ตอนที่ 59

The simple life of the emperor

ช่วงเย็นมาถึงอีกไม่กี่ชั่วโมงงานประมูลก็จะเริ่มขึ้นแล้ว ก่อนหน้านี้เทียนหลางได้ส่งยาทิพย์ให้กับพนักงานของโรงประมูลที่มารับสินค้าประมูลแล้ว พร้อมกับเซ็นสัญญาการซื้อขายอีกด้วย

แม้พนักงานจะตกใจที่มียาวิเศษขนนาดนี้อยู่บนโลกแต่เมื่อเขาเห็นฉวีซื่อเหยียนผู้นำตระกูลฉวีเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้ายาทิพย์นี่สามารถใช้ได้จริง ดังนั้นเขาจึงรีบเซ็นสัญญากับเทียนหลางและนำเรื่องนี้ไปบอกกับผู้จัดการทันที

หลังจากพนักงานของโรงประมูลกลับไปเทียนหลางก็หันมาถามคุณยายของเขา

”คุณยายจะไม่ไปเข้าร่วมงานประมูลงั้นเหรอครับ ?”

คุณยายส่ายหัวก่อนจะพูดขึ้น

”ยายเคยไปหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งก็มักจะมีแต่ของประเภทเดิมๆ ออกมาซึ่งยายไม่ได้สนใจมันมากนัก อีกอย่างยายไม่ใช่พวกชอบสะสมของเก่าด้วย”

เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องเพื่อแต่งตัว หลังจากแต่งตัวเสร็จเทียนหลางก็มองไปที่เฟิงหยวนที่ออกมาพร้อมกับคุณยาย ในตอนแรกเขาสงสัยว่าคุณยายจะพาเฟิงหยวนไปไหนแต่ตอนนี้เขารู้แล้ว คุณยายพาเฟิงหยวนไปหาชุดเพื่อใส่ไปงานประมูลนี่เอง

คุณยายเลือกชุดเดรสสีน้ำเงินให้กับเฟิงหยวนซึ่งเข้ากับเธอไม่น้อยในขอของเธอนั้นมีสร้อยคอเพชรที่ส่องประกายแวววาวซึ่งถูกซื้อมาจากร้านของเขาและมันเหมาะกับเฟิงหยวนไม่น้อย ในตอนนี้เฟิงหยวนดูงดงามเป็นอย่างมาก

”ยายไม่คิดว่าหนูเฟิงหยวนจะสวยขนาดนี้หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว”

เฟิงหยวนมองคุณยายอย่างอายๆ ก่อนจะกล่าวขอบคุณก่อนจะหันมามองเทียนหลางพร้อมกับยิ้มให้ เทียนหลางก็เกาแก้มเล็กน้อยด้วยความเขิน ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินมาที่รถ คุณยายได้เตรียมรถพร้อมกับคนขับเอาไว้ให้แล้วเพื่อให้สะดวกกับการเดินทางซึ่งเทียนหลางก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด

………………………………………………………………………………………

ไม่นานนักทั้งคู่ก็มาถึงด้านหน้าโรงประมูลซึ่งมีรถหรูมากมายและคนเป็นจำนวนมาก เทียนหลางไม่ได้สนใจพวกนี้มากนักเพราะเขาไม่ได้รู้จักใครเลยสักคน เทยนหลางเดาว่าคนพวกนี้ส่วนใหญ่คงมาจากต่างเมืองเพื่อมาเข้าร่วมงานประมูล

ในขณะที่เทียนหลางกำลังเฝ้ามองผู้คนอยู่ในรถ ก็ได้มีรถสปอร์ตสีแดงคันหนึ่งขับเข้ามาและเมื่อพนักงานเดินเข้าไปเปิดประตูก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมา ซึ่งเธอนั้นสวยไม่เบาสามารถเทียบได้กับเหล่านางฟ้าบนแดนสวรรค์ได้เลย ทันทีที่ลงมาจากรถเสียงฮือของคนรอบๆ ก็ดังออกมาทันที

