บทที่ 105 ใส่ร้าย (ต้น)

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 105 ใส่ร้าย (ต้น)

เมื่อเห็นว่าซูอันมองนางด้วยสายตาหงุดหงิด สีหน้าของ ฉู่ฮวนเจา

ก็แดงก่ำด้วยความรู้สึกโกรธพร้อมกับตะโกนว่า “ทำไมเจ้าถึงต้องไปยืมเงิน

คนอื่นเขามากมายขนาดนี้!”

ท่านยั่วยุ ฉู่ฮวนเจา สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +241!

ดอกบ๊วยสิบสาม ถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อครู่เขารู้สึกกังวลอยู่จริง ๆว่าฉู่ฮวนเจา จะชำระหนี้ของซูอัน เป้าหมายของเขาที่นี่ไม่ใช่เงิน แต่เป็นชีวิตของ ซูอัน!

“เราเคยไปที่บ่อนการพนันเมื่อนานมาแล้วเพื่อลองเสี่ยงโชค และสุดท้ายเขาก็สูญเสียมากกว่าที่เขามี”

ดอกบ๊วยสิบสาม รู้สึกว่าเป็นการดีที่สุดที่จะเปิดเผยธาตุแท้ของ ซูอัน ให้กับสาวสวยคนนี้ได้รู้เพื่อที่จะได้ลดแรงจูงใจให้นางไม่เข้ามายุ่งเกี่ยว

แต่ดูไปดูมาทำไม ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างคุ้นหน้าคุ้นตาจังหว่าข้าเคยเห็นนางที่ไหนมาก่อนนะ?

“ซูอัน ไอ้เจ้าลูกหมา! นี่เจ้าแอบไปเล่นการพนันมาอย่างนั้นเหรอ เจ้าไม่รู้หรือไงว่านี่มันเป็นข้อห้ามหลักของตระกูลฉู่ ของเรา? เมื่อปีที่แล้ว ลูกพี่ลูกน้องของข้าคนหนึ่งแอบไปที่บ่อนและสุดท้ายเขาก็ถูกลงโทษ

โดยการถูกตีจนขาหัก!” ฉู่ฮวนเจา ระดมทุบไปที่แขนของ ซูอัน อย่างโกรธจัด

ท่านยั่วยุ ฉู่ฮวนเจา สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น +333!

หัวใจของดอกบ๊วยสิบสาม กระตุกวูบ เมื่อในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าสาวงามผู้นี้เป็นใคร! นางคือคุณหนูรองของตระกูลฉู่นี่เอง! เอ๊ะเดี๋ยวนะ ทำไมมันถึงดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ไม่ได้แย่อะไรเลยแบบนี้? ไหนว่า ซูอัน ไม่ได้รับการต้อนรับในตระกูลฉู่?

ซูอัน ก็รู้สึกปวดหัวอย่างมากเช่นกัน มันช่างน่ารำคาญเหลือเกินที่มีดอกบ๊วยสิบสามตามหลอกหลอนเขาวันแล้ววันเล่า “หยุดตามข้ามาเหมือนวิญญาณพยาบาทสักทีมันน่ารำคาญ ข้าคืนหนี้เจ้าแน่นอนอยู่แล้วล่ะน่า!”

เมื่อพูดจบ ซูอัน ก็เอื้อมมือเข้าไปเสื้อของเขาและหยิบถุงผ้าออกมาและพูดว่า “ข้ามีหินพลังชี่ 7 ก้อนที่มีมูลค่าอย่างน้อย ๆ ก็ 800 ตำลึงเงินในตลาดมืดและข้ายังมีเงินอีก 100 ตำลึงเงินอยู่ที่นี่ด้วย…”

ดวงตาของ เฉิงโซวผิง เกือบจะถลนออกมาจากเบ้า เมื่อเช้านี้เขายังเห็นว่านายน้อยของเขาเองยากจนอยู่เลย ไหงตอนนี้จู่ ๆ เขากลับรวยขึ้นมาอย่างกะทันหันแบบนี้ได้ล่ะเนี่ย? นี่มันเกิดอะไรขึ้นในสถาบันกันแน่? เขาไปหาเงินมาเพิ่มเอาตอนไหนกัน?

ในขณะเดียวกัน ซูอัน ก็พยายามค้นเสื้อของตัวเองไปทั่วเพื่อดูว่ามันมีอะไรที่จะพอมีมูลค่าอีก100ตำลึงเงินหรือเปล่า เพราะที่เขามีอยู่ตอนนี้มันยังไม่พอ แต่แล้วโชคดีที่ ฉู่ฮวนเจา หยิบหินพลังชี่ของนางออกมา 1 ก้อนแล้วโยนไปให้กับดอกบ๊วยสิบสาม

“เอาหินพลังชี่อีกก้อนของข้าไป ส่วนที่เกินมาเจ้าก็เก็บเอาไว้ซะ แล้วจากนี้ไม่ต้องโผล่หน้ามาอีกเข้าใจไหม!”

