ตอนที่ 57

The simple life of the emperor

สองสามวันต่อแหวนหยกพิรุณก็มาถึงมือของเทียนหลาง เขายืนดูปฏิทินก็พบว่าใกล้ถึงวันที่งานประมูลจะเริ่มแล้ว เขาจำเป็นจะต้องเดินทางไปเมืองหลวงเสียที

เทียนหลางปรุงยาไว้ให้กับหลินหลินน้อยเพื่อเอาไว้ช่วยในการฝึกฝน เทียนหลางเดินมาหาแม่ของเขาก่อนจะพูดขึ้น

”พรุ่งนี้ผมกับเฟิงหยวนจะไปเมืองหลวงนะครับ แม่จะฝากอะไรถึงคุณยายรึเปล่า ?”

เมื่อแม่ของเทียนหลางได้ยินก็คิดเล็กน้อยก่อนจะหยิบบางอย่างมาให้กับเขา เมื่อเทียนหลางมองดูมันก็คือตราหยกที่สลักคำว่า ฉวี เอาไว้ด้านบนเทียนหลางมองมันอย่างละเอียดก็พบว่าเป็นเพียงตราหยกธรรมดา ๆ เท่านั้นเขาสงสัยเล็กน้อยจึงเอ่ยถามออกไป

”นี่คืออะไรครับ ?”

”นี่คือตราประจำตัวของแม่ ลูกหลานตระกูลฉวีทุกคนจะมีตราประจำตัวอยู่เพื่อระบุถึงฐานะของตนการที่ลูกจู่ ๆ จะไปเยี่ยมคุณยายโดยไม่มีตรานี้นั้นถือว่าเป็นไปได้ยากหากลูกไม่ใช่คนสำคัญ ฉะนั้นตรานี่จะสามารถทำให้ลูกเข้าไปหาคุณยายได้ง่ายขึ้น”

เทียนหลางพยักหน้าก่อนจะถามออกมาเล็กน้อย

”งั้นแม่ก็จะไม่ไปเมืองหลวงด้วยกันจริง ๆ สินะครับ”

แม่ของเทียนหลางก็พยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น

”แม่ก็อยากไปนะลูกแต่ถ้าแม่ไปพ่อคงจะเหงาและทำอะไรไม่ถูกเป็นแน่”

เมื่อแม่พูดจบทั้งคู่ก็ขำเล็กน้อยฝ่ายพ่อที่อยู่ในครัวด้วยกันได้ยินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

”นี่คุณพูดอะไรไว้หน้าผมด้วยสิ ไม่มีคุณผมก็อยู่ได้นะ”

”งั้นเหรอ ?”

แม่ของเทียนหลางมองพ่อด้วยหางตาทำให้พ่อหันหน้าหนีโดยทันที วันต่อมาเทียนหลางถือกระเป๋าเสื้อผ้าของเฟิงหยวนลงมาจากชั้นบนก่อนจะวางไว้ข้าง ๆ กับกระเป๋าของเขา เขาตรวจสอบเล็กน้อยว่าไม่ได้ลืมอะไรก็บอกลาคนในบ้านก่อนไปเทียนหลางมอบยาทิพย์ฉบับปรับปรุงให้กับพ่อและแม่คนละขวด โดยบอกว่าเป็นยาบำรุงร่างกายเพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรง

………………………………………………………………………………

ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเทียนหลางและเฟิงหยวนก็อยู่ที่สนามบินของเมืองหลวง แม้ว่าเขาจะเหาะหรือโดดข้ามมิติมาเองจะเร็วกว่าแต่เทียนหลางก็ชอบเทคโนโลยีของสมัยนี้ซึ่งมันช่วยให้คนที่ขี้เกียจอย่างเทียนหลางได้มากเหลือเกิน

ทั้งคู่เรียกแท๊กซี่เพื่อไปบ้านตระกูลฉวี เมื่อมาถึงเทียนหลางก็ต้องตกใจเล็กน้อยเพราะบ้านตระกูลฉวีนั้นใหญ่ไม่น้อย แม้จะเทียบไม่ได้กับบ้านเก่าของเขาก็ตามแต่ถึงอย่างไงมันก็ถูกเรียกว่าคฤหาสน์อยู่ดี

เมื่อทั้งสองมาถึงหน้าประตูก็ถูกยามถามขึ้นมาทันที

”ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรที่นี้งั้นเหรอครับ ?”