”นั่นเสี่ยวหนิง สาวงามอันดับสี่ของเมืองหลวงนี่หน่า ไม่คิดว่าเธอจะมา”

”ว้าว เธอสวยไม่เบาเลย”

”ฉันละอยากแต่งงานกับเธอจริงๆ”

เทียนหลางมองเธอเล็กน้อยก่อนจะเลิกสนใจ เพราะก่อนหน้านี้เขารู้มาจากคุณยายว่าที่เมืองหลวงมีสาวงามอยู่สี่คนซึ่งแต่ละคนก็มาจากตระกูลใหญ่ทั้งหมด ซึ่งเทียนหลางก็จดจำเอาไว้เพียงคร่าวๆ เท่านั้นเพราะในตอนนี้เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเมืองหลวงมากนัก

ต่อจากนั้นอีกไม่นานก็มีสาวงามคนอื่นๆ มาซึ่งชื่อของพวกเธอก็คือ หานหยู ซึ่งเป็นสาวงามอันดับสาม วาวา สาวงามอันดับสอง และคนสุดท้ายก็คือคุณหญิงตงเสวียโหรว สาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงเธอมาพร้อมกับพ่อบ้านคนสนิทของตระกูลตงเสวีย

ทันทีที่ตงเสวียโหรวลงมาจากรถทั่วทั้งบริเวณต่างเงียบกันไปหมด เทียนหลางรู้มาจากคุณยายว่าแม้ตระกูลตงเสวียจะไม่ได้ถูกนับเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง แต่ตระกูลตงเสวียถูกจัดอยู่ในห้าตระกูลเก่าแก่ แม้ตระกูลเก่าแก่จะดูเหมือนจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าเหล่าสี่ตระกูลใหญ่แต่นั่นก็เป็นเพียงในมุมมองของคนธรรมดาเท่านั้น แต่ในสายตาของพวกคนระดับสูงตระกูลเก่าแก่ต่างมีอิทธิพลเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องเศรษฐกิจ ราชการ การเมืองและอื่นๆ ต่างมีคนของตระกูลเก่าแก่แฝงตัวอยู่

เทียนหลางเฝ้ามองเหตุการณ์จนพอแล้วเขาก็ลงจากรถพร้อมกับเฟิงหยวน ทันทีที่พวกเขาลงจากรถก็ตกเป็นที่จับจ้องของผู้คนทันทีโดยเฉพาะเฟิงหยวนที่งดงามกว่าสี่สาวงามเสียอีกเรียกได้ว่ากลบรัศมีคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด มีเพียงตงเสวียโหรวเท่านั้นที่พอจะทัดเทียมได้แต่หากมองดูดีๆ แล้วเธอก็ยังคงด้อยกว่าเฟิงหยวนอยู่ดี

ทั้งคู่เดินดวงแขนกันผ่านผู้คนไปตรงทางเข้า หลายคนต่างคิดว่าทั้งคู่มาจากตระกูลเก่าแก่บางตระกูลอย่างแน่นอน เพราะไม่เคยมีใครเคยเห็นหน้าของทั้งสองคนเลยสักครั้ง

เทียนหลางเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพนักงานก่อนจะยื่นบัตรเชิญให้กับเขา พนักงานอ่านพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย

”ห้องพิเศษหลายเลข 1 สินะครับ กรุณาตามผมมาด้วยครับ”

เทียนหลางและเฟิงหยวนเดินตามพนักงานไปโดยไม่สนใจคนรอบข้างเลยสักนิดพวกเขาต่างพูดคุยกันถึงทั้งคู่ เหล่าสาวงามคนอื่นๆ ต่างมองเฟิงหยวนด้วยความอิจฉาได้ที่ควงหนุ่มหล่อคนนั้น มีเพียงตงเสวียโหรวที่มองเทียนหลางด้วยความสนใจ

