ตอนที่ 55

The simple life of the emperor

สองสัปดาห์ผ่านไปอย่างราบรื่นเฟิงหยวนและเทียนหลางได้จัดการฝึกเบื้องต้นให้กันหลินหลินน้อย และช่วยเหลือเธอในการบ่มเพาะและการที่เธอนั้นมีกายาสวรรค์ทำให้การบ่มเพาะของเธอก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ส่วนแม่ของหลินหลินน้อยที่ชื่อว่า อันฉี ได้กลายเป็นแม่บ้านประจำบ้านคอยดูแลความสะอาดและอาหารบางมื้อ

เมื่อการบ่มเพาะของหลินหลินน้อยเป็นไปได้ด้วยดี เทียนหลางก็วางใจที่จะให้เฟิงหยวนสอนเธอในการควบคุมพลังของกายาโดยสองสัปดาห์ที่ผ่านมานั้นเทียนหลางได้ฝึกการบ่มเพาะพื้นฐาน และทฤษฏีเบื้องต้นต่าง ๆ ให้กับเธอ

การฝึกของหลินหลินนั้นต้องการเม็ดยาบางชนิดเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพมากที่สุดในการฝึกแต่ถึงอย่างงั้นเทียนหลางก็ยังขาดสมุนไพรบางชนิด รวมถึงยาทิพย์ฉบับปรับปรุงด้วยเช่นกันที่เทียนหลางนั้นยังขาดสมุนไพรบางอย่างที่จะปรับปรุงยาทิพย์ให้ผลข้างเคียงของมันหายไป

โดยปกติแล้วผู้ที่ดื่มยาทิพย์ไปจะมีผลข้างเคียงคือการได้รับความเจ็บจำนวนมหาศาล แต่ผลข้างเคียงนี้สามารถแก้ไขได้ด้วยสมุนไพรบางอย่างดังนั้นผลของยาทิพย์ในตอนนี้จึงยังมีอยู่ นี่คือเหตุผลหนึ่งที่เทียนหลางไม่ได้นำยาทิพย์ให้พ่อกับแม่ของเขาดื่มมัน

เทียนหลางเดินวนไปวนมาในห้องหนังสือพร้อมกับคิดหาทางที่จะหาสมุนไพรพวกนั้นมา แม้เขาจะขอให้หลี่ไห่ กับหลินจินทงช่วยแล้วก็ตาม เขาก็ยังคงไม่ได้รับมัน

เทียนหลางขบคิดอยู่สักพักก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ

”คงต้องใช้วิธีสุดท้ายแล้ว”

………………………………………………….

ณ แดนสวรรค์ ตำหนักองครักษ์

มีชายหนุ่มคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับกำลังอุ้มหมวกเหล็กทองคำอยู่ในอ้อมแขน เขาถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้า

”การตรวจตรารอบนี้หนักเอาเรื่องเลยแหะ แล้วไหนจะเหล่านางฟ้าที่มักจะคอยทะเลาะกันอยู่บ่อย ๆ อีก”

ชายหนุ่มนั่งลงที่เตียงก่อนจะพูดขึ้น

”ตั้งแต่ที่ท่านอาจารย์กลับไปเกิดใหม่ นี่ก็ผ่านมานานแล้วแต่ไหงบรรยากาศยังคงอึมครึมอยู่นะ ข้าละไม่เข้าใจจริง ๆ”

ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังบ่นพึมพำอยู่นั้นก็ได้มีแสงสีทองส่องสว่างไสวรอดผ่านประตูห้อง ๆ ออกมาจนทำให้เขานั้นถึงกับต้องหันไปดู

”นั่นห้องของศิษย์พี่เจานี่หน่า…”

ชายหนุ่มหันซ้ายหันขวาเพื่อตรวจสอบว่าบริเวณรอบ ๆ นั้นไม่มีใคร เมื่อตรวจสอบจนแน่ชัดแล้วชายหนุ่มจึงเดินตรงที่ประตูก่อนจะเปิดมันออกและเข้าไปยังห้องของศิษย์พี่ของเขา

เมื่อเข้ามาชายหนุ่มก็เห็นว่ากระจกทองเหลืองที่อยู่บนโต๊ะได้ส่องแสงสีทองออกมา

”นั่นคงเป็นแหล่งกำเนิดแสงสินะ”

ชายหนุ่มตรงเข้าไปหากระจกทองเหลืองก่อนจะสำรวจมันอย่างละเอียดก็พบว่ามันเป็นกระจกสื่อสาร ในขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้นว่าใครลงทุนใช้กระจกสื่อสารติดต่อกับศิษย์พี่ของเขาอยู่นั้น เสียงในกระจกก็ได้ดังออกมา

”โอ้ ~ นั่นเจ้าหนูเฉานี่หน่า”

ชายหนุ่มตกใจก่อนจะหันไปมองที่กระจกเขาก็พบกับเด็กหนุ่มหน้าตาดีกำลังมองเขาพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าเฉาก็มองใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนั้นอยู่สักพักก่อนจะแสดงสีหน้าตกใจออกมา

”ทะ… ท่านอาจารย์ !!”