เทียนหลางตกใจเล็กน้อยกับความสุภาพของยาม เพราะจากที่เขาคิดพวกยามของตระกูลชั้นสูงเหล่านี้มักจะหยิ่งยโส พยองพองขนไม่น้อย แต่ไม่คิดว่าจะเรียบร้อยกว่าที่คิด เทียนหลางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

”ผมมาหาผู้นำตระกูลฉวี”

”ได้นัดไว้รึเปล่าครับ ?”

”เปล่าครับ”

”หากไม่ได้นัดไว้เช่นนั้นคงให้ผ่านเข้าไปไม่ได้ครับ”

เมื่อได้ยินแบบนั้นเทียนหลางก็เรียกตราหยกออกมาจากแหวนโดยทำทีเหมือนล้วงของในกระเป๋าเสื้อคลุม จากนั้นก็นำมาให้ยามเมื่อยามทั้งสองคนมองที่ป้ายหยกสักพักก็มองหน้ากันก่อนจะก้มหัวเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

”เช่นนั้นตามผมมาครับ”

ยามทั้งคู่เปิดประตูให้กับเทียนหลางและมีคนหนึ่งเดินนำเทียนหลางกับเฟิงหยวนผ่านสวนไปยังห้องรับแขก จากนั้นเขาก็พูดขึ้น

”เช่นนั้นผมจะไปเรียนให้ท่านผู้นำตระกูลทราบถึงการมาของคุณครับ”

”รบกวนด้วย”

หลังจากที่ยามหายไปได้ไม่นานก็มีหญิงชราคนหนึ่งเดินมาพร้อมกับผู้หญิงอีกคนซึ่งดูจากการแต่งตัวแล้วน่าจะเป็นสาวใช้ เทียนหลางและเฟิงหยวนยืนขึ้นและก้มหัวเล็กน้อย หญิงชรายิ้มเล็กน้อยก่อนจะบอกให้ทั้งคู่นั่งลง จากนั้นเมื่อหญิงชรานั่งลงเธอก็พูดขึ้น

”เธอคงเป็นเทียนหลาง ลูกชายของเย่โหรวสินะ”

เทียนหลางตกใจเล็กน้อย

”คุณรู้จักผม ?”

หญิงชรายิ้มก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ

”แน่นอนฉันได้ให้คนคอยเฝ้าดูแลแม่ของเธออยู่ห่าง ๆ มาโดยตลอดฉะนั้นไม่แปลกที่ฉันจะรู้จักเธอ”

เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้า จากนั้นหญิงชราก็พูดขึ้น

”ฉันขอแนะนำตัวก่อนแล้วกัน ฉันชื่อฉวีซื่อเหยียน อย่างที่เธอรู้ในตอนนี้ฉันเป็นผู้นำตระกูลฉวี และยังเป็นแม่ของฉวีเย่โหรวแม่ของเธออีกด้วย”

”ผมทราบมาจากแม่แล้วครับ”

ยายของเทียนหลางก็ยิ้มก่อนจะพยักเบา ๆ จากนั้นก็ถามขึ้น

”แล้วแม่ของหลานไม่มาด้วยกันงั้นเหรอ ?”

”แม่ของผมเขาเป็นห่วงพ่อนะครับ เขากลัวว่าถ้าพ่อไม่มีแม่อยู่ด้วยจะเป๋ ๆ”

เมื่อได้ยินแบบนั้นยายของเทียนหลางก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้น

”แล้วอะไรที่ทำให้หลานมาหายายถึงเมืองหลวงกันละ ?”

