ตอนที่ 58

The simple life of the emperor

ในขณะที่เทียนหลางกำลังจิมชาอยู่นั้นก็ได้มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามาด้วยความรีบร้อนก่อนจะเขาจะมองไปทั่วห้อง ก่อนจะพูดออกมาเสียงดัง

”นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันครับคุณแม่ ?”

จากนั้นเขาก็เห็นชายหนุ่มที่เทียนหลางพึ่งเตะไปนอนหมอบอยู่กับพื้นเขาถึงตกตะลึงก่อนจะวิ่งไปดูชายหนุ่มคนนั้นก่อนจะพูดขึ้น

”คุณแม่ครับนี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ? ใครเป็นคนทำเฟิงเฉียนแบบนี้ครับ ?”

เมื่อยายของเทียนหลางได้ยินก็หันมามองที่เขาเล็กน้อย ซึ่งชายที่เป็นพ่อของชายหนุ่มก็มองตามมาทันทีก่อนจะเดินเข้ามาหาเทียนหลางก่อนจะถามขึ้น

”เธอคือคนที่ทำร้ายลูกชายฉันงั้นเหรอ ?”

เทียนหลางวางแก้ชาลงก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงใจเย็น

”ถูกต้องเพราะลูกชายของคุณได้ดูถูกแม่ของผม ซึ่งเป็นป้าแท้ ๆ ของตัวเองนั่นคือสิ่งที่ผมรับไม่ได้การที่คนไม่รู้จักกันอย่างดีมาพูดใส่กันอย่างงี้ ถือเป็นการไม่ให้เกียรติกันอย่างแรงฉะนั้นผมจำเป็นจะต้องสั่งสอนเขาสักหน่อย”

เมื่อเขาได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปถามแม่ของเขา

”จริงงั้นเหรอครับคุณแม่ ?”

เธอพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เทียนหลางพูดนั้นถูก เมื่อเขาได้รับคำยืนยันจากแม่ของเขา เขาก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะก้มหัวเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้น

”ต้องขอโทษที่ลูกชายของฉันทำกริยา และพูดจาไม่เหมาะสม หลังจากนี้ฉันจะสั่งสอนเขาด้วยตัวเอง”

เทียนหลางตกใจเล็กน้อยกับความนอมน้อมของชายตรงหน้า เขาไม่คิดว่าคนเป็นพ่อจะเป็นผู้ดีขนาดนี้ เทียนหลางพยักหน้าเล็กน้อยจากนั้นคุณยายของเทียนหลางก็เรียกให้คนมาพาตัวเฟิงเฉียนไปรักษา

จากนั้นพ่อของฮ้านหวู่ก็หันไปหาคุณยายของเทียนหลางพร้อมกับขึ้น

”ว่าแต่คุณแม่ครับ เด็กหนุ่มคนนี้ใครกัน ?”

”เขาชื่อเทียนหลาง เป็นลูกชายของเย่โหรวพี่ของลูก หรือจะให้พูดง่าย ๆ ก็เป็นหลานของลูกนั่นแหละ”

เมื่อพ่อของฮ้านหวู่ได้ยินก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันมาหาเทียนหลางพร้อมกับแนะนำตัว

”ฉันชื่อ ฉวีเฟิงหวู่ เป็นพ่อของเฟิงเฉียนต้องขอโทษอีกครั้งที่ลูกชายของน้าพูดไม่ได้ดีกับเธอ”
( มันเรียกอาหรือน้าหว่า )

เทียนหลางยิ้มก่อนจะพูดขึ้น

”ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้ถือสาอะไรอยู่แล้ว”

หลังจากคุยกันสักพักกับเฟิงหวู่เขาก็ได้รู้ว่าคุณน้าของเขาเป็นคนดีไม่น้อยและเป็นคนที่เก่งกาจในด้านธุระกิจด้วยเช่นกัน ก่อนที่เฟิงหวู่จะไปเยี่ยมลูกชายที่โรงพยาบาลเทียนหลางก็พูดขึ้น

”คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ เพราะผมออมแรงไว้เลยทำให้เขาไม่เป็นอะไรมาก อย่างมากก็นอนโรงพยาบาลเดือนหรือสองเดือนเท่านั้น”

เมื่อได้ยินคำพูดของเทียนหลางเฟิงหวู่ก็หันมาก้มหัวเล็กน้อยเชิงขอบคุณก่อนจะเดินออกจากห้องไป หลังจากที่เฟิงหวู่ออกไปคุณยายและเฟิงหยวนก็เดินเข้ามาคุณยายถามกับเทียนหลางขึ้น

”ว่าแต่ตอนนี้หลานอายุเท่าไหร่แล้ว ?”

”อีกไม่นานก็สิบแปดแล้วครับ”

”งั้นหลานก็เรียนจบ ม.ปลายแล้วสินะ”

”ใช่ครับ”

”หลานคิดเรื่องมหาลัยที่จะเรียนต่อรึยัง ?”

เมื่อเทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็แสดงท่าทีครุ่นคิดก่อนจะพูดขึ้น

”ให้พูดตามตรงนะครับคุณยาย เรื่องเรียนมหาลัยนั้นผมไม่ค่อยได้สนใจสักเท่าไหร่นัก”

”ทำไมหล่ะ ?”

คุณยายถามด้วยความงุนงง เทียนหลางก็คิดเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

”อันที่จริงแล้วผมไม่ค่อยได้สนใจเรื่องในรั้วมหาลัยอย่างที่คนอื่นเขาสนกันเท่าไหร่นะครับ อย่างเช่นการหาเพื่อนอะไรพวกนี้ผมเป็นคนไม่ชอบสุงสิงกับใครจึงคิดว่ามันไม่ค่อยน่าสนใจ ส่วนเรื่องแฟนนั้นผมก็แต่งงานแล้ว เรื่องความรู้ผมสามารถเรียนรู้เองได้จากข้างนอก แถมผมยังตัดเรื่องที่ผมไม่สนใจออกได้ตามใจชอบอีกด้วย”

เมื่อคุณยายของเทียนหลางได้ยินก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้น

”แล้วเรื่องใบปริญญาละ ?”

”นั่นแหละครับคุณแม่อยากให้ผมเรียนมหาลัยก็เพราะอยากให้ผมได้ใบปริญญาไว้เป็นตัวยืนยันในการทำเรื่องต่าง ๆ ซึ่งหากมีมันอะไรก็จะง่ายขึ้นเยอะ ซึ่งทางผมเองก็เห็นด้วยเล็กน้อย”

คุณยายพยักหน้าก่อนจะถามอีกครั้ง

”แล้วหลานเลือกมหาลัยที่จะเรียนได้หรือยัง ?”

”ผมกะว่าจะเรียนมหาลัยที่เมืองจิงไห่นั่นแหละครับ”

”ทำไมไม่เลือกเรียนมหาลัยที่เมืองหลวงละ ?”

”อืม… พอดีผมมีธุระกิจสองสามอย่างที่เมืองจิงไห่ หากมันไม่มั่นคงผมก็ไม่อยากจะทิ้งมันนะครับ”

เมื่อคุณยายได้ยินก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเธอไม่คิดว่าหลานของตัวเองจะมีธุระกิจเป็นของตัวเองด้วยวัยเพียงแค่สิบเจ็ด ดังนั้นเธอจึงถามเทียนหลางเรื่องธุระกิจเหล่านั้น

”ก็มีร้านอัญมณี กับร้านอาหารนั่นแหละครับ”

”งี้นี้เอง”

เทียนหลางอธิบายเล็กน้อยเกี่ยวกับธุระกิจของตัวเอง เทียนหลางไม่ได้บอกเรื่องของธุระกิจใต้ดินที่ซ่านฉินกำลังดูแลอยู่ ในจังหวะนั้นเทียนหลางก็นึกขึ้นได้ว่าเขายังไม่ได้ให้ของเยี่ยมกับคุณยายของเขาเลย

”จริงสิครับคุณยายผมได้ยาดีมา แต่ยังไม่ได้ให้คุณยายเลย”

”ยาดี ?”

