บทที่ 107 ห้าสิบล้านยังมีอยู่

หมอเทวดาขอกลับมาเป็นป๊ะป๋า

บทที่ 107 ห้าสิบล้านยังมีอยู่

บทที่ 107 ห้าสิบล้านยังมีอยู่

หวังอวี่ห่าวตามโจวอี้กับเหมียวเหมี่ยวเข้าไปในวิลล่า เขากวาดสายตามองดูสภาพแวดล้อมภายในแล้วก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เนื่องจากบ้านของโจวอี้มีข้าวของเพียงเล็กน้อย ภายในบ้านสะอาดและดูเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่เหมือนกับบ้านของเขาสักนิด

“น้องโจว วิลล่าด้านข้างก็เป็นของพวกคุณงั้นเหรอ?” จู่ ๆ หวังอวี่ห่าวถามขึ้น

“ใช่ครับ บ้านของเราเอง!” โจวอี้ตอบด้วยรอยยิ้ม

“ก่อนหน้านี้ ผมเห็นว่าเลขที่บ้านของคุณและภรรยาไม่เหมือนกัน ผมคิดว่าคุณจะเชื่อมทางเข้าภายในวิลล่าทั้งสองหลังแล้ว!”

“ผมก็อยากทำครับ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ผมทำให้ภรรยาโกรธ ตอนนี้ผมก็เลยต้องอาศัยอยู่ที่นี่ชั่วคราว” โจวอี้พูดติดตลก

เข้าใจแล้ว!

หลังจากนั้นหวังอวี่ห่าวก็เดินตามโจวอี้ขึ้นไปที่ชั้นสอง

เขาไม่รู้จักศิลปะจำพวกการประดิษฐ์ตัวอักษร ภาพวาด หรือแม้กระทั่งประติมากรรม ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยสนใจของตกแต่งต่าง ๆ ในห้องหนังสือของโจวอี้

ทว่าไม่นานนัก เขาก็ได้ยินประโยค “ยินดีต้อนรับ” ดังขึ้นถึงสองครั้ง ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก

“นกแก้ว? นี่คือนกแก้วของคุณใช่ไหม น้องโจว? พวกมันพูดได้ด้วยเหรอ?”

“โง่ โง่…”

“พูดได้ พูดได้…”

นกแก้วทั้งสองตัวไม่รอให้โจวอี้ตอบ แต่พวกมันรีบส่งเสียงตอบออกมาแทน

เมื่อได้ยินดังนั้น ถังเหมียวเหมี่ยวก็ปรบมือและคลี่ยิ้ม “คุณพ่อ พวกมันกำลังเรียกคุณลุงคนนี้ว่าโง่”

“สาวน้อย พูดแบบนี้กับลุงได้ยังไง!” โจวอี้ยิ้มบาง ๆ จากนั้นเขาก็หันไปพูดกับหวังอวี่ห่าวที่ตอนนี้ถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

“ผมรู้วิธีฝึกสัตว์ ดังนั้นหลังจากฝึกมาระยะหนึ่งแล้ว พวกมันจึงพูดได้”

“คุณรู้วิธี…ฝึกสัตว์?” หวังอวี่ห่าวมึนงง เพราะสำหรับเขาแล้วสิ่งนี้มันวิเศษมาก

“ผมเคยอาศัยอยู่ที่ภูเขามาก่อน เป็นเรื่องปกติที่ผมจะอยู่ร่วมกับสัตว์ป่า ดังนั้นจึงฝึกพวกมันได้ง่าย ๆ” โจวอี้อธิบาย

“ถ้าอย่างนั้นคุณก็เก่งมาก!” หวังอวี่ห่าวยกนิ้วให้

โจวอี้กระตุกยิ้ม จากนั้นเขาก็หยิบยาต้มอี้เฉินสองขวดออกมายื่นให้อีกฝ่าย “นี่ครับ ให้คุณผสมกับน้ำอุ่นครั้งละสองหยดทุกเช้าและเย็น มันจะเห็นผลภายในสองถึงสามวัน หากดื่มติดต่อกันนาน ๆ มันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ”

“ตกลง ขอบคุณนะน้องโจว” หวังอวี่ห่าวพยักหน้าอย่างตื่นเต้น

“ตอนที่ดื่มสองขวดนี้หมดแล้วก็ให้กลับมาหาผม ผมจะตอบคำถามทุกอย่างเกี่ยวกับยานี้” โจวอี้กล่าวเคล้ารอยยิ้ม ทันใดนั้นเขาก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างออก

“อย่าแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป ไม่งั้นผมเจ๊งแน่”

“ใช่ ๆๆ เรื่องนี้ไม่ควรให้ใครรู้” หวังอวี่ห่าวสัญญาแล้วถามต่ออีกว่า “ยาต้มอี้เฉินแพงมากเลยเหรอ?”