ดอกบ๊วยสิบสาม เปิดถุงผ้าที่ ซูอัน ส่งมาให้เขาด้วยสีหน้าสงสัยและเมื่อเขาตรวจสอบดูเขาก็พบว่าข้างในมีหินพลังชี่ 7 ก้อนอยู่จริง ๆเขาขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “เจ้าไปเอาหินพลังชี่

พวกนี้มาจากไหนมากมาย?”

“นั่นมันเรื่องของข้าเจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ เอาล่ะตอนนี้เจ้าก็รีบ ๆ เอาตั๋วหนี้ของข้าคืนมาได้แล้ว!” ซูอัน พูดขึ้นพร้อมกับกวักมือ

“เดี๋ยวก่อน ๆ แบบนี้มันดูไม่เหมาะเท่าไหร่ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหินพลังชี่พวกนี้ได้มาจากการที่เจ้าไปขโมยพวกมันมาจากบรรดานักศึกษาในสถาบัน? ข้าไม่ยอมรับของที่ขโมยมาหรอก!” ดอกบ๊วยสิบสาม เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชา จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาคือใช้ตั๋วหนี้ในการเอาชีวิตของซูอัน แต่ตอนนี้สิ่งต่าง ๆ มันกลับกลายเป็นผิดพลาดอย่างมาก เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าา ซูอัน จะมีปัญญาใช้หนี้จริง ๆ?

“ข้าหน้าตาดี ผู้คนจึงมอบพวกมันให้ข้าด้วยความเต็มใจ แต่ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าสามารถเข้าไปในสถาบันเพื่อถามใครก็ได้ด้วยตัวเอง” ซูอัน เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเยาะเย้ย “แต่ข้าคิดว่าที่เจ้ากำลังเฉไฉอยู่ตอนนี้มันน่าจะเป็นเพราะเจ้ากำลังหาข้อแก้ตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการส่งตั๋วหนี้คืนให้ข้ามากกว่า แต่ก็ช่างเถอะในเมื่อเจ้าคิดจะมีอุบายงั้น ฮวนเจา พวกเรากลับไปบอกพ่อของเราเกี่ยวกับเรื่องนี้กันเถอะ ข้าคิดว่านิกายดอกบ๊วยน่าจะไม่เห็นหัวพวกเราจริง ๆ ที่พยายามทำอะไรแบบนี้กับเรา”

เมื่อได้ยินเช่นนี้สีหน้าของ ดอกบ๊วยสิบสาม เปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกและสิ้นหวังทันที ตามปกติแล้วไม่ว่าจะเป็นผู้ชายคนไหนที่ต้องแต่งเข้าบ้านเจ้าสาวมักจะไม่ค่อยเอาสถานะของตัวเองออกมาป่าวประกาศเท่าไหร่เพราะมันถือเป็นเรื่องน่าอายที่ผู้ชายแต่งเข้าบ้านผู้หญิง แต่ในทางกลับกัน ซูอัน กลับยอมรับสถานะของตัวเองได้อย่างหน้าตาเฉยแถมยังเรียก ฉู่จงเทียน ว่าพ่อได้อย่างเต็มปากโดยไม่มีอาการตะขิดตะขวงเลยสักนิด

ไอ้คนผู้นี้มันไร้ยางอายที่สุดเท่าที่ข้าเคยเจอมา!

และยิ่งไปกว่านั้น เขากังวลจริง ๆ ว่า อ๋องฉู่ จะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เช่นกัน มันจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งหาก ซูอัน ไม่มีปัญญาใช้หนี้พวกเขา แต่ตอนนี้กลับมีปัญญาใช้หนี้ได้แบบเต็ม ๆ แถมยังใช้ก่อนกำหนดอีกต่างหาก ถ้าเขายังคงดึงดันในเรื่องนี้ต่อไป แม้แต่คนโง่ก็ยังสามารถบอกได้ว่าการกระทำของเขามันมีเจตนาส่อไปในทางร้าย

“ก็ได้ ก็ได้! ข้าคืนตั๋วหนี้ให้เจ้าก็ได้!”

ดอกบ๊วยสิบสาม หยิบตั๋วหนี้ออกมาจากเสื้อแล้วส่งต่อคืนไปให้กับ ซูอัน สาเหตุที่เขาพกตั๋วหนี้มาด้วยในวันนี้เป็นเพราะเขาต้องการเผื่อเอาไว้ในกรณีที่มีคนมาหากล่าวหาว่าเขาสร้างปัญหาในบริเวณใกล้เคียง

ของสถาบันจันทร์กระจ่าง ซึ่งเขาตั้งใจที่จะปิดปากผู้คนด้วยตั๋วหนี้ใบนี้ แต่ใครจะไปคิดว่าแผนของเขามันกลับย้อนมาเล่นงานเขาซะเองแบบนี้?