คุณยายของเทียนหลางสงสัย จากนั้นเทียนหลางก็หยิบขวดยาทิพย์ออกมาและวางไว้ตรงหน้าคุณยายก่อนจะพูดถึงผลของมัน

”ยานี้จะช่วยให้คุณยายแข็งแรงขึ้น แถมยังช่วยลดริ้วรอยบนใบหน้าแล้วก็ยังช่วยรักษาโรคภัยเล็กน้อย ๆ อีกด้วย”

”โอ้ ~ จริงงั้นเหรอ ?”

”ใช่ครับเพื่อนของผมก็เคยลองแล้ว และก็ได้ผลตามนั้นจริง ๆ และก็ไม่มีผลข้างเคียงตามมาด้วยฉะนั้นคุณยายไม่ต้องห่วงครับ”

”ขอบใจหลานมากนะ”

”ไม่เป็นไรครับ มันจะดีมากหากคุณยายทานมันก่อนนอน จริงสิครับคุณยายครับผมจะเอาของเข้าร่วมประมูลอยากให้คุณยายช่วยเป็นคนยืนยันคุณภาพของสินค้าให้หน่อย”

”หลานจะเอาเครื่องประดับเข้าประมูลสินะ แล้วทำไมไม่ให้เพื่อนช่วยยืนยันละ ?”

”ก็ถ้าได้ตระกูลฉวียืนยันด้วยแล้วความน่าเชื่อถือมันก็คงจะมากขึ้นนะครับ”

”ได้สิ”

คุณยายของเทียนหลางตอบรับอย่างง่ายดายเพราะเธอคิดว่าเทียนหลางจะนำเครื่องประดับจากร้านของเขามาเข้าร่วมประมูลเพื่อเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับร้าน แต่สิ่งที่คุณยายไม่รู้เลยก็คือร้านของเทียนหลางนั้นโด่งดังไปทั่วทั้งจีนแล้วในตอนนี้ดังนั้นจึงไม่จำเป็นเลยที่จะต้องสร้างชื่อเสียงเพิ่มขึ้นอีก

ในตอนนี้เทียนหลางมีคำยืนยันของหลินจินทง หลี่ไห่ ที่เป็นนักธุระกิจใหญ่ระดับประเทศ และยังมีผู้นำตระกูลฉวีอีกด้วยเรื่องการขายยาทิพย์ของเทียนหลางคงจะไม่มีปัญหาอะไรแน่นอนแล้วในตอนนี้

จากนั้นคุณยายของเทียนหลางก็ถามขึ้น

”แล้วหลานมีที่พักในคืนนี้รึยัง ?”

”ยังเลยครับทันทีที่ผมกับเฟิงหยวนลงจากเครื่องก็ตรงมาหาคุณยายเลย”

”เช่นนั้นก็นอนที่นี้เลยก็แล้วกัน เดียวยายจะให้คนจัดห้องไว้ให้”

”ขอบคุณครับ / ขอบคุณค่ะ”

…………………………………………………………………

ว๊าย !!

เริ่มเช้าวันใหม่ด้วยเสียงร้องของสาวใช้เทียนหลางและเฟิงหยวนรีบพุ่งออกไปจากห้องนอนตรงไปยังต้นเสียงทันที เมื่อมาถึงเทียนหลางก็เห็นถ้วยชามที่ตกแตกเต็มพื้นพร้อมกับสาวใช้ทีทำหน้าตาตกใจสุดขีด เทียนหลางจึงเข้าไปถามเธอ

”เกิดอะไรขึ้นเหรอ ?”

