ตอนที่ 56

The simple life of the emperor

ณ ดินแดนลับแลแห่งหนึ่ง

เทาเจาประกฏตัวออกมาจากความว่างเปล่าก่อนจะล่อนลงพื้นอย่างช้า ๆ เมื่อถึงพื้นเขาก็เริ่มเดินตรงไปยังทิศทางหนึ่งราวกับว่าเขาเคยมาที่แห่งนี้แล้วหลายครั้ง ไม่นานนักเทาเจาก็ได้เห็นป้ายขนาดใหญ่ที่เขียนเอาไว้ว่า ‘ สวนนิรันดร์ ‘

เทาเจายิ้มออกมาพร้อมกับเดินไปตามทาง ตลอดข้างทางนั้นต่างเต็มไปหมดสมุนไพรหายากและต้นผลจิตวิญญาณมากมาย ไม่นานนักเทาเจาก็พบเจอกับเด็กชายคนหนึ่งกำลังรดน้ำสมุนไพรอยู่เมื่อเด็กคนนั้นเห็นเทาเจาก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดขึ้น

”ท่านอาเทาเจา !!”

เด็กชายวางที่รดน้ำลงก่อนจะวิ่งมาหาเทาเจาก่อนจะพูดขึ้น

”ท่านอามีหาท่านพ่องั้นเหรอ ?”

เทาเจายิ้มพร้อมกับพูดขึ้น

”ใช่แล้ว เจ้าโตขึ้นเยอะเลยนะถังหยวน”

เด็กชายหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้น

”แน่นอนท่านอา ตอนนี้ข้าอายุแปดขวบแล้วนะ”

”ฮ่าๆ เจ้าตั้งใจฝึกฝนหรือเปล่าถังหยวน”

”แน่นอน !”

เทาเจาลูบหัวถังหยวนเล็กน้อยก่อนจะถามถึงพ่อของเขา ถังหยวนบอกว่าพ่อกับแม่ของเขากำลังทำอาหารอยู่ในบ้าน เทาเจาบอกลาถังหยวนเล็กน้อยก่อนจะเดินไปตามทาง

หลังจากเดินไปได้ไม่นานนักเทาเจาก็มาถึงคฤหาสน์เล็ก ๆ หลังหนึ่งซึ่งด้านหน้ามีชายคนหนึ่งกำลังกวาดลานด้านหน้าอยู่ เมื่อเทาเจาเห็นก็กล่าวทักทายเขาทันที

”ศิษย์พี่ถัง !”

ชายคนนั้นหันมาก่อนจะยิ้มให้กับเทาเจาเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้น

”หายากนักที่เจ้าจะมาที่แห่งนี้เทาเจา”

เทาเจาที่ได้ยินก็หัวเราะออกมาด้วยความเขินอายก่อนจะพูดขึ้น

”ทำยังไงได้ละศิษย์พี่ตั้งแต่ที่ท่านอาจารย์ไปเกิดใหม่พิภพและดินแดนต่าง ๆ ก็เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นมากมาย เมื่อไม่กี่วันก่อนประตูนรกถูกเปิดขึ้นและเหล่าปีศาจก็ได้หลุดออกมาสร้างความวุ่นวายไปทั่วทั้งข้าและศิษย์น้องคนอื่น ๆ ต่างออกไปทำภารกิจนอกดินแดนจนวุ่นวายไปหมด”

ศิษย์พี่ของเทาเจาก็พยักหน้าก่อนจะพูดขึ้นปลอบใจ

”เจ้าคงเจองานหนักสินะ เข้ามาข้างในก่อนสิ”

เมื่อพูดจบเขาก็เดินเข้าไปด้านใน เทาเจาลองแผ่นหลังของศิษย์พี่ของตนก่อนที่เรื่องราวในอดีตจะผุดขึ้นมา