”สบายดีใช่ไหมหวังเฉา”

”สบายดีครับอาจารย์”

หวังเฉาคือหนึ่งในศิษย์รุ่มเดียวกับเทาเจา แต่เพราะหวังเฉานั้นถูกเทียนหลางเก็บมาหลังจากเทาเจาสองปี เทาเจาจึงกลายเป็นศิษย์พี่ของหวังเฉาไปเทียนหลางนั้นฝึกทั้งคู่หนักเป็นพิเศษเพราะเทียนหลางคาดหวังว่าจะให้ทั้งคู่เป็นคนคอยดูแลและฝึกฝนศิษย์คนอื่นในขณะที่เทียนหลางไม่อยู่ และเทาเจากับหวังเฉายังเคยถูกเฟิงหยวนสั่งสอนอีกด้วยตอนที่ทั้งคู่แอบเข้าไปในตำหนักของเหล่าเทพธิดาเพื่อหวังจะไปหาเหล่านางฟ้า ตั้งแต่นั้นมาทั้งคู่จึงเรียกเฟิงหยวนว่าอาจารย์หญิงไปโดยปริยาย

หวังเฉาที่เห็นเทียนหลางในกระจกสื่อสารก็นึกสงสัยขึ้นมาจึงเอ่ยถามขึ้น

”ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ว่าท่านจากแดนสวรรค์ไปไม่กี่เดือนเองหรอกหรือทำไมท่านถึงโตเร็วปานนี้กันเล่า ?”

เทียนหลางที่ได้ยินก็ถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้น

”เกิดความผิดพลาดนิดหน่อยอะนะ แต่เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกข้านั้นสบายดี”

เมื่อหวังเฉาได้ยินก็พยักหน้าก่อนจะถามอีกครั้ง

”แล้วท่านอาจารย์หญิงละครับ ?”

”นางอยู่กับแถมยังสบายดีมากเลยด้วย”

หวังเฉาพยักหน้าเมื่อได้ยินว่าอาจารย์ทั้งสองของตนสบายดีก็ดีใจ ก่อนจะถามขึ้น

”แล้วท่านอาจารย์ติดต่อศิษย์พี่มามีเรื่องอะไรงั้นเหรอ ?”

เทียนหลางที่ได้ยินก็ขบคิดเล็กน้อยเพราะเขาลังเลว่าจะใช้เจ้าหนูหวังเฉา หรือเจ้าหนูเทาเจาดีเพราะนิสัยของเจ้าหนูนี่ออกจะซื่อ ๆ ไปสักหน่อยอาจทำให้มีปัญหาได้เขาจึงตัดสินใจว่าจะใช้เจ้าหนูเทาเจาแทน

”ข้ามีเรื่องจะคุยกับเทาเจานิดหน่อย เจ้าไปเรียกเขามาให้ข้าที”

เมื่อได้ยินแบบนั้นหวังเฉาก็แสดงท่าทีฝืน ๆ ออกมาทันทีพร้อมกับพูดขึ้น

”ตอนนี้ศิษย์พี่กำลังทำหน้าที่อยู่นะสิท่านอาจารย์ เกรงว่าจะเป็นไปได้ยาก”

เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดออกมาเบา ๆ

”ข้ากะว่าจะให้โสมแดงพันปีกับเจ้าเสียหน่อย หากเจ้าไปเรียกเทาเจามาได้ เฮ้อ ~ ช่างน่าเสียดาย”

ทันทีที่หวังเฉาได้ยินคำพูดของเทียนหลางเขาก็รีบตอบรับคำและออกไปเรียกเทาเจามาทันที เทียนหลางที่ได้ยินก็หัวเราะออกมาก่อนจะอดไม่ได้ที่จะคิดถึงศิษย์คนนี้เพราะผ่านไปนานแค่ไหนเจ้าหนูหวังเฉาก็ยังคงซื่อกับเขาเหมือนเดิม

”ข้าคงจะต้องให้รางวัลเจ้าหนูนี่สักหน่อย”

ไม่นานนักหวังเฉาก็กลับมาพร้อมกับเทาเจา เมื่อเทาเจาเห็นเทียนหลางก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาทันที

”ท่านอาจารย์ทำไมถึงติดต่อมาละครับ”

”ข้ามีเรื่องจะให้เจ้าทำเสียหน่อยนะ”

เทาเจาเอียงคอสงสัยเพราะเขาไม่คิดว่าเทียนหลางนั้นจะมีเรื่องอะไรที่จะให้เขาทำบนแดนสวรรค์อีกงั้นเหรอ ?

