิวและเนื้อของมันนั้นเหมือนกับหยกแต่เมื่อถูกตรวจสอบอย่างละเอียดและพบว่าส่วนประกอบของมันส่วนใหญ่คล้ายคลึงกับไม้ แต่คุณสมบัติของมันนั้นยังเป็นปริศนาดังนั้นราคาของมันจึงเริ่มต้นอยู่ที่ สามแสนเหรียญเท่านั้นและทุกท่านสามารถบิดได้ทีละหนึ่งหมื่นเหรียญขึ้นไป เริ่มการประมูล ณ บัดนี้ !”

”320,000 !!”

”340,000 !!”

”350,000 !!”

”360,000 !!”

ราคาของไม้หยกแสงจันทร์ยังคงพุ่งขึ้นต่อไปจนถึงหกแสนเหรียญ เมื่อมันถึงเริ่มหกแสนผู้เข้าร่วมประมูลก็เริ่มน้อยลงเทียนหลางคิดว่าคงถึงเวลาที่เขาจะเข้าร่วมแล้วไม่งั้นราคาคงจะเกินไปถึงหนึ่งล้านแน่ๆ และเขาคงไม่อยากจะเสียเงินโดยใช้เหตุ

เทียนหลางจึงกดปุ่มเพิ่มราคาทันที

”ห้องพิเศษที่ 1 ให้ราคามา 700,000 เหรียญจะมีผู้ใดสู้ต่อหรือไม่ ?”

ทั้งห้องเงียบกริบและมองมาที่ห้องที่เทียนหลางอยู่ทันทีด้วยความตกใจเพราะคงไม่มีใครคิดว่าจะมีคนกล้าประมูลราคาท่านไม้ในราคาเจ็ดแสนแน่ๆ แม้มันจะสวยก็ตามที แต่ก็ยังมีสายตาจำนวนหนึ่งที่มองมาที่ห้องของเทียนหลางด้วยความเย็นชา

เทียนหลางเฝ้ามองจากด้านบนก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะเขารู้ว่าสายตาพวกนั้นมาจากเหล่าผู้บ่มเพาะของโลกใบนี้ แม้ไม้หยกแสงจันทร์จะไม่ได้มีค่ามากมายนักสำหรับเทียนหลางกับเฟิงหยวนแต่สำหรับผู้บ่มเพาะของโลกนี้ที่อ่อนแอและขาดแคลนทรัพยากรแล้วละก็ไม้หยกแสงจันทร์นี้เหมือนกับสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว

และมันกำลังถูกเทียนหลางแย่งไปทำให้พวกเขานั้นทนไม่ได้จึงมองไปที่เทียนหลางด้วยดวงตาเย็นชาก่อนจะเพิ่มราคาขึ้นไปอีก

”800,000 เหรียญ !!”

”830,000 เหรียญ !!”

”860,000 เหรียญ !!”

เทียนหลางถอนหายใจก่อนจะกดราคาไปที่หนึ่งล้าน

”ห้องพิเศษที่ 1 ให้ราคามา 1 ล้านเหรียญจะมีผู้ใดสู้ต่อหรือไม่ ?”

”ห้องพิเศษที่ 7 ให้ราคามา 1.7 ล้านเหรียญจะมีผู้ใดสู้ต่อหรือไม่ ?”

เทียนหลางตกใจเล็กน้อยที่มีคนยอมให้ราคาถึง 1.5 ล้านเพราะเจ้าไม้หยกแสงจันทร์นั้นไม่ได้มีค่าขนาดนั้น แต่ถึงอย่างงั้นเทียนหลางคาดว่าคนที่อยู่ในห้องพิเศษที่ 7 คงเป็นพวกรวยมากแน่ๆ ไม่งั้นเขาคงไม่เทเงินลงมาขนาดนี้

ราคาของไม้หยกแสงจันทร์ยังคงพุ่งขึ้นต่อไปแม้จะไม่มีเทียนหลางเข้าร่วมตอนนี้ราคามันสูงถึง 3.9 ล้านเหรียญแล้ว เทียนหลางถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะบ่นออกมาเบาๆ

”ดูเหมือนฉันจะต้องโบกมือลาที่รองแขนแล้วสินะ”

เฟิงหยวนที่ได้ยินก็หัวเราะคิกคักออกมาก่อนจะพูดขึ้น

”ถ้างั้นคุณจะใช้ฉันเป็นที่รองแขนก็ได้นะ”

เทียนหลางที่ได้ยินก็ถอนหายใจออกมากับความขี้เล่นของเธอเพราะนับตั้งแต่ที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน เฟิงหยวนมักจะหยอกล้อเขาเป็นประจำซึ่งบ่อยกว่าตอนที่อยู่ด้วยกันบนสวรรค์เสียอีก