ศิษย์พี่ของเขาคนนี้ชื่อถังซานเป็นศิษย์คนแรกของเทียนหลาง ทั้งเขาและถังซานนั้นต่างเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเทียนหลางเก็บมาเช่นเดียวกัน แต่เพราะถังซานถูกเทียนหลางเก็บมาก่อนสิบปี ถังซานจึงกลายเป็นศิษย์พี่และครอบครัวคนแรกของเขา

สิบปีต่อมาเทียนหลางก็ได้รับเทาเจามาเป็นศิษย์และให้ทั้งคู่ฝึกด้วยกัน ในระหว่างการฝึกถังซานนั้นเข้มงวดกับเขามากเสียกว่าอาจารย์เสียอีก เขามักจะฝึกหนักให้กับเทาเจาเป็นประจำจนถึงขั้นเทาเจานั้นรู้สึกเกลียดในตัวของถังซานที่มักจะเข้มงวดกับเขา

เทาเจาเคยนำเรื่องนี้ไปบอกกับเทียนหลางแล้ว แต่เทียนหลางนั้นกลับไม่ทำสิ่งใดเลยเขายังคงให้เทาเขาฝึกกับถังซานต่อไป และยิ่งนานวันขึ้นเทาเจาก็ยิ่งไม่ชอบถังซานมากขึ้น

ถังซานนั้นเป็นคนที่มีพรสวรรค์เหลือล้นจนเรียกได้ว่าเขานั้นเป็นอัจฉริยะในหมู่ของอัจฉริยะ เพียงไม่กี่ร้อยปีถังซานก็ได้กลายเป็นเซียนและได้สร้างชื่อเสียงไปทั่วดินแดนต่าง ๆ ด้วยความที่ถังซานนั้นเป็นอัจฉริยะที่ทำอะไรนั้นก็ดีไปเสียหมดจึงทำให้เทาเจามักจะอิจฉาและเกลียดในตัวของถังซาน

หลังจากเวลาผ่านไปไม่กี่ร้อยปีก่อนที่อาจารย์ของเขาจะขึ้นไปอยู่บนแดนสวรรค์ เทียนหลางได้ฝากสำนักและศิษย์คนอื่น ๆ ไว้กับเทาเจาซึ่งนั่นทำให้เทาเจาสับสนไม่น้อยเพราะเขารู้ตัวดีว่าศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของเทียนหลางหาใช่ตัวเองแต่เป็นศิษย์พี่ของเขา แต่เหตุผลใดเทียนหลางถึงได้มอบหน้าที่นี้ให้กับเขา

เมื่อเขาเข้าไปขอคำอธิบายกับเทียนหลาง คำอธิบายของเทียนหลางก็ไขข้อข้องใจทุกอย่างให้กับเขาเทียนหลางได้บอกว่า

”ถังซานนั้นรู้ตัวดีว่าเขานั้นไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้เพราะตัวเขานั้นไม่มีความสามารถและความทะเยอทะยานมากพอที่จะดูแลสำนักและศิษย์น้องคนอื่น ๆ ดังนั้นเขาจึงเคี่ยวเข็นให้เจ้านั้นพร้อมสำหรับการดูแลครอบครัวนี้ต่อจากข้า”

เมื่อเทาเจาได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะขบคิดถึงตลอดเวลาที่ถังซานได้สั่งสอนเทาเจาในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ การอ่านเขียน หรือแม้แต่การเข้าสังคม ทุกอย่างที่ถังซานทำนั้นต่างทำเพื่อเตรียมพร้อมให้กับในเวลานี้

หลังจากคิดถึงอดีตอยู่สักพักเทาเจาก็เดินตามถังซานเข้ามาด้านในก่อนที่จะเจอหญิงงามคนหนึ่งกำลังรินชาให้กับถังซานอยู่ ความงามของนางนั้นเทียบได้กับเหล่านางฟ้าในตำหนักเทพธิดาเลยทีเดียว เทาเจายิ้มก่อนจะก่อนจะทักทายนาง

”สวัสดีพี่สะใภ้”

นางยิ้มพร้อมกับหันมาทักทายเทาเจา

”สบายดีสินะเจาน้อย”

”ข้าสบายดีครับ”

เทาเจาตอบพร้อมกับยิ้มก่อนจะเดินมานั่งตรงข้ามกับถังซาน เมื่อเทาเจานั่งลงถังซานก็พูดเข้าประเด็นทันที

”เจ้าถ่อมาถึงดินแดนนิรันดร์แห่งนี้ มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ ?”