“มันไม่แพงเลย ผมใช้เงินน้อยกว่าสี่แสนหยวนในการต้มที่ออกมาได้มากกว่าสิบหรือยี่สิบขวด แต่ผมคงนำมาแจกจ่ายให้ทั้งหมดนั้นไม่ได้”

สี่แสน?

หรือก็คือยาต้มอี้เฉินสองขวดราคาราว ๆ สี่หมื่นหยวน?

หวังอวี่ห่าวลังเลอยู่ครู่หนึ่งและหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมาทันที “น้องโจว มาเพิ่มเพื่อนใน WeChat กันเถอะ แล้วผมจะโอนเงินให้คุณด้วย”

“เกี่ยวอะไรกับเงิน? เราเป็นเพื่อนบ้านและยังเป็นเพื่อนกัน ถ้าพูดถึงเรื่องเงิน มันจะทำร้ายความรู้สึกของเราได้นะ ผมให้ยานี้แก่เสี่ยวเฟยของเราไงล่ะ!”

“แค่กแค่ก โอเค! แล้วผมจะชวนน้องโจวไปดื่มทีหลังนะ” หวังอวี่ห่าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เขาไม่ได้ขาดเงินสักหน่อย!

มิฉะนั้นในฐานะนักแสดงหนุ่มระดับสาม เขาคงจะไม่สามารถซื้อบ้านในวิลล่าแห่งนี้ได้

หลังจากรู้มูลค่าของยาต้มอี้เฉินแล้ว เขาก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยและรู้สึกว่าตนเองกำลังใช้ประโยชน์จากโจวอี้

เขาจึงตัดสินใจว่าเขาจะกลับไปหาไวน์ดี ๆ มาส่งให้โจวอี้สักขวด

สี่ทุ่ม

โจวอี้ไปส่งลูกสาวเข้านอน

เมื่อถังหว่านกลับมา ร่างกายของเธอก็ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ

“หิมะตกอีกแล้วเหรอ?” โจวอี้มองไปที่เรือนผมของถังหว่านและถามอย่างนุ่มนวล

“อืม!”

“ไปรอที่ห้องนั่งเล่นก่อน ผมต้มโจ๊กรังนกต้มน้ำตาลให้คุณ ตอนนี้ยังร้อนอยู่ ผมจะเอามาให้คุณสักชาม” โจวอี้พูดเสร็จก็กุลีกุจอไปที่ห้องครัว

ครู่ต่อมา เขาก็กลับมาพร้อมโจ๊กรังนกต้มน้ำตาลหนึ่งชาม จากนั้นก็ยื่นชามและช้อนไปให้ถังหว่าน แต่แทนที่จะรีบออกไป เขากลับดึงเก้าอี้มาแล้วนั่งลงตรงข้ามกับเธอ

“ขอบคุณค่ะ!” ถังหว่านคลี่ยิ้ม

“ผมทำเองกับมือและมันมีคุณค่าทางโภชนาการมาก”

ถังหว่านไม่ได้พูดอะไร เธอกินโจ๊กรังนกต้มน้ำตาลอย่างเงียบ ๆ จนหมดชาม โจวอี้จึงรับชามว่างเปล่าใบนั้นกลับมา หลังจากนั้นก็นำไปทำความสะอาดในครัว และเขาก็กลับมาหาถังหว่านอีกครั้ง

“คุณมีเรื่องอะไรอีกงั้นเหรอ?”

“วันนี้ผมไปแผนกผู้ป่วยในเพื่อพบพี่อู๋ และบังเอิญว่าพี่หลีฟางก็อยู่ด้วย เธอบอกผมว่าอู๋หมิ่นหรูต้องการให้คุณทำงานที่บริษัทของเธองั้นเหรอ?”

“ใช่”

“คุณคิดยังไง” โจวอี้ถาม

“คุณถามทำไม?” ถังหว่านขมวดคิ้วเล็กน้อย

“เท่าที่ผมรู้ บริษัทของอู๋หมิ่นหรูอยู่ในเซี่ยงไฮ้ ถ้าคุณอยากไปจริง ๆ ผมคงต้องเตรียมการล่วงหน้า” โจวอี้กล่าวอย่างจริงจัง

“คุณจะทำอะไร?”