”พอดีเพื่อนของผมนั้นแจ้งว่าอีกไม่กี่วันเมืองหลวงจะจัดงานประมูลขึ้น เขาเลยชวนผมมาร่วมด้วยเพื่อเปิดหูเปิดตา”

”งั้นเหรอ… แล้วหลานมีตั๋วเข้างานแล้วงั้นรึ ?”

เมื่อได้ยินแบบนั้นเทียนหลางและเฟิงหยวนก็มองหน้ากันทันที เขาไม่คิดว่าการร่วมงานประมูลจะต้องมีบัตรเชิญด้วยและจะทำยังไงกันดีละทีนี้ และดูเหมือนหลี่ไห่จะไม่ได้บอกถึงเรื่องนี้เสียด้วย เทียนหลางหัวเราะออกมาอย่างเขิน ๆ ก่อนจะพูดขึ้น

”ดูเหมือนเพื่อนผมจะไม่ได้จัดหาให้นะครับ”

เมื่อยายของเทียนหลางได้ยินก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดกับคนสาวใช้ข้างกายของเธอเล็กน้อย จากนั้นสาวใช้ก็เดินออกไปจากห้องทันที

”เรื่องบัตรเชิญพวกหลานไม่ต้องห่วง ยายให้คนไปจัดการให้แล้ว”

”ขอบคุณครับ”

หลังจากจัดการเรื่องบัญเชิญงานประมูลเสร็จทั้งคู่ก็คุยกันอีกเล็กน้อยก่อนที่เทียนหลางจะถามเรื่องที่เขาคาใจออกมา

”คุณยายครับผมสงสัยอย่างหนึ่ง”

”เรื่องอะไรงั้นรึ ?”

”จากที่คุณแม่เล่าเรื่องของคุณยาย คุณแม่บอกว่าคุณยายมีอำนาจมากกว่าคุณตาในตระกูลหาน แล้วทำไมคุณยายถึงถูกขับออกจากตระกูลได้ละครับ ?”

เมื่อได้ยินคำถามของเทียนหลางสายตาของคุณยายก็เปลี่ยนไปเย็นชาก่อนจะพูดขึ้น

”ไอ้แก่นั่นใช้อำนาจของตัวเองจากภายนอกกดดันธุระกิจของยาย ทำให้อำนาจของยายในการบริหารธุระกิจต่าง ๆ ลดลงจากความวุ่นวายต่าง ๆ เมื่อยายค่อย ๆ เสียอำนาจในการควบคุมธุระกิจอำนาจในตระกูลของยายก็ค่อย ๆ ลดลงด้วยเช่นกัน เมื่ออำนาจของยายน้อยลงไอ้แก่นั่นก็เลยให้เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลขับไล่ยายออกมา”

เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อย

”แล้วทำไมคุณยายถึงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของคุณแม่ก่อนหน้านี้ละครับ ทั้งที่หากคุณยายสนับสนุนอำนาจในตระกูลของยายก็จะเพิ่มมากขึ้นไม่น้อยเลยนะครับ”

ยายของเทียนหลางถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้น

”ที่ยายขัดขวางการแต่งงานของแม่หลานก็เพราะยายไม่อยากให้แม่ของเธอเป็นเหมือนยายที่ถูกคำเหล่านี้ผูกมัดเอาไว้ และเข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ของคนในตระกูล ยายผ่านเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็กดังนั้นยายจึงเข้าใจและไม่อยากให้แม่ของหลานเป็นเหมือนยาย”

”ทำไมยายไม่พาแม่กลับตระกูลละครับ”

”ยายเคยแล้วแต่แม่ของหลานยืนกรานว่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนั้น ดังนั้นยายจึงไม่อยากขัดขวางความตัดสินใจของแม่หลาน”

เทียนหลางพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะพูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่มีคนของตระกูลหานมาหาเทียนหลางที่บ้าน เมื่อยายของเทียนหลางได้ยินก็ทุบโต๊ะทันทีก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

”เจ้าแก่นั่น ! ยังไม่เลิกความคิดที่จะใช้ลูกหลานตัวเองหาประโยชน์อีกงั้นเหรอ ?”