”ท่านอาจารย์อนุญาตให้ข้าได้เข้าสู่ชั้นสองของหอนิรันดร์หนึ่งวัน”

เมื่อถังซานได้ยินคิ้วของเขาก็ขมวดเล็กน้อยก่อนจะถาม

”ข้ารู้มาว่าท่านอาจารย์ได้ไปเกิดใหม่แล้ว แล้วเขาติดต่อกับเจ้าได้ยังไง ? หากนับตามเวลาแล้วเขาน่าจะอายุเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น”

เทาเจาที่ได้ยินก็ถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้น

”การไปเกิดใหม่ของท่านอาจารย์เกิดการผิดพลาดแทนที่ท่านอาจารย์จะได้ไปเกิดใหม่ กลับกลายเป็นว่าดวงวิญญาณของอาจารย์ได้ไปอยู่ในร่างของเด็กที่ชื่อและหน้าตาเหมือนกับเขาที่ได้ตายลง”

เมื่อได้ยินแบบนั้นถังซานก็พยักหน้าเพราะเขารู้ว่าเทาเจาไม่นั้นจะไม่โกหกในเรื่องของท่านอาจารย์ ถังซานจิบชาเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้น

”ตามข้ามา”

เทาเจาเดินตามถังซานไปตามภูเขาและป่าจนในที่สุดก็มาหยุดอยู่หน้าภูเขาลูกหนึ่งที่สูงตระหง่าน ด้านหน้านั้นมีสิงโตตัวใหญ่สองตัวนอนอยู่ซึ่งมันมีขนาดพอ ๆ กับภูเขาลูกย่อม ๆ เลยทีเดียวและมันเป็นสัตว์เลี้ยงของเทียนหลางที่เคยเลี้ยงเอาไว้ และได้ถูกเทียนหลางนำมาที่เกาะแห่งนี้เพื่อดูแล และเฝ้าหอคอยนิรันดร์

เมื่อมันทั้งสองเห็นถังซานก็คำรามออกมาเล็กน้อยก่อนจะกลับไปนอนดังเดิม ถังซานเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูก่อนจะประทับฝ่ามือลงไปและท่องบางอย่างออกมา

ทันใดนั้นประตูก็เรืองแสงสีทองออกมาก่อนจะค่อย ๆ เปิดขึ้นหลังจากนั้นถังซานก็ถอยหลังออกมาก่อนจะพูดขึ้น

”เจ้ามีเวลาหนึ่งวันเท่านั้น”

”ขอบคุณมากศิษย์พี่”

เมื่อพูดจบเทาเจาก็เดินเข้าไปในหอคอยนิรันดร์ ก่อนที่ประตูจะปิดลง

……………………………………………………………………………………………………….

ทางด้านเทียนหลางหลังจากที่ตัดการติดต่อจากเทาเจาไปเรียบร้อยแล้วเขาก็กำลังโดยสอบสวนจากหลินเสวี่ย และซูหลินอยู่ ในขณะที่เทียนหลางกำลังทานข้าวกลางวันอยู่เฟิงหยวนอยู่นั้นทั้งคู่ก็ได้เดินเข้ามา เมื่อทั้งคู่เห็นเทียนหลางกำลังนั่งกินข้าวกับเฟิงหยวนอยู่นั้นก็เอ่ยถามขึ้นทันที

”เธอเป็นใครกันนะเทียนหลาง ?”