”เอ่อ คุณชายหลางคือว่า…”

ในขณะที่สาวใช้กำลังจะอธิบายเรื่องทั้งหมดก็ได้มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องแต่งตัว เธอหน้าตาเหมือนกับฉวีเย่โหรวแม่ของเทียนหลางเป็นอย่างมากเพียงแต่แก่กว่าเล็กน้อยเท่านั้น แต่ความแก่ของเธอก็ไม่สามารถปกปิดความสวยของเธอได้ เทียนหลางจำเธอได้ทันทีว่านั่นคือคุณยายของเขา และดูเหมือนว่าก่อนนอนคุณยายจะทานยาทิพย์ของเทียนหลางเข้าไปและเหมือนว่ามันจะได้ผลดีเกินคาด

ยาทิพย์ฉบับปรังปรุงนั้นเทียนหลางได้ใช้ส่วนผสมจากในแหวนหยกพิรุณเพิ่มเข้าไปทำให้ได้ผลหลายอย่างอย่างเช่น ลดอายุ ลดริ้วรอยบนใบหน้า หรือช่วยให้ผิวพรรณดูเปร่งปรั่งมากขึ้น

เมื่อเทียนหลางเห็นคุณยายของเขาก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้น

”ดูเหมือนยาทิพย์จะได้ผลดีกว่าที่ผมคิดอีกนะครับเนี่ย”

”มันได้ผลดีเกินไปนะสิหลาน ตอนนี้ยายเหมือนอายุแค่สี่สิบเลยนะ”

เทียนหลางที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมา

”ถ้าคุณยายแข็งแรงดีผมก็ดีใจครับ”

”แล้วหลานมียาทิพย์พวกนี้อีกรึเปล่า ?”

”ทำไมเหรอครับ ?”

”ยายคิดว่าหากหลานมีพวกมันอีกถ้าหลานอยากจะขายพวกมันยายคิดว่ามีคนรู้จักของยายอยากจะซื้อมันอยู่นะ”

เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น

”ผมมีอยู่อีกสามขวด แต่ผมกะว่าจะนำมันไปประมูลในคืนนี้นะครับ”

เมื่อได้ยินแบบนั้นคุณยายของเทียนหลางก็แสดงท่าทีตกใจเล็กน้อยออกมา

”โอ้ ~ เช่นนั้นเอง เดียวยายจะช่วยยืนยันเรื่องสัญญาให้ก็แล้วกันนะ”

”ขอบคุณครับคุณยาย”

หลังจากคุยกับคุณยายสักพักเทียนหลางกับเฟิงหยวนนก็กลับออกไป

…………………………………………………………………..

ณ ดินแดนแห่งหนึ่ง

มีชายชราสองคนกำลังเล่นหมากกันอยู่แต่จู่ ๆ ชายชราอีกคนก็ตบโต๊ะเสียงดังสนั่น

”นี่มันอะไรกัน เจ้าพูจริงงั้นเหรอ ?”

ชายชราอีกคนก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้น

”แน่นอนสิ ตาเฒ่าจือ เจ้าเป็นเพื่อนกับข้ามาหลายปีข้ามีรึจะโกหกเจ้า”

”ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าจะมัวอยู่ที่นี้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว”

เมื่อพูดจบชายชราคนนั้นก็หายไปเหลือเพียงเพื่อนของเขาที่นั่งหัวเราะพร้อมกับเดินหมากตัวสุดท้ายบนกระดาน ก่อนจะพูดขึ้น

”ดูเหมือนเจ้าหนูนั่นจะเจอปัญหาใหญ่ซะแล้วสิ”

…………………………………………………………………..

ทางด้านเทียนหลางที่กำลังเดินไปห้องอาหารพร้อมกับเฟิงหยวนอยู่นั้นจู่ ๆ ทั้งคู่ก็ต่างมองหน้ากันก่อนจะหันไปมองยังท้องฟ้าที่ห่างไก ก่อนที่เทียนหลางจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ

”ทำไมข้ารู้สึกถึงลางร้ายกำลังมาหาข้ากันแน่นะ”