”แล้วท่านจะให้ข้าทำสิ่งใด ?”

เทียนหลางที่ได้ยินก็บอกให้หวังเฉาออกจากห้องไปก่อน เมื่อหวังเฉาออกไปแล้วเทียนหลางก็พูดขึ้น

”ข้าอยากรู้ว่าเจ้าส่งกระจกนี่ลงมาจากสวรรค์ได้ยังไง ?”

เทาเจาที่ได้ยินก็เลยตอบกลับ

”ข้าได้ติดสินบนเทพองค์นึง และท่านก็น่าจะรู้ว่าเทพองค์ไหนข้าขอให้เขาส่งกระจกนั่นพร้อมกับที่อยู่บนโลกของท่านให้กับเขา ส่วนกระบวนการนั้นข้าไม่อาจทราบได้ข้าคิดว่าเขาคงใช้พลังบางอย่างส่งของไป เพราะไม่อย่างงั้นกระจกนั่นคงไม่อาจถึงมือท่านได้แบบครบสมบูรณ์”

เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้าเพราะเขาเดาได้ว่าเทาเจาคงไหว้วานให้เทพเฟยหยิน นั้นลักลอบส่งกระจกให้เพราะเทพเฟยหยินนั้นขึ้นชื่อเรื่องขโมยหรือลักลอบทำสิ่งต่าง ๆ

เทียนหลางถอนหายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้น

”ข้าจะให้เจ้าส่งของบางอย่างมากให้ข้า”

”ของบางอย่าง ? สิ่งใดกันเหรอท่านอาจารย์ ?”

”แหวนหยกพิรุณของข้า”

เทาเจาที่ได้ยินก็พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะแสดงท่าทีตกใจออกมา

”อะไรนะ !! ท่านจะให้ข้าลอบส่งแหวนหยกพิรุณของท่านงั้นเหรอ ?”

”ถูกต้อง แต่เจ้าจะโวยวายเสียงดังไปทำไมกัน”

”จะไม่ให้ข้าโวยวายได้ไงกันเล่าก็ท่านเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าในแหวนนั้นมีสมบัติมากมายของท่านอยู่ด้านใน”

”นั่นมันก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น อีกอย่างที่ข้าต้องการก็มีแค่สมุนไพรกับแร่บางอย่างเท่านั้น ข้าจะเอามันมาปรุงยา”

เทาเจาพยักหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมาพร้อมกับพูดขึ้น

”แต่ท่านอาจารย์ ท่านต้องรู้นะช่วงนี้ทางสวรรค์มีการตรวจตราอย่างแน่นหนาจากเหตุการณ์ประตูนรกถูกเปิดเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนนี้แม้แต่เหล่าองครักษ์ก็ถึงกับต้องกลายไปเป็นยามตรวจตราเมืองเลย”

เทาเจาพูดพร้อมกับสบัดมือไปมาเบา เทียนหลางที่เห็นก็คิ้วขมวดทันทีเจ้าเด็กนี่คิดจะรีดไถข้างั้นเหรอ ? เทียนหลางขบคิดใจในก่อนจะถอนหายใจและพูดออกมา

”เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าเข้าสู่ชั้นสองของหอคอยนิรันดร์ได้หนึ่งวัน !”

ทันทีที่เทาเจาได้ยินคำพูดของเทียนหลางเขาก็เปลี่ยนท่าทีทันทีก่อนจะหันมาพูดกับเทียนหลางอย่างสุภาพ

”จริงเหรอท่านอาจารย์ ?”

”ข้าเคยโกหกเจ้าหรือไง ?”

เมื่อได้ยินคำยืนยันเทาเจาก็ไม่อาจปกปิดสีหน้าดีใจออกมาได้อีกต่อไป เขาแสดงความกระตือรือล้นอย่างมากก่อนจะพูดกับเทียนหลาง

”ท่านอาจารย์ไม่ต้องห่วง ข้าจะส่งแหวนให้ท่านในสองวัน !”

เทียนหลางที่ได้ยินก็พยักหน้าก่อนจะพูดขึ้น

”ก่อนออกมาเจ้าหยิบเม็ดยามังกรมาให้เฉาน้อยด้วยละ ดูเหมือนเขาจะติดคอขวดมานานเกินไปแล้ว”

”ข้าเข้าใจแล้วขอรับ”

เมื่อเเทาเจาออกมาเทียนหลางก็ตัดการสื่อสารจากกระจกก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ พร้อมกับคิดถึงเรื่องที่จะทำต่อไปจากนี้เพราะอีกไม่กี่วันเทียนหลางกับเฟิงหยวนก็จะต้องเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมการประมูล และเขายังจะต้องไปเยี่ยมยายของเขาที่ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าตาอีกด้วย

”ดูเหมือนจะมีอะไรให้ทำมากมายในอนาคต”

เทียนหลางบ่นพึมพำออกมาเบา ๆ