“บ้านไงครับ! ถ้าคุณไปทำงานในเซี่ยงไฮ้จริง ๆ เราก็จำเป็นต้องย้ายใช่ไหมล่ะ ผมต้องซื้อบ้านล่วงหน้า ไม่อย่างนั้นคุณจะเหนื่อยถ้าต้องเดินทางไปกลับระหว่างบ้านกับที่ทำงานทุกวัน!”

“…”

ถังหว่านอ้าปากค้าง หากแต่ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา และราวกับว่ามีกระแสอบอุ่นซัดสาดเข้ามาในใจเธอ

“แล้วความคิดของคุณล่ะ? ไหนลองบอกผมมาหน่อยครับ”

“ฉันต้องการเซ็นสัญญากับบริษัทพี่อู๋ แต่ฉันยังเหลือสัญญาอีกราว ๆ เจ็ดแปดเดือนกับต้นสังกัดเดิม ตอนนี้ฉันจึงยังไปไหนไม่ได้”

“ผมช่วยคุณยกเลิกสัญญาล่วงหน้าได้นะ”

“ต้องเสียค่าผิดสัญญาห้าสิบล้านหยวน” ถังหว่านเหลือบมองโจวอี้และพูดอย่างโกรธเคือง

“ก็แค่ห้าสิบล้านหยวนเองไม่ใช่เหรอ! แม้ว่าผมจะบริจาคเงินส่วนใหญ่ให้กับโรงพยาบาลไปแล้ว แต่เงินห้าสิบล้านหยวนผมก็ยังพอมีอยู่” โจวอี้พูดอย่างมีความสุข

“อะไรนะ? บริจาคให้โรงพยาบาลเหรอ? แล้วเงินส่วนใหญ่คืออะไร?” ถังหว่านตกตะลึง

“ใช่ครับ! โรงพยาบาลของเรามีกองทุนบรรเทาทุกข์เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยจากครอบครัวผู้ยากไร้ ดังนั้นเมื่อวานนี้ผมก็เลยบริจาคเงินไปร้อยล้านหยวน และตอนนี้ก็ยังมีเงินเหลืออยู่นิดหน่อย!” โจวอี้ยิ้มกว้าง

“คุณ … คุณเอาเงินมาจากไหนตั้งมากมาย?” ถังหว่านถามอย่างมึนงง

“กำไรจากการทำงานไง! วันก่อนผมยุ่งมากใช่ไหม ผลก็คือผมทำเงินได้หนึ่งหรือสองร้อยล้านหยวนเนี่ยแหละ” โจวอี้มองสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อยของถังหว่าน และรีบเสริมว่า “ไม่ต้องกังวล ผมได้รับเงินมาอย่างถูกกฎหมาย หวงไห่เทาและเฉิงฮ่าวก็ได้เท่ากับผมนะ”

ในที่สุดถังหว่านก็เข้าใจแล้วว่าทำไมหวงไห่เทาและเฉิงฮ่าวจึงได้ดูแลเธอเป็นอย่างดีที่งานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อการกุศลในวันนั้น

หัวใจของถังว่านรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย

เธอไม่ได้ถามว่าโจวอี้ หวงไห่เทา และเฉิงฮ่าวทำงานอะไร แต่เธอก็เห็นความสามารถในการทำเงินของโจวอี้แล้ว

ก่อนหน้านี้เธอคิดว่าการที่เธอเป็นดาราดังสามารถหาเงินได้ง่าย ดังนั้นหลังจากที่โจวอี้มาถึงจินหลิง เธอจึงถามโจวอี้ว่าเขามีเงินเท่าไหร่? จะอยู่รอดในจินหลิงได้อย่างไร?

ตอนนี้ดูเหมือนว่าคำถามของเธอจะไร้สาระจนเกินไป

“เลิกพูดเรื่องเงินค่าผิดสัญญานั่นเลย ฉันจะออกอัลบั้มใหม่เร็ว ๆ นี้ แล้วไหนจะยังมีพรีเซนเตอร์เครื่องประดับ ตอนนี้ฉันยุ่งมาก เรารอให้สัญญาหมดไปเองเถอะ!” ถังหว่านกล่าว

“ถ้างั้นก็ตามที่คุณต้องการเลย!”

โจวอี้ตกลงอย่างง่ายดาย และเขากำลังคิดว่าเขาควรหาเวลาไปพบกับอู๋หมิ่นหรูสักหน่อยแล้ว