ทั้งคู่เดินตามพนักงานมาที่ห้องพิเศษหมายเลข 1 ก่อนจะเข้าไปเทียนหลางให้ทิปพนักงานเล็กน้อยก่อนจะถามถึงรายละเอียดของการประมูล ซึ่งง่ายกว่าที่เขาคิดเพียงแค่เขาอยากจะประมูลอะไรก็เพียงกดปุ่มที่แผงควบคุมด้านหน้าเท่านั้นและเขายังสามารถสั่งอาหารและเครื่องดื่มได้อีกด้วย

หลังจากพนักงานจากไปทั่งคู่ก็นั่งลงที่โซฟาก่อนที่เฟิงหยวนจะพูดขึ้น

”ดูเหมือนคุณจะสนใจในตัวคุณหญิงตงเสวียนะ”

เทียนหลางที่ได้ยินก็หันมาหาเฟิงหยวนก่อนจะพูดขึ้น

”ใช่ จากที่ได้ยินมาจากคุณยาย เธอบอกว่าพวกตระกูลเก่าแก่อย่างตระกูลตงเสวียนั้นมักไม่ค่อยออกมาสู่โลกภายนอกมากนักแต่ถึงอย่างงั้นก็ยังมีอิจธิพลไม่น้อย ในอนาคตผมคิดว่าจะขยายอำนาจมาที่เมืองหลวงการที่มีเพียงตระกูลฉวีหนุนหลังอย่างเดียวนั้นคงเป็นไปได้ยาก ฉะนั้นตระกูลเก่าแก่ก็เป็นทางเลือกที่ดี”

เทียนหลางพูดพร้อมกับเอนหลังก่อนจะพูดขึ้น

”เอาเถอะ ! ถึงยังไงก็เป็นเรื่องในอนาคตก่อนหน้านั้นต้องควบคุมเมืองจิงไห่เสียก่อน”

เฟิงหยวนได้ฟังก็ยิ้มก่อนจะเขยิบเข้ามาซบเทียนหลางพร้อมกับพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม

”งั้นฉันคงต้องทำหน้าที่คิดแผนล่อลวงผู้หญิงคนนั้นให้มาเป็นของคุณสินะ”

เทียนหลางได้ยินก็หันมามองเฟิงหยวนด้วยใบหน้าแปลก ๆ

”นี่คุณกะให้ผมมีภรรยากี่คนกัน ?”

เฟิงหยวนหัวเราะคิกคักก่อนจะใช้นิ้วเรียวงามถูไปที่คางของเทียนหลาง

”จักรพรรดิมักมีนางสนมอยู่ข้างกายเพื่อช่วยเรื่องต่างๆ อยู่เสมอ”

เทียนหลางยิ้มแหยเกก่อนจะพูดออกมาด้วยความกลัวเล็กน้อย

”นั่นมันหน้าที่ของพวกราชสำนักไม่ใช่เหรอ ?”

เทียนหลางเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะจับคางของเฟิงหยวนทั้งคู่สบตากันก่อนที่เทียนหลางจะพูดขึ้น

”ผมไม่อยากมีภรรยาเพิ่มหรอกนะแค่นี้ผมก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว แถมยังต้องรับมือกับเทพธิดาจอมวางแผนอย่างคุณอีกแค่นี้ผมก็ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว”

เฟิงหยวนที่ได้ยินก็หัวเราะคิกคักออกมาเบาๆ ในขณะนั้นพิธีกรก็ขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับประกาศ

”ยินดีต้อนรับทุกท่านสู่โรงประมูลแสงจันทร์ของเรา ในค่ำคืนนี้มีสินค้นมากมายเข้าร่วมประมูลทั้งหายากและลึกลับ ฉะนั้นผมขอเริ่มเปิดงานประมูลแสงจันทร์ครั้งที่ 34 ณ บัดนี้ !!”