เทียนหลางตกใจกับท่าทีรุนแรงของยายของเขาเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

”คุณยายไม่ต้องห่วงหรอกนะครับเรื่องแต่งงานอะไรนั้นเพราะผมแต่งงานแล้ว”

เมื่อยายของเทียนหลางได้ยินก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปหาผู้หญิงที่นั่งเงียบ ๆ มาตลอดการสนทนาในตอนแรกเธอคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นเพียงเพื่อนหรือคนรู้จักของเทียนหลางเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าเธอจะเป็นภรรยาของเทียนหลาง ยายของเทียนหลางจ้องมองเฟิงหยวนอย่างตั้งใจจนทำเอาเฟิงหยวนเขินเล็กน้อย

หลังจากที่จ้องมองอยู่สักพักยายของเทียนหลางก็ได้รู้ว่าเฟิงหยวนนั้นงดงามเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงที่งดงามกว่าผู้หญิงทุกคนที่เคยเจอเลยด้วยซ้ำแม้แต่ห้าหญิงงามแห่งเมืองหลวงที่คนล่ำลือกันก็ยังตกกระป๋องเมื่อพวกเธอเทียบกับเฟิงหยวน

หลังจากที่พิจารณาเฟิงหยวนอย่างถี่ถ้วนแล้วเธอก็มองมายังหลานของเขา และก็ต้องตกใจไม่น้อยและพบว่าหลานชายของเธอก็หล่อเหลาไม่น้อยไปกว่ากันทำเอาเธอตกใจไม่น้อย

ยายของเทียนหลางพยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล

”หลานอย่าพึ่งแน่ใจเกินไป เพราะไอ้แก่นั้นสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้สิ่งที่ต้องการ”

”เข้าใจแล้วครับพวกเราจะระวัง”

หลังจากนั้นยายของเทียนหลางก็ได้พูดขึ้น

”หลานช่วยรออยู่ที่ห้องนี้สักพักก่อนจะได้ไหม ยายจะออกไปคุยกับแม่หนูคนนี้สักหน่อย”

เฟิงหยวนที่ได้ยินก็พูดขึ้น

”เรียกหนูว่าเฟิงหยวนเถอะค่ะ ท่านยาย”

เมื่อยายของเทียนหลางได้ยินก็ยิ้มออกมาก่อนที่ทั้งคู่จะออกไปคุยกันที่สวน เทียนหลางก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะหยิบมือถือออกมาเพื่อดูอะไรแก้เบื่อ ในขณะนั้นก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง เขาดูอายุใกล้เคียงกับเทียนหลางแต่แก่กว่าเล็กน้อยเทียนหลางมองเขาสักพักก่อนจะเลิกสนใจและหันไปดูมือถือต่อ

เมื่อชายหนุ่มคนนั้นเห็นเทียนหลางก็พูดขึ้นทันที

”นายสินะลูกชายของป้าเย่โหรว ?”

เทียนหลางที่ได้ยินก็หันมาพร้อมกับพูดขึ้น

”นายรู้จักแม่ของฉัน ?”