ทั้งคู่มองการประมูลซึ่งจบลงไปด้วยราคา 4.7 ล้านซึ่งมากกว่าที่เทียนหลางคิดเอาไว้เยอะเลย ซึ่งหลังจากไม้หยกแสงจันทร์แล้วก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจสำหรับเทียนหลางอีกเขาจึงเฝ้าดูการประมูลยาทิพย์ของเขาซึ่งจะออกเป็นสิ้นค้าชิ้นทัดไป

เทียนหลางนำยาทิพย์ไปประมูลทั้งหมด 3 ขวดซึ่งมันจะถูกประมูลพร้อมกันทีละขวด เทียนหลางมองไปที่พิธีกรที่กำลังอธิบายสรรพคุณของยาทิพย์อยู่ทันทีที่พิธีกรพูดจบเสียงของผู้คนในห้องประมูลก็ฮือฮากันทันที ทุกคนต่างจ้องมองมันตาเป็นมันเพราะยาวิเศษแบบนี้ไม่ค่อยจะโผล่ออกมาให้เห็นมากนักแม้ราคามันจะแพงแต่ก็ยังมีหลายคนในนี้ที่ยอมจ่าย

”ราคาจะเริ่มต้นที่ 1พันล้านเหรียญ และทุกท่านสามารถบิดได้ทีละ 10ล้านขึ้นไปขอเริ่มการประมูล ณ บัดนี้ !!”

ทันทีที่พิธีกรพูดจบราคาของยาทิพย์ก็พุ่งพรวดอย่างรวดเร็วจนแตะ 1.5พันล้านแล้วในตอนนี้แต่ถึงอย่างงั้นก็ยังไม่มีคนที่จะยอมปล่อยมันไปดังนั้นราคาจึงถูกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ห้องพิเศษแต่ละห้องต่างเร่งกันลงเงินประมูลกันเต็มที่เพื่อขัดขวางคู่แข่ง

ในไม่ช้าราคาของยาทิพย์ก็พุ่งไปถึง 2พันล้าน เมื่อราคามันพุ่งถึง 2พันล้านก็มีสิ่งหนึ่งปรากฏขึ้นทำเอาเทียนหลางยิ้มเล็กน้อยเพราะคนในห้องพิเศษหมายเลข 6 ได้ตะโกนออกมา

”2.1 พันล้านใครกล้าให้ราคามากกว่านี้จะต้องเจอดีกับตระกูลหาน”

”2.3 พันล้านจากห้องพิเศษที่ 4 จะมีผู้ใดสู้ต่อหรือไม่ ?”

ทันใดนั้นก็ได้มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นจากห้องพิเศษที่ 4

”ฮ่าๆ ตระกูลหานงั้นเหรอ ? นายเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงกล้าพูดแบบนี้ทั้งๆ ที่ตอนนี้ตระกูลหานกำลังตกต่ำ”

”แก”

การปะทะฝีปากเล็กน้อยจากทั้งสองคนสร้างความตื่นตาให้กับเทียนหลางไม่น้อยก่อนที่จะมีเสียงประกาศขึ้นอีกครั้ง

”3 พันล้านจากห้องพิเศษที่ 2 จะมีผู้ใดสู้ต่อหรือไม่ ?”

เทียนหลางตกใจเล็กน้อยกับการขึ้นราคาครั้งเดียวถึง 3พันล้านเทียนหลางอยากจะรู้นักว่าใครกันที่อยู่ในห้องพิเศษที่ 2 ถึงได้ร่ำรวยขนาดนี้น่าเสียดายที่ทั้งสองห้องนั้นติดกันจึงไม่สามารถที่จะเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้

แต่ความสงสัยของเทียนหลางก็ได้หายไปทันทีเมื่อห้องพิเศษที่ 2 นั้นได้ทำการกดไมค์และพูดขึ้นซึ่งเสียงนั้นเป็นเพียงหวานไพเราะของผู้หญิงคนหนึ่ง

”เพื่อเห็นแก่หน้าตระกูลตงเสวียหวังว่าทุกท่านคงไม่คิดจะเพิ่มเงินอีกต่อไป”

ในที่สุดเทียนหลางก็ได้รับรู้แล้วว่าผู้ที่อยู่ในห้องประมูลที่ 2 ก็คือคุณหญิงจากตระกูลตงเสวียนั่นเอง เทียนหลางตกใจเล็กน้อยกับความร่ำรวยของเธอและดูเหมือนหลายคนในที่นี้จะมีความยำเกรงต่อตระกูลตงเสวียไม่น้อยเสียด้วยจึงไม่มีใครกล้าเพิ่มเงินขึ้นไปอีก และราคาของยาทิพย์ขวดแรกก็จบลงที่ 3พันล้านเหรียญ