ซูอัน รับตั๋วหนี้มาตรวจสอบอย่างตั้งใจ มันเป็นไอ้เจ้าของร่างคนก่อนหน้านี้จริง ๆ ที่ลงชื่อเอาไว้ “เดี๋ยวนะ ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้บอกว่าเจ้าทำสำเนาเอาไว้งั้นเหรอ? เอาพวกมันออกมาด้วยเดี๋ยวนี้!”

“ข้าพูดแบบนั้นเพื่อกดดันเจ้าต่างหาก! เจ้าคิดว่าของอย่างตั๋วหนี้

จะถูกคัดลอกได้ง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ? นอกจากนี้ ตั๋วหนี้ที่ถูกทำสำเนาขึ้นมามันไม่มีอำนาจทางกฎหมายอะไรเลยทั้งนั้น” ดอกบ๊วยสิบสามตอบกลับอย่างไม่เต็มใจ

ซูอัน ส่งตั๋วหนี้ไปให้ ฉู่ฮวนเจา เพื่อให้นางตรวจสอบอีกรอบ และเมื่อหลังจากตรวจสอบจนมั่นใจแล้วว่าดอกบ๊วยสิบสามไม่ได้โกหก เขาก็รีบฉีกตั๋วหนี้ออกเป็นชิ้น ๆ และบดเศษที่เหลือด้วยการถูด้วยมือ

ทั้งสองข้างให้มันเหลือแค่เพียงฝุ่นผง

ต้องรู้ว่าปัจจุบันเขามีพละกำลังเท่ากับผู้ชาย 143 คน ดังนั้นการบดกระดาษให้เป็นฝุ่นนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย

“เอาล่ะในเมื่อตั๋วหนี้ก็ถูกทำลายไป งั้นข้าขอตัวก่อนก็แล้วกัน”

ดอกบ๊วยสิบสาม ตั้งใจที่จะกลับไปยังสำนักของเขาให้เร็วที่สุดเพื่อรายงานเรื่องแผนการตั๋วหนี้ที่ผิดพลาดให้กับเจ้าสำนักของเขาทราบโดยด่วน

“หยุดเดี๋ยวนี้ เจ้ายังไปไหนไม่ได้!” ซูอัน ตะโกนเสียงดังลั่นทันทีและก่อนที่ดอกบ๊วยสิบสามจะเข้าใจสถานการณ์ได้ทัน ซูอัน ก็ตะโกนขึ้นอีกรอบแบบสุดเสียง “ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย! สำนักดอกบ๊วยกำลังพยายามจะปล้นข้าที่นี่!!”ดอกบ๊วยสิบสาม มองไปที่ ซูอัน ด้วยสีหน้าโง่งมไม่เข้าใจว่าซูอันต้องการพยายามจะทำอะไรกันแน่

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ต้องไตร่ตรองนานเพราะคำตอบมันปรากฏขึ้นภายในพริบตา

สายลมวูบพัดมาทางพวกเขาและชั่วอึดใจต่อมา ร่างของชายหัวล้านก็ปรากฏขึ้นตรงกลางระหว่างพวกเขา ชายวัยกลางคนผู้นี้จ้องมองทั้งสามคนด้วยสีหน้ามืดมน

“เกิดอะไรขึ้น?”

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ชายหัวล้านที่เพิ่งมาถึงไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก อาจารย์คุมกฎ ลู่เต๋อ! เนื่องจากเขายังคงยืนอยู่ที่หน้าประตูสถาบันซึ่งห่างออกไปไม่ไกลนัก ดังนั้นเขาจึงได้ยินเสียงตะโกนของซูอันทันที

ซึ่งทำให้เขาพุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

ซูอัน เองก็เห็นว่าลู่เต๋ออยู่ไม่ไกลเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงตั้งใจตะโกนออกมาดัง ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของฝั่งตรงข้าม และเมื่อ ลู่เต๋อ มาถึง ซูอัน ก็เริ่มแสดงละครโดยการเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

“ท่านอาจารย์ ชายผู้นี้ขโมยหินพลังชี่ ที่พวกเราได้รับจากสถาบันไปจนหมดเลย!”

ดอกบ๊วยสิบสาม แทบจะกระอักเลือดเมื่อได้ยินเช่นนี้ เขารีบโบกมือ

และตะโกนว่า “เจ้าโกหก! ข้าไม่ได้เอาของ ของเจ้าไปสักหน่อย!”