ชายคนนั้นยิ้มก่อนจะพูดขึ้น

”รู้จักสิ แม่ของนายเป็นที่พูดถึงกันมากเลยนะในตระกูล คนที่ทรยศตระกูลและออกไปใช้ชีวิตโดยที่ไม่สนใจว่าแม่กับตระกูลของตัวเองจะเป็นยังไง”

ทันทีที่เทียนหลางได้ยินก็หันมาพูดกับชายคนนั้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

”ฉันไม่รู้หรอกนะว่านายเป็นใคร แต่ดูจากที่นายเดินเข้าออกที่นี้ได้อย่างสบายใจก็คงเป็นลูกหลานของตระกูลนี้ แต่การที่นายไม่รู้เรื่องอะไรและมาพูดให้แม่ของฉันเสีย ๆ หาย ๆ แบบนี้ฉันขอให้นายถอนคำพูดเดียวนี้ในขณะที่ฉันยังใจเย็นอยู่”

เมื่อชายคนนั้นได้ยินก็หัวเราะออกมาก่อนจะพูดขึ้น

”นายจะทำอะไรฉันได้ ? แม่ของนายเป็นคนทรยศที่หักหลังตระกูลไปใช้ชีวิตสุขสบาย ไม่สนใจความยากลำบากของตระกูล-”

เปรี้ยง !!

ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบเทียนหลางก็หายไปจากสายตาของเขาอย่างรวดเร็วและมาโผล่ตรงหน้าของเขาก่อนจะประเคนขาซ้ายเข้าที่ท้องของเขาอย่างแรงจนทำให้เขากระเด็นออกไปที่สวนด้วยความเร็วที่แทบจะมองตามไม่ทัน

ตูม !!

เสียงวัตถุสองชนิดปะทะกันดังสนั่นไปทั่วสวน เทียนหลางเดินตามออกไปช้า ๆ เพื่อดูผลงานของตัวเอง เมื่อออกมาก็พบว่าเฟิงหยวนและยายของเขากำลังตกใจกับสิ่งที่เห็น

เมื่อทั้งคู่เห็นเทียนหลางเดินออกมา เฟิงหยวนก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะพูดขึ้น

”นี่คุณก่อเรื่องอีกแล้วงั้นเหรอ ?!”

เทียนหลางที่ได้ยินก็เกาหัวเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้น

”ช่วยไม่ได้เจ้าโง่นั่นมันพูดจาไร้สาระใส่ผมก่อน”

ยายของเทียนหลางที่กำลังตกใจอยู่นั้นก็พูดแทรกขึ้นมาทันที

”นี่หลานทำงั้นเหรอ ?”

”ใช่ครับผมเตะเขาออกมาเอง”

เมื่อเทียนหลางพูดจบก็เดินมาหยุดอยู่ที่ตรงหน้าของชายที่กำลังนอนสะบักสะบอมอย่างกับผ้าขี้ริ้วบนพื้นก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

”ฉันออมแรงเอาไว้เพราะเห็นว่าเป็นคนตระกูลเดียวกัน หากคราวหน้าแกบังอาจว่าร้ายแม่ของฉันอีก ฉันจะฉีกแขนของแกออกมา”

เมื่อพูดจบเทียนหลางก็เดินกลับเข้าไปที่ห้องรับแขก ก่อนจะบอกให้เฟิงหยวนและยายของเขาคุณกันต่อโดยไม่ต้องสนใจเขา ยายของเทียนหลางหันมามองเฟิงหยวนที่ทำท่าทางสบาย ๆ กับพฤติกรรมของเทียนหลางก็หันมาพูดกับเธอทันที

”หลานของยายเป็นแบบนี้ประจำงั้นเหรอ ?”

เฟิงหยวนที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้นด้วยท่าทางสงบ

”ก็ต้องทุกครั้งนั่นแหละค่ะคุณยาย”

เมื่อยายของเทียนหลางได้ยินก็ถอนหายใจออกมาก่อนจะหันไปมองเทียนหลางที่กำลังนั่งเล่นมือถืออยู่บนเก้าอี้ ก่อนจะคิดว่าคงไม่ต้องกังวลเรื่องความอันตรายของหลานของเขาอีกต่อไปแล้วเพราะดูจากเรื่องในคราวนี้แล้วเทียนหลางคงดูแลตัวเองได้