”นั่นสิ”

”อธิบายมาเดียวนี้เลยนะ”

หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้เทียนหลางก็ถูกทั้งคู่สอบถามครั้งใหญ่ก่อนที่จะหันไปมองเฟิงหยวนเพื่อขอความช่วยเหลือ เฟิงหยวนยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้ามา และพาทั้งสองคนออกไปคุยกันที่สวน ปล่อยให้เทียนหลางนั่งมองอยู่ไกล ๆ

หลังจากนั้นไม่นานทั้งคู่ก็กลับไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เทียนหลางพยายามจะกล่าวลาพวกเธอแต่พวกเธอก็รีบกลับไปก่อนด้วยใบหน้าแดงก่ำ เทียนหลางเกาหัวเราะ ๆ ก่อนจะหันมาหาเฟิงหยวนที่เดินออกมาจากสวนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

เทียนหลางเดินไปหาเฟิงหยวนในสวนก่อนจะเอ่ยถาม

”เจ้าบอกอะไรกับสองคนนั้นไป ?”

เฟิงหยวนหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดขึ้น

”ข้าแค่บอกว่าท่านสามารถแบ่งปันความรักให้กับพวกเราทั้งสามคนได้ โดยที่พวกเรานั้นไม่จำเป็นจะต้องทะเลาะกันแย่งท่าน”

เมื่อเทียนหลางได้ยินแบบนั้นก็แสดงสีหน้าตกใจออกมาทันทีพร้อมกับแสดงท่าทางสับสนออกมาก่อนจะพูดขึ้นกับเฟิงหยวน

”แล้วเจ้ายินดีงั้นเหรอ ? ที่จะทำแบบนั้นเจ้าไม่ได้อย่างอยู่กับข้างั้นเหรอ ?”

เฟิงหยวนที่ได้ยินก็ยิ้มเล็กน้อย

”แน่นอนข้าอยากอยู่กับท่าน แต่ข้าไม่สามารถเก็บท่านไว้กับข้าคนเดียวได้”

เทียนหลางที่ได้ยินก็สับสนเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถาม

”หมายความว่ายังไง”

เฟิงหยวนหันมามองเทียนหลางอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับรอยยิ้ม เมื่อทั้งสองคนอยู่ใกล้กันเฟิงหยวนก็โอบคอของเทียนหลางด้วยแขนเรียวงามของเธอก่อนจะพูดขึ้น

”ข้ารู้ว่าช่วงชีวิตของมนุษย์นั้นแสนสั้นต่างกับเราเหล่าเทพ การที่คน ๆ หนึ่งนั้นต้องการที่จะใช้ชีวิตอยู่กับใครสักคนไปตลอดชีวิตแต่ไม่สามารถทำได้นั้น เป็นอะไรที่เจ็บปวด และเมื่อข้าเห็นมันในจิตใจของสองคนนั้นข้าก็รู้ว่าไม่สามารถเก็บท่านไว้กับตัวเองได้”

เทียนหลางโอบเอวของเฟิงหยวนเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้น

”แล้วเจ้ายินดีที่จะแบ่งปันข้ากับคนอื่นเช่นนั้นหรือ ?”

”ข้าใช้ชีวิตอยู่กับท่านมามากกว่าหมื่นปีแล้ว แม้จะไม่ใช่ในฐานะสามีภรรยาแต่ท่านก็ดูแลข้าไม่ต่างจากสามีดูแลภรรยา ข้าใช้ชีวิตกับท่านมานานถึงเวลาที่ข้าจะแบ่งปันความสุขนี้กับอื่นคนบ้างแล้ว”

”แล้วเจ้า…”

ในจังหวะที่เทียนหลางกำลังจะถามคำถามต่อไปนั้นเฟิงหยวนก็ประกบปากของเธอเข้ากับปากของเขาอย่างรวดเร็ว ทั้งคู่จูบกันอย่างนานก่อนจะถอนปากออกจากกัน เฟิงหยวนหัวเราะคิกคักเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น

”ถึงแม้ข้าจะแบ่งปันความสุขนี้กับผู้หญิงอื่น แต่ข้าก็ยังคงเป็นราชินีของท่านเสมอไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน”

เทียนหลางยิ้มก่อนจะพูดขึ้น

”แน่นอน เจ้าจะเป็นราชินีของข้